The Soul Purchasing Pirate - บทที่ 318: อาณาจักรเวทมนตร์!
S.P.P: บทที่ 318: อาณาจักรเวทมนตร์!
เมื่อนโยบายนี้ออกมาทั่วทั้งท้องพระโรงก็ได้ เต็มไปด้วยความตกตะลึงและความตื่นเต้นในทันที
เหล่าผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงในตอนนี้นั้นต่างก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ในอาณาจักรบารุต พวกเขาต่างก็เฝ้ารอวันที่อาณาจักรบารุตจะเปิดเผยตัวตนสู่โลกภายนอก และในที่สุดวันที่พวกเขารอคอยก็ได้มาถึง
“ราชาจงเจริญ!!”
“ในที่สุด..ในที่สุดพวกเราก็สามารถออกไปสัมผัสกับโลกภายนอกได้สักที!”
บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น หลายปีที่ไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกนั้นมันทําให้อาณาจักรบารุตเริ่มที่จะถดถอย
โรแกนได้ยกยิ้มขึ้นมา เขารู้ดีถึงความเจ็บปวดของนโยบายการปิดประเทศการที่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้นั้น มันทําให้เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ มันเป็นความเจ็บปวดที่เหล่าผู้นําประเทศไม่มีทางได้รู้สึก
และจุดจบของเอเดนก็เป็นตัวพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี!
“ซาโล,หลังจากทําการแต่งตั้งผู้นําทั้งห้านายก็ทําการคัดเลือกหนึ่งในห้าคนนั้นให้ไปทําการติดต่อกับกองทัพเรือและรัฐบาลโลกซะ แล้วก็อย่าลืมแสดงความแข็งแกร่งของพวกเราให้พวกเขารับรู้ด้วยล่ะ!”
ในตอนนั้นเองโรแกนก็ได้หันไปกล่าวกับซาโล
“รับทราบองค์ราชา!”
ซาโลได้กล่าวตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
“แล้วนายก็อย่าลืมไปเปิดคลังสมบัติของอาณาจักรเราด้วยล่ะ ฉันต้องการที่จะยกระดับความแข็งแกร่งของอาณาจักรของเราไปให้ไกลกว่านี้ พลังอํานาจของผู้คนในอาณาจักรบารุตนั้นหยุดชะงักมาหลายปีแล้ว ฉันต้องการให้เหล่าจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างพวกนายไปได้ไกลกว่านี้”
การบ่มเพาะเวทมนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดังนั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ มันและด้วยหินที่เรียกว่าผลึกเวทย์นั้นมันสามารถยกระดับความแข็งแกร่งและประหยัดเวลาในการบ่มเพาะเวทมนตร์ไปได้มาก
“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การยกให้ฟรีๆ”
เมื่อเห็นความตื่นเต้นของพวกเขาโรแกนก็ได้ทําการราดน้ําเย็นลงไปในทันที
“ต่อแต่นี้ไปทั้งอาณาจักรบารุตและสภาผู้นําจะทําการใช้ระบบคะแนน,โดยที่ให้เหล่าผู้นําทั้งห้า และเหล่าเจ้าเมืองทําการตั้งภารกิจขึ้นมาโดยที่มีการกําหนดจํานวนคะแนนเอาไว้ ถ้ามีคะแนนมากพอก็จะสามารถแลกทรัพยากรที่ต้องการได้ ส่วนถ้าพวกผู้นําทั้งห้าอยากที่จะตั้งกฏอะไรขึ้นมาก ให้ไปปรึกษากันเอาเองก็แล้วกัน”
โรแกนได้กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
แนวคิดระบบคะแนนนั้นเป็นอะไรที่ง่ายดายมาก เพราะว่าเขาได้ทําการหยิบยกแนวคิดนี้มาจากนิยายในชีวิตก่อนของเขา
“และสุดท้ายฉันจะให้พวกนายไปทําการเปิดโรงเรียนเวทมนตร์ขึ้นมาซะ ตราบใดที่พวกเขาสามารถจ่ายค่าเข้าเรียนได้พวกเขาก็สามารถที่จะเรียนได้!”
คําพูดของโรแกนทําให้ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง
“พระเจ้าช่วย! องค์ราชาเป็นบ้าไปแล้วนั้นหรอ?”
“เอาจริงงั้นหรอ? ทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้เวทมนตร์ได้งั้นหรอ?”
“ฉันสามารถจินตนาการได้ว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมา อาณาจักรบารูตของเราจะต้องเข้าสู่ยุคเสรีเวทย์มนตร์อย่างแน่นอน!”
“อาณาจักรบารุตจะต้องเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วแน่นอน!”
คําสั่งสุดท้ายของโรแกนได้สร้างความสั่นสะเทีอนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ตั้งแต่ในสมัยโบราณการที่จะสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้นั้นมันเรื่องที่ซับซ้อนและเข้มงวดเป็นอย่างมาก! โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการสืบทอดมาจากครอบครัวหรือไม่ก็ได้รับมาจากราชวงศ์ซะเป็นส่วนใหญ่
เมื่อใดที่โรงเรียนเวทมนตร์เปิดทําการผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!
“แน่นอนว่าโรงเรียนเวทมนตร์นั้นเปิดรับเพียงแค่พลเมืองของอาณาจักรบารุตเพียงเท่านั้น หากว่ามีคนนอกที่ต้องการเข้าเรียนเขาจะต้องถูกตรวจสอบโดยผู้นําทั้งห้าก่อนพวกเขาจึงจะสามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์ได้!”
โรแกนได้กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
นโยบายแต่ละอย่างของราชาองค์ใหม่ต่างก็ทําให้พวกเขาตกตะลึง ในตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างเคารพราชาองค์ใหม่อย่างสุดหัวใจ
ต่อมาโรแกนก็ได้ทําการร่างกฎออกมาจํานวนหนึ่ง
การประชุมนั้นใช้เวลาไปทั้งสิ้นหกชั่วโมง เมื่อการประชุมสิ้นสุดลงอาณาจักรบารุตก็ได้สั่นสะเทือนขึ้นมาในทันที ตามท้องถนนนั้นต่างก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของผู้คนได้อย่างชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าคําสั่งของโรแกนนั้นต่างก็มอบประโยชน์ให้กับทุกผู้คนแถมยังมีความสมเหตุสมผล
ในขณะนี้โรแกนนั้นได้เดินทางมายังคลังสมบัติของอาณาจักรบารุตพร้อมกับซาโลและคนอื่นๆ
“องค์ราชาที่นี่ล่ะคลังสมบัติของอาณาจักรบารต”
เจอร์รี่ได้ทําการชี้ไม้คฑาของเขาออกไปเพื่อเปิดประตู
ในตอนที่ประตูคลังสมบัติเปิดออกซาโลและคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทําไมคลังสมบัติถึงโล่งแบบนี้?”
“พวกนายก็รู้ว่าเอเดนเป็นคนที่เห็นแก่ขนาดไหน พวกนายคิดว่าเขาจะสนใจคลังสมบัติงั้นหรอ เพื่อแลกกับการที่เขาจะได้สามารถบ่มเพาะเวทมนตร์ของเขาได้?” เจอร์รี่ได้กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“สมบัติที่ลดลงไปมันก็มีแค่พวกทองและเพชรพลอยต่างๆเท่านั้น แต่ผลึกเวทย์ก็ยังเหลืออยู่ตั้งเยอะ”
โรแกนได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
ในตอนที่เขาเดินเข้ามาในคลังสมบัติระบบก็ได้ทําการแจ้งเตือนถึงมูลค่าของสมบัติที่อยู่ในคลังสมบัติทันที แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะเก็บมันเข้าไปในระบบแต่อย่างใด เพราะไม่ว่ายังไงที่นี่ก็คืออาณาจักรของเขา อาณาจักรบารุตนั้นนับว่ามีประโยชน์มากสําหรับเขา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าภายในอาณาจักรแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามมากมายขนาดไหน ตราบใดที่สามารถบ่มเพาะพวกเขาได้อย่างถูกวิธี ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองทัพเรืออย่างแน่นอน!
“นี่มันจะโทรมเกินไปแล้ว”
แอสเพนได้กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เอาผลึกเวทย์ออกมา ในตอนนี้ภารกิจสําคัญของพวกเราก็คือการพัฒนาความแข็งแกร่งของอาณาจักร เพราะถ้าพวกเราไม่เร่งพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาละก็พวกเราจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ของโลกใบนี้ได้”
โรแกนได้สั่งการออกมาอย่างรวดเร็ว
“รับทราบ!”
ทุกคนต่างก็ทําตามคําสั่งของโรแกนอย่างรวดเร็ว
“ในตอนนี้นโยบายต่างๆของอาณาจักรก็ได้ทําการประกาศใช้แล้ว ต่อไปสิ่งที่พวกนายต้องทําเป็นอันดับแรกก็คือการค้า ฉันจะให้พวกนายนําผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีอยู่แค่ภายในอาณาจักรของเราออกไปทําการค้ากับอาณาจักรต่างๆที่โลกภายนอก เพื่อที่เราจะได้สามารถทําการขยายตัวคลังสมบัติได้อย่างรวดเร็ว”
ในตอนั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ได้ทําการพยักหน้า
สองชั่วโมงต่อมาโรแกนก็ได้กลับมาที่ห้องของเขาพร้อมกับทรัพยากรบางอย่างในคลังสมบัติ
ซึ่งทรัพยากรเหล่านั้นก็คือวิธีการบ่มเพราะพลังเวทย์และผลึกเวทย์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่โรแกนจะรู้สึกสนใจเวทมนตร์ มันจะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่ไม่ต้องการพลังเหนือธรรมชาติแบบนี้?
ยิ่งอ่านความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์ของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของอาณาจักรบารุตจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
เวทมนตร์ของอาณาจักรบารุตนั้นเกิดขึ้นมาจากผลไม้นั้น!
“ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของที่แห่งนี้จะเกิดขึ้นมาจากผลไม้ปีศาจ!”
โรแกนได้มีความเข้าใจปรากฏขึ้นมาในใจ
พลังของโลกใบนี้คือผลปีศาจซึ่งสามารถจําแนกได้สามประเภทดังนี้ โรเกีย,โซออน,พารามีเซีย เวทย์มนตร์เองก็สามารถแยกได้คร่าวๆดังนี้ เวทย์พลังธาตุ,การเล่นแร่แปรธาตุ,การปรุงยา,มนต์ดําและสุดท้ายเวทมนตร์ลับ
อาจกล่าวได้ว่าความสามารถของเวทย์มนตร์นั้นคล้ายคลึงกับผลไม้ปีศาจเป็นอย่างมากแตกต่างกันเพียงแค่มันมีอิสระ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีข้อเสียตรงที่มันต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะที่ยาวนาน
ถ้าเป็นพลังผลปีศาจละก็เพียงแค่สองหรือสามปีก็มีแนวโน้มที่จะเชี่ยวชาญมันได้แล้ว แต่นั้นไม่ใช่กับเวทมนตร์ต่อให้ใช้เวลา 30 ปีก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเชี่ยวชาญมันได้รึเปล่า
โรแกนได้ส่ายหัวและยอมแพ้ในการบ่มเพาะพลังเวทย์ไปในทันที แต่เขานั้นกําลังสนใจในวิธีการฝึกฝนเวทมนตร์อีกแบบหนึ่งซึ่งคนของอาณาจักรบารุตนั้นเรียกมันว่าการทําสมาธิ
“มันคือวิธีการบ่มเพาะให้พลังวิญญาณแข็งแกร่ง!”
โรแกนได้ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับอ่านหนังสือที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเจ้านายตัวน้อยและโรบินก็กําลังถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น
“ต้องใช่แน่ๆ,พี่สาวนี่จะต้องเป็นข้อความทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน!”
“ใช่แล้วนี่จะต้องเป็นข้อความทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน! มาทําให้โรแกนประหลาดใจกันเถอะ!”