The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 60: แล้วข้าจะกลับมา
ตอนที่ 60: แล้วข้าจะกลับมา
“อ้ากก!”
เสียงทหารกรีดร้องด้วยความกลัวดังขึ้นก่อนจะสิ้นใจล้มลงไปกับพื้น
“เมื่อคิดว่าข้าถูกลากออกมายังสนามรบเช่นนี้ด้วยแล้วนั้น
โพดอลส์กี้ที่ได้สังหารชีวิตทหารของศัตรูยิ้มอย่างขมขื่น ราวกับว่าเขาเบื่อหน่ายกับมันเต็มทน
เขาได้ถูกลากตัวเพื่อมาเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยในฐานะทหารรับจ้างของเรจินัลด์ ราชันย์แห่งทางเหนือ แม้ว่าจะมีโอกาสหลบออกไปได้อยู่หลายครั้งแต่เขาก็ยังพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อจนมันเลยเถิดมาถึงตอนที่เขาไม่สามารถหลบหนีออกไปไหนได้
“ไอ้คนสารเลว!”
และในขณะนั้นเอง
“เจ้าบิลลี่ ?”
ศัตรูที่โพดอลส์กี้กําลังได้เผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ต่างตกตะลึงกันเอง เมื่อได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
“เอ่อ…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าเป็นคนที่สามารถหลบหนีออกจากความยุ่งเหยิงในครั้งนี้ได้ แล้วทําไม…”
บิลลี่พูดด้วยความสับสน
“ข้าโลภมากในการหาข้อมูลมากไปหน่อย จึงต้องมาตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเช่นนี้ยังไงเล่า”
โพดอลส์กี้เกาศรษะด้วยความอับอาย
“ไอ้เวร!”
“อยู่ที่นี่เองรี! นี่เจ้าคิดจะทําอะไรกับศัตรูหรือห้ะ?! ข้าบอกให้เจ้าฆ่าพวกมันให้หมด ฆ่าพวกมันสิโว้ย!”
ทหารสองคนเริ่มสบถใส่พวกเขาทั้งสองคนที่กําลังยืนคุยกันอยู่ตรงนั้น
“เอ่อ…เช่นนั้นตอนนี้เราควรทําอะไรต่อ…”
บิลลี่เอ่ยถามแต่ไร้ซึ่งคําตอบจากโพดอลส์กี้
“ท่านผู้นําได้บอกเรื่องเวลากับเจ้าว่าเขาเข้าร่วมสงครามมาตอนไหนหรือไม่?”
“เมื่อสงครามเข้าสู่จุดสําคัญ เมื่อนั้นท่านจะมา องค์ราชันย์พูดไว้อย่างนั้น” โพดอลส์กี้ตอบกลับ
“จุดสําคัญ? หากมาตอนจบเลยจะไม่ง่ายยิ่งกว่าหรือ?”
“ไม่ได้” โพดอลส์กี้ส่ายหน้า
“มีการต่อสู้น้อยมากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกทําลายลงได้อย่างสมบูรณ์ โดยปกติแล้วฝ่ายที่เริ่มสูญเสียจะถอยทัพกลับและยอมแพ้ต่อดินแดน ในขณะที่ผู้ชนะจะแค่เพียงความเหนื่อยล้า”
โพดอลส์กี้ที่กําลังทําการตัดคอของศัตรูที่พุ่งเข้ามาเพื่อจะโจมตี ได้มอบคําอธิบายให้แก่บิลลี่ไปพร้อมๆกัน
“หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเราจะไม่สามารถจับกระต่ายทั้งสองตัวในคราวเดียวได้ แต่เมื่อสงครามเข้าสู่ช่วงจุดสําคัญ มันมีโอกาสสูงมากที่องค์ราชันย์จะยกทัพเข้ามาแล้วไล่สังหารทุกคนได้อย่างใสสะอาด”
โพดอลส์กี้คาดเดาความคิดของคังชอลอินได้อย่างแม่นยํา มันเป็นไปตามความคาดหมายในฐานะของผู้มีประสบการณ์ในการทําสงครามมาก่อน
“โอ้..แล้วพวกเราจะเข้าร่วม…”
“โอ้ใช่ มาต่อสู้กันสักหน่อยก่อนที่องค์ราชันย์ของพวกเราจะมาเถอะ”
พวกเขาสองคนพยายามหันหลังกลับไปสู้ต่อแต่ในขณะนั้นเอง
“บิลลี่!” โพอลสกี้มุ่งหน้าเข้าหาบิลลี่ในทันใด
“โพดอลส์กี้!” บิลลี่เองก็มุ่งหน้าเข้าหาโพดอลส์กี้ด้วยเช่นกัน
“กล้าดีอย่างไร!”
“สารเลว!”
ทั้งโพดอลส์กี้และบิลลี่ต่างเฉือนดาบและใช้อาวุธของพวกเขา เพื่อโจมตีใส่ทหารของฝ่ายตัวเอง
“อ้าก…”
“ค-แค่กก..”
ทั้งสองต่างช่วยชีวิตซึ่งกันและกันจากทหารที่พุ่งตัวเข้ามา
“วู้วววววว – สหายข้า
”
บิลลี่ยกนิ้วโป้งให้กับโพดอลส์กี้ โพดอลส์กี้เองก็ส่งสัญญาณกลับไปให้บิลลี่ด้วยเช่นกัน
“พวกนั้นคิดจะทําอะไร?”
“นั่นมันอะไรนะ? ฆ่ากองกําลังของตัวเองเพื่อปกป้องฝ่ายศัตรูอย่างนั้นหรือ?”
“ไอ้พวกสารเลวนั่น”
แต่ปัญหาคือมีใครบางคนดันเข้ามาพบเหตุการณ์ที่สําคัญเช่นนี้ได้เสียก่อน
“บิลลี่!”
“โพดอลส์กี้”
พวกเขาทั้งสองคนตะโกนหากันก่อนจะเหลือบมองกันเพียงครู่หนึ่ง
“วิ่ง!”
จากนั้นพวกเขาก็ออกวิ่งไปในทันใด
ขณะที่พวกเขาทั้งสองต่างกําลังตกอยู่ในการสู้รบที่ “แปลกประหลาด” แต่อีกด้านหนึ่งของสงครามนั้นกําลังดุเดือดและร้อนระอุเป็นอย่างมาก
“บ้าเอ๊ย!!”
เรจินัลด์ ราชันย์แห่งดินแดนเทมเพเมนทางตอนเหนือกัดริมฝีปากของตัวเองขณะสบถออกมาด้วยความโกรธ เมื่อสถานการณ์เริ่มร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด
ตอนนี้เจ้าของที่ด้าเวลเลียร์ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเรจินัลด์
หากเขาชนะการต่อสู้ทั้งหมดเขาจะสามารถครอบครองดินแดนโดราโด้ของลีแชรินและภูเขานีด้าเวลเลียร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่แล้วก็ต้องมีเรื่องให้เขาไม่สามารถเอาชนะเช่นนั้นมาได้และหนทางเป็นผู้นําชัยก็ต้องหยุดชะงัก
เขากําลังจะก้าวข้ามจากจุดเดือดของตัวเองเพื่อเข้าสู่วงเวียนแห่งความผิดหวัง
“บ้าเอ๊ย ข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
เรจินัลด์ใจร้อนออกคําสั่ง
“ส่งโอเกอร์สองหัวออกไป”
ภายหลังจากที่เรจินัลด์ออกคําสั่ง ทหารกลุ่มหนึ่งก็ได้ลากโอเกอร์สองหัวที่ถูกมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กออกมา
โควววว!!
โอเกอร์สองหัวส่งเสียงคํารามสะเทือนลั่นฟ้าก่อนจะออกวิ่งไปยังสนามรบอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม! ตู้ม!
การก้าวเดินของพวกมันเปรียบเสมือนการเกิดแผ่นดินไห วขนาดเล็กขึ้นเป็นย่อมๆ พวกมันเริ่มทําการสังหารทหารโดยไม่คิดหยุดยั้งความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
และเป็นไปตามที่คิด ความพินาศของสนามรบสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะโอเกอร์สองหัวตัวนี้
การสู้รบได้เปลี่ยนไปในทันทีที่พวกมันกระโจนเข้าสู่สงคราม มันเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักกันดีในฐานะราชาแห่งปามันจึงห็นได้ชัดว่าดินแดนเทมเพเมนกําลังได้เปรียบอยู่ในขณะนี้
เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้นแล้ว ราชันย์เอลิซาเบธก็กัดฟันกรอด พร้อมตัดสินใจออกไปต่อสู้ด้วยตัวของนางเอง
ซิ้งงงง!
เสียงดาบก้องกังวาลขณะที่นางหยิบมันขึ้นมากระชับมือ
“องค์ราชันย์!”
“อีวา” ผู้ช่วยส่วนตัวของดินแดนเครต้าพยายามหยุดยั้งนางเอาไว้
“ท่านจะออกไปสู้รบด้วยตัวท่านเองได้อย่างไรเล่าเจ้า…”
“ข้าต้องไป!” เอลิซาเบธตะโกนด้วยน้ําเสียงดุดัน
“ไม่เห็นว่าเรากําลังจะพ่ายแพ้!”
“ถึงกระนั้น…”
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”
“ฟู่ววว…
อีวาถอนหายใจอยู่ข้างใน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางต้องมาโต้เถียงกัน
“องค์ราชันย์” ใบหน้าของอีวาอ่อนข้อลงอย่างเห็นได้ชัด
“จงรู้ตําแหน่งของตัวเองให้ดี”
เอลิซาเบธพูดด้วยน้ําเสียงเป็นฟืนเป็นไฟ
“ข้าคือราชันย์ ไม่ใช่เจ้า”
“แต่ท่าน…”
“หุบปาก”
ดาบของเอลิซาเบธเอียงพาดเข้าหาคอของอีวาในบัดดล
“อีก!”
ด้วยความคร่ําครวญ เลือดสีแดงสดได้ซึมไหลออกมาจากคอของอีวา หากจังหวะดาบของนางเผลอเข้าไปใกล้มากยิ่งกว่านี้อีวาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“แล้วข้าจะสั่งสอนมารยาทที่ดีให้เจ้าอีกครั้งหลังสงครามนี้สิ้นสุด”
เอลิซาเบธพูดอย่างเย็นชาก่อนจะเดินจากอีวาไป และในไม่ช้า ทหารอารักขาของนางก็ติดตามนางออกไปด้วยเช่นกัน
“อีก!”
“แค่ก…”
ทันทีที่นางได้ออกไปร่วมต่อสู้ ทหารของฝั่งศัตรูก็ล้มทับระเนนระนาดราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นตกมาจากต้น การฟันดาบของนางเต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์และแหลมคมได้อย่างไม่คาดคิด
“ฆ่านาง! นางคือราชันย์แห่งดินแดนเครต้า!”
เมื่อทหารของเทมเพเมนจํานางได้ พวกเขาต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อฆ่านางในทันใด
“พวกแมลงเม่า”
ใบหน้าของเอลิซาเบธฉาบไปด้วยรอยยิ้มร้าย แม้นางจะเป็นคนที่งดงามด้วยผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า หากแต่ความรุนแรนในการสังหารของนางปี่ยมได้ดั่งกับฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่คิดที่จะหยุดสังหาร และไม่เพียงเท่านั้น…
“อ้ากก!!”
“เอื้อ!”
ทักษะของนางก็ยังน่าประทับใจอีกเช่นกัน
“โอเกอร์สองหัว?”
นางยิ้มเยาะขณะมองดู
“ได้ มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา”
นางหัวเราะด้วยความมั่นใจขณะดึงดาบพิฆาตที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นประจันหน้า พร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะ เอลิซาเบธได้มุ่งหน้าตรงไปยังเส้นทางของศัตรู
ทันทีที่นางทําเช่นนั้น หยดเลือดก็เริ่มสาดกระเซ็น นางมีความชํานาญพิเศษที่จะช่วยในเรื่องของการฟันดาบ และทําให้นางสามารถเกือบจะอยู่ยงคงกระพันได้
หลังจากที่อโอเกอร์สองหัวได้เข้าร่วมกับสงคราม การสู้รบก็เริ่มขยายของวงกว้างมากยิ่ง
“เวรเอ๊ย!”
บิลลี่เองก็กําลังยุ่งเหยิงอยู่กับความโกลาหล
“บิลลี่ ระวังตรงนั้น!”
หนึ่งในนักผจญภัยที่ติดตามบิลลี่มาด้วยกันกล่าวเตือนเขา
“ไหนใครกล้าคิดที่จะลองดีกับข้า!”
บิลลี่เหวี่ยงกระบองตุ้มหนามของเขาเพื่อทําลายกระโหลกของศัตรู
“เฮ้ออ…”
โพดอลสกี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“ตอนนี้น่าจะได้เวลาที่องค์ราชันย์ออกมาแล้วละมั้ง…”
ทั้งบิลลี่และโพดอลส์กี้ที่อยู่ท่ามกลางสนามรบ ไม่สามารถแยกฝั่งศัตรูและพันธมิตรได้ของตัวเองอีกต่อไป
ใครก็ตามที่วิ่งพุ่งเข้ามาเพื่อจะโจมตี พวกเขาต่างโจมตีกลับใส่ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นคนจากเทมเพเมนหรือเครต้า
“บิลลี่!!”
โพดอลส์กี้ตะโกน
ทันใดนั้นใบหน้าของบิลลี่ก็แข็งที่อ
สอง…หัว…”
สัตว์ประหลาดที่มีสองหัวพุ่งเข้าหาบิลลี่ที่กําลังเหนื่อยล้า
บิลลี่คาดการณ์การตายของตัวเองไว้ล่วงหน้าทันใด ไม่มีทางที่เขาจะสามารถหยุดเจ้าสัตว์ประหลาดที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว 130 กม. / ชม. เช่นนี้ได้ แล้วยิ่งกับเขาในตอนที่หมดแรงยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
แต่ในขณะนั้นเอง ราวกับมีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้นข้างหูจนเกือบทําให้แก้วหูของเขาแตก
ตู้ม!!
ด้วยเสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านซ้ายของโอเกอร์สองหัว มันเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากปืนใหญ่เวทมนตร์ที่ได้เปิดการใช้งานอย่างเต็มกําลัง
และการยิงก็ยังคงดําเนินต่อไป
“บิลลี่!” โพดอลส์กี้ตะโกนเรียก
“ว่าไง!!” บิลลี่ที่เกือบจะต้องเสียชีวิตไปแล้วตะโกนกลับ
“นั่นคือการยิงจากฝั่งเรา! เราต้องรีบออกไปจากที่นี่! โดยด่วน!!”
โพดอลส์กี้และบิลลี่รวมถึงนักผจญภัยคนอื่นๆที่ได้เข้าร่วมกับสงครามในครั้งนี้ได้ใช้พลังที่มีทั้งหมดเพื่อออกจากการต่อสู้ ทันทีที่พวกเขาวิ่งจากไป ปืนใหญ่ก็เริ่มยิ่งขึ้นอีกครั้ง
“ตรงนั้น ไปที่ตรงนั้น”
โพดอลสกี้ชี้ไปยังเนินเขาบริเวณหนึ่ง
“โอ้เ”
บิลลี่ทําหน้าอย่างมีความสุขราวกับกําลังจะได้พบกับคู่หมั้น
“วู้ววว!”
“ฆ่ามัน!! แสดงให้พวกนั้นได้เห็นว่าใครคือเจ้าของที่แห่งนี้กันแน่!!” คังชอลอินสั่งการพลางพาทหารลงเขามาด้วยความเร็วสูง
มันเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างมาก
ทั้งกองทัพของเครต้าและเทมเพเมนต่างก็มีขนาดลดน้อยลงไปกว่าครึ่งจากขนาดเดิมในตอนแรก และเนื่องจากการต่อสู้ที่ไม่มีความเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้มันจะง่ายมากสําหรับพวกเขาเพื่อทําการชะล้างสิ่งสกปรก
“องค์ราชันย์!”
“ท่านผู้นํา!”
ทั้งโพดอลสกี้และบิลลี่ต่างก็เรียกหาคังชอลอินขึ้นมาพร้อมกัน
“ทําได้ดีมาก!” คังชอลอินกล่าวชม
“แต่ทําไมถึงได้ไปอยู่ตรงนั้น รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าเกือบจะตายด้วยปืนใหญ่จากฝั่งของเราเข้าแล้ว … ช่างเถอะ ไว้ข้าค่อยฟังเรื่องราวของพวกเจ้าในภายหลังก็แล้วกัน”
คังชอลอินปล่อยผ่านทั้งบิลลี่และโพดอลส์กี้ไปในทันที นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมารับฟังเรื่องราวของใคร แต่เป็นเวลาแห่งการไล่บี้ผู้บุกรุกพวกนี้ต่างหาก
และด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาทั้งสองจึงไม่ต้องคิดคําหาแก้ตัวแต่อย่างใด
“ทางนี้!”
คังชอลอินพูดเสียงดังเจาะทะลุผ่านรูหู ณ ที่แห่งนี้คือพื้นที่ที่การยิงเข้าไม่ถึง
และในขณะนั้นเอง ความชํานาญพิเศษ “พิชิต”ในระดับ B ของเขาก็ได้เปิดการใช้งานและเริ่มส่งผลกระทบต่อทหารของดินแดนโดราโด้
“พิชิต” จะช่วยให้ทหารมีกําลังใจและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 10%
ถ้าระดับของความสามารถนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคตมันจะช่วยในการออกศึกทําสงครามได้เป็นอย่างมาก
ต้องขอบคุณในความชํานาญพิเศษสิ่งนี้ของเขาที่ทําให้ทหารโดราโด้เริ่มการสังหารหมู่ทั้งเครต้าและเทมเพเมนได้อย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าไปไกลเกินกว่านั้น! การยิงของเรายังไม่เสร็จสิ้น! จงรออย่างใจเย็น!”
คังชอลอินที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาและกําลังจัดการกับศัตรูของแต่ละฝั่งตะโกนเตือนด้วยท่าทีสงบ
หากการยิงด้วยปืนใหญ่ยังไม่สิ้นสุด การฝ่าดงออกไปร่วมรบด้วย เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตออกไปทิ้ง
แม้พวกเขาต้องการและคลั่งไคล้ในการฆ่าศัตรูทั้งหมดนี้มาก เพียงใดพวกเขาก็จําเป็นต้องต่อต้านแรงกระตุ้นของตัวเองในตอนนี้ให้ได้และรอให้การยิงเสร็จสิ้น
“สิบเจ็ด”
คังชอลอินนับจํานวนกระสุนที่ยิงออกไปตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
พ้าว!
“สิบแปด
จํานวนกระสุนที่สามารถบรรจุได้คือสิบลูก และเนื่องจากพวกเขามีปืนใหญ่อยู่สองกระบอกดังนั้นการยิงทั้งหมดจะรวมเป็นสิบครั้ง
พ้าว!
“สิบเก้า”
พ้าว!
“โจมตี!!”
ทันทีที่การยิงของปืนใหญ่สิ้นสุด คังชอลอินยกดาบขึ้นไปบนอากาศแล้วตะโกนใส่พวกทหารพร้อมเดินออกไปข้างหน้า
“ไปข้างหน้า!! รักษารูปแบบและฆ่าพวกมันให้หมด! อย่าแยกออกจากกัน! ตราบใดที่เรารักษารูปแบบพื้นฐานไว้ได้มันก็ไม่สําคัญว่าพวกเจ้าจะต่อสู้เป็นเช่นไร!”
แม้สิ่งที่เขาร้องขอจากทหารคือข้อบังคับพื้นฐานแต่มันก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากศัตรูกําลังยุ่งเหยิงและอลหม่าน แต่ในขณะที่พวกเขากําลังรักษาขบวนทัพเช่นนี้ไว้ได้ พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นการสังหารหมู่ได้ในทันที
“ปล่อยนักรบโอเกอร์เข้าไปได้!”
คังชอลอินออกคําสั่งให้ปล่อยตัวโอเกอร์แห่งการต่อสู้เข้าไปยังสนามรบเพื่อทําให้เกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
“โทรล์ป้องกัน คอยปกป้องพวกเราจากโอเกอร์สองหัว!”
เขาใช้โทรล์ป้องกันเพื่อปกป้องแนวหน้าของการก่อตัว
และผลที่ได้รับกลับมานั้น
กองทัพโดราโด้ได้เปิดการโจมตีอย่างไร้ความปราณีเพื่อฆ่าศัตรูทั้งหมด และด้วยสิ่งนี้มันได้นําไปสู่การสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว เพื่อกวาดทั้งกองทัพของเครต้าและเทมเพเมนให้ออกไปพ้นทาง
“เฮ้อ…”
เมื่อมองไปยังกองทัพที่สามารถต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คังชอลอินถอนหายใจเสียงดังและเริ่มเดินไปข้างหน้าในทันใด
ในขณะที่คังชอลอินกําลังเป็นผู้บัญชาการได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้บัญชาการที่น่าอัตคัดด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นถึงราชันย์แต่เขากลับต้องเข้าสู่สงครามของศัตรูด้วยภาพลักษณ์เช่นนี้อย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทําให้เขากลายเป็นผู้บัญชาการที่ดูน่าสังเวช
แต่เขาจะทําอะไรได้ในเมื่อการออกท่องไปในสนามรบเช่นนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่โปรดปรานมากที่สุด
“ยูราดด์”
คังชอลอินเดินผ่านตัวยูราดด์พลางกล่าวเรียกเขา
“ขอรับผู้บัญชาการ!”
“เดี๋ยวข้ากลับมา”
“ข ขอรับ?”
ทันทีที่พูดจบ คังชอลอินได้ออกตัววิ่งราวกับแสงจากสายฟ้าฟาด เพื่อมุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางสนามรบของศัตรูในทันใด