The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 58: หว่านแหเพื่อจับนกและหอย
The Overlord of Blood and Iron ตอนที่ 58: หว่านแหเพื่อจับนกและหอย
ตอนที่ 58: หว่านแหเพื่อจับนกและหอย
นักล่าจะไม่คิดหยอกเล่นกับเหยื่อ
ไม่ว่าจะเป็นสิงโตหรือเสือที่ร้ายกาจเพียงใด พวกมันจะพุ่งตรงเข้าหาลําคอของเหยื่อเพื่อฟังคมเขี้ยวแหลมลงอย่างเด็ดขาดดั่งคํากล่าวที่เคยได้ยินว่า “แม้จะเป็นเพียงกระต่ายตัวน้อยแต่สิงโตก็จะใช้พละกําลังทั้งหมดที่มีเพื่อออกล่า”
แม้ว่าสัตว์จําพวกแมวจะเหมือนออกล่าแมลงและหนูทุกครั้งที่ได้เห็นแต่นั่นเป็นเพียงการละเล่นของแมวเท่านั้นไม่ใช่การล่าไม่เพียงแค่นั้นแต่แมวยังเป็นสัตว์เลี้ยงประจําบ้านที่ไม่ได้องอาจเหมือนอย่างสิงโตหรือเสือที่เติบโตในป่าแต่อย่างใด
เท่าที่คังชอลอินเห็นในตอนนี้ ราชันย์ที่เข้ามายึดนีด้าเวลเลียร์ไม่ใช่นักล่าแต่เป็นเพียงแค่แมวตัวหนึ่ง
“เพื่ออธิบายให้ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น พวกนั้นกําลังคิดว่าดินแดนของเจ้าไม่สามารถต่อกรกับใครได้อีกต่อไปและไม่คิดกล้ากลับมาเอานีด้าเวลเลียร์กลับคืนไปอีกครั้ง”
คังชอลอินอธิบายสถานการณ์ที่คาดคิดด้วยความมั่นใจ
“หากไม่ใช่เพราะแบบนั้น พวกมันคงนําทัพทั้งหมดที่มีเข้ามายังดินแดนเพื่อเปิดการโจมตีแบบเต็มกําลังไปแล้ว”
คนอื่นที่ได้ฟังพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่คังชอลอินคิดพร้อมแสดงความชื่นชมต่อความคิดอันชาญฉลาดของเขา
“แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ดินแดนของเรายังไม่ถูกโจมตีถึงขั้นเสียหายจนล่มจม เหตุใดพวกเขาถึงคิดอะไรเช่นนั้น? ทั้งหมดของสงครามที่เกิดก็เพื่อแย่งชิงนี้ด้าเวลเลียร์เท่านั้นหรือ?”
ลีแชรินกล่าวข้อสงสัยที่นางเคลือบแคลงใจ
“ข้าจะอธิบายให้ฟัง ข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะเข้าใจตัวอย่างนี้หรือไม่แต่ลองจินตนาการถึงผู้หญิงที่กําลังต่อสู้อยู่กับเจ้าโดยการรวบผมของเจ้าไว้แน่นขึ้นมาดู”
“ได้” ลีแชรินลองนึกภาพถึงใบหน้าศัตรูของนางที่ไร้ตัวตนขึ้นมา
“และในตอนนั้นเองก็ได้มีสุนัขตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาใกล้ ๆ กับบริเวณที่พวกเจ้ากําลังยืนกันอยู่”
“เช่นนั้น…ข้าจะไม่สนใจเรื่องการต่อสู้อย่างนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าคงมุ่งมั่นอยู่กับการเอาชนะและไม่มีเวลาไปสนใจสุนัขที่โผล่ออกมาหรอก”
“ถูกต้อง พวกนั้นไม่คิดว่าเจ้าเป็นภัยคุกคามอีกต่อไปจึงไม่คิดหันมาสนใจดินแดนของเจ้าเหมือนที่เจ้าไม่สนใจสุนัขตัวนั้น”
คังชอลอินยังคงพูดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ลองคิดตามคําพูดข้า พวกเจ้าใช้กองกําลังทางทหารถึง2,000 นายแต่ก็ยังล้มเหลวในการยึดนีด้าเวลเลียร์กลับคืนไม่เพียงเท่านั้นแต่สภาพโดยรวมดินแดนของเจ้าตอนนี้นั้นเป็นเช่นไร? ดินแดนของเจ้าเต็มไปด้วยทาสที่เหนื่อยล้าและสกปรกเพียงแค่การมองดูที่ปราสาทของเจ้าพวกนั้นก็สามารถรู้ได้แล้วว่าสถานการณ์ภายในของเจ้าแล้วว่ากําลังเป็นแบบใด”
“และเนื่องจากการพ่ายแพ้พวกนั้นจึงไม่คิดว่าเจ้าจะส่งกองกําลังเข้าไปอีก เหตุผลเท่านี้ก็มากเกินพอแล้วที่จะทําให้เพิกเฉยต่อพวกเรา”
“อย่างนี้นี่เอง หากไม่ใช่เพราะการต่อสู้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของรีด้าเวลเลียร์ พวกนั้นคงจะบุกเข้ามายังดินแดนเพื่อทําลายพวกเราจนย่อยยับไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกทางอารมณ์บนใบหน้าของลีแชรินก็ได้กลายเป็นความถึงทิ้งขึ้นในทันใด
“พวกเขากําลังดูถูกข้า”
“ใช่ ข้าไม่สามารถพูดได้ว่าที่เจ้าคิดนั้นผิด”
เช่นนั้นข้าคงกําลังถูกมองว่าเป็นเพียงผู้หญิงที่ไร้ความสามารถอย่างนั้นสินะ”
“มันเข้าใจได้ที่นางจะโกรธเคือง
เป็นใครก็ต้องโกรธหากได้รู้ว่าตัวเองกําลังถูกมองข้าม
“ในอดีต นางต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคนพวกนั้นแต่ในคราวนี้จะไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป
แม้ลีแชรินจะไม่อาจทราบ แต่นี่เป็นการเล่นจับคู่เพื่อตอบแทนกับสิ่งที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งก่อนมันคือการแก้แค้นให้กับสิ่งที่นางได้สูญเสียไปในชีวิตที่ผ่านมา
มันจะเป็นการต่อสู้ที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงในเมื่อภายในมือของลีแชรินตอนนี้กําลังถือไพโจ๊กเกอร์ที่ชื่อคังชอลอินไว้
“เจ้าจะต้องชนะ
คังชอลอินคิดอย่างมั่นใจว่านางจะต้องได้รับชัยชนะในครั้ง
2.6
ชัยชนะของนางก็เปรียบเหมือนชัยชนะสําหรับเขาด้วยเช่นกัน หากโจ๊กเกอร์ไม่สามารถทําหน้าที่ลวงหลอกของมันได้มันก็ไม่สมควรถูกเรียกว่าเป็นไพ่ไม้ตายอีกต่อไป หากได้ร่วมอกับราชันย์ที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมที่สุดอย่างเช่นเขาแล้วนางจะไม่มีวันแพ้อย่างแน่นอน
“เจ้าต้องการชัยชนะงั้นหรือ?”
“ใช่ ชอลอิน ข้าต้องการชนะ ข้าต้องการพิสูจน์ให้พวกนั้นได้เห็นว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงไร้ความสามารถและข้าเองก็สามารถเป็นราชันย์ที่องอาจได้เช่นกัน” ลีแชรินตอบกลับ
“เจ้ามีความกล้ามากพอจะออกคําสั่งเพื่อส่งกองทัพเข้าสู่การรบหรือไม่?”
“แน่นอน!
“ดี เช่นนั้นจงตามข้าเข้าสู่สนามรบไปด้วยกัน เช่นนั้นข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
ขณะที่ลีแชรินพูดตอบรับอย่างกล้าหาญ คังชอลอินก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความพอใจ เขาคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ทําให้ผู้คนอยากมีลูกศิษย์ลูกหา
“นายท่าน แล้วเราจะเริ่มวางกลยุทธ์กันเลยหรือไม่ขอรับ?”
“ยังก่อน” คังชอลอินปฏิเสธ
“แม้เราจะมั่นใจในสิ่งนั้นแต่เราต้องมั่นใจเรื่องนี้อย่างแน่นอนให้ได้เสียก่อน”
แม้แต่ลีแชรินเองก็ยังมุทะลุเพื่อก้าวไปข้างหน้าแต่เหตุใดเขาถึงไม่ยอมทําเช่นนั้นกัน? นั่นเพราะคังชอลอินในปัจจุบันมีบางสิ่งที่ตัวตนในอดีตของเขาไม่เคยทํามาก่อนซึ่งนั่นก็คือความระมัดระวัง
แม้จะเชื่อใจตัวเองมากเพียงใดก็ไม่ควรเชื่อทุกคําพูดและทุกการกระทําของตัวเองไปซะหมด นี่คือความแตกต่างระหว่างคังชอลอินในอดีตและคังชอลอินในปัจจุบัน
“นี่ด้าเวลเลียร์ไม่มีสิ่งผิดแปลกแต่อย่างใด และในขณะเดียวกันราชันย์คนอื่น ๆ ก็กําลังต่อสู้กันอยู่จริง ๆ
เมื่อมองภาพถ่ายโฮโลแกรมที่ปรากฏขึ้นมา ทฤษฎีของเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ราชันย์ทั้งสองกําลังทําฟันกันเองและได้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา
“นี่แหละคือโอกาส!”
“เมื่อคิดว่าพวกเราสามารถมองเห็นพวกเขาทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องการหารือแห่งนี้ได้นั้น…พลังแห่งจักรวาลนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ!”
ทุกคนรอบตัวพากันชื่นชมความสามารถของลาพิวต้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับพวกเขาที่ไม่ได้มาจากโลกและไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“อย่างที่คิด
เมื่อตระหนักได้ว่าทฤษฎีคิดเขาคิดนั้นเป็นเรื่องจริงคังชอลอินฉายรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าด้วยความพอใจ
เขาที่ได้เข้าร่วมสงครามมาตลอดเกือบสิบปีเต็มมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพียงการกินขนมหวานทานเล่นอย่างง่าย ๆ
เขาใช้ประสบการณ์ที่เขาได้รับมาจากสงครามเพื่อวางแผนและความคิดของศัตรู
“อืม…หากเป็นแบบนี้มันน่าจะได้ผล
คังชอลอินที่คิดถึงความเป็นไปได้ในการทําสงครามเริ่มวาง
แผน
“ พวกเรา…” คังชอลอินเริ่มต้นบทสนทนาครั้งใหม่
“จะต้องเล่นเป็นชาวประมง”
ทุกคนที่เข้าร่วมการหารือเห็นด้วยกับวิธีที่คังชอลอินพูดขี้นมามันเป็นแผนที่ทั้งประหยัดเรื่องเวลาและมีประสิทธิภาพได้มากที่สุด
ในขณะที่นกกระเรียนและหอยกาบกําลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กันเอง ชาวประมงที่กําลังซ่อนตัวก็เตรียมรวบจับพวกมันทั้งคู่
นั่นคือสถานการณ์ในปัจจุบัน
แน่นอนว่ามันจะไม่ง่ายเท่ากับสิ่งที่คิดเพราะฉะนั้นคังชอลอินจึงต้องใช้สมองของเขาเพิ่มเติมเข้าไปอีกเล็กน้อย
ขณะที่จบเรื่องการหารือในวันนี้เสร็จ คังชอลอินก็ได้ใช้เวลาขณะที่อยู่กับตัวเองเพื่อจมไปกับความคิดต่าง ๆ และความคิดนั้นก็ได้ดําเนินต่อไปจนกระทั่งยามรัตติกาลมาเยือน
“เวลา..เวลา..
ขณะนี้เขากําลังนั่งอยู่ด้านบนสุดของหอสังเกตการณ์โดราโด้เพื่อคิดถึงสิ่งสําคัญสําหรับการต่อสู้ในครั้งนี้
หากพวกเขาส่งกองทัพออกไปเร็วเกินไป มันก็มีโอกาสที่การต่อสู้กันเองจะหยุดขึ้นกลางคันแล้วหันมาร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อโจมตีพวกเขา
หากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งไปในทันที แม้จะเป็นถึงคังชอลอินเองก็ตามแต่มันจะเป็นการต่อสู้ที่เหน็ดเหนื่อยและยากลําบากอย่างมากจุดสําคัญคือเรื่องของเวลาที่จะส่งกองทัพออกไปกําจัดศัตรูจนใสสะอาด
“ต้องตรวจดูอีกครั้ง
เขามองย้อนกลับไปยังภาพฉายโฮโลแกรมที่ได้มาจากดาวเทียมก่อนหน้าอีกครั้ง เขากําลังตรวจดูทุกรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อไม่ต้องการพลาดจุดสําคัญที่อาจเป็นตัวตัดสินไปได้
เขาอาจได้รับอะไรบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จากการตรวจดูภาพเหล่า
“บางที่
ทันใดนั้นใบหน้าของคังชอลอินก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
หลังจากได้ตรวจดูโดยรอบแล้วเขาพบว่าภาพรวมของประชากรนั้นเล็กมากจนอาจกล่าวได้ว่ามันเหมือนถูกทิ้งร้าง
แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้
ที่แพนดิโมเนียมคือการต่อสู้ของหมาแย่งเนื้อมันมีโอกาสที่ แน่นอนแล้วว่าพวกนั้นกําลังทําการต่อสู้กันเองเพื่อความตาย
และหากมีการต่อสู้แบบนั้นเกิดขึ้นมันจะยิ่งง่ายสําหรับชาวประมงที่จะหว่านแหเพื่อจับทั้งคู่ได้ในเวลาเดียวกัน
เพื่อให้ได้เวลาที่เหมาะสมข้อมูลคือกุญแจสําคัญ
ทันใดนั้นคังชอลอินก็เรียกตัวบิลลี่ ฮาร์ฟอร์ดขึ้นมา
“เรียกหาข้าหรือขอรับ?”
“ข้าต้องการข้อมูลบางอย่าง”
“ข้อมูลแบบใดหรือขอรับ?”
“นําโพดอลส์กี้และนักผจญภัยอีกสองคนไปกับเจ้าและมุ่งหน้าออกจากดินแดนในตอนนี้ไปซะ”
“จะให้พวกข้าไปที่ใด?”
“พวกเจ้าควรแยกออกเป็นสองกลุ่มแล้วออกไปหาราชันย์ที่กําลังต่อสู้กันเองอยู่ในขณะนี้ เมื่อพวกเจ้าได้พบกับราชันย์พวกนั้นแล้วจงบอกพวกเขาไปว่าพวกเจ้าต้องการเป็นทหารรับใช้ภายใต้การนําของเขา ขณะนี้คือช่วงกลางของสงครามพวกนั้นจะต้องต้อนรับพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
“ หมายถึงให้พวกข้าเข้าไปสอดแนมหรือขอรับ?”
“ใช่ จงไปรวบรวมข้อมูลจากค่ายทหารของพวกนั้นมาให้ข้าซะ หากมีคําถามเกี่ยวกับการสอดแนมก็จงไปเอ่ยถามโพดอลส์กี้เอา”
เท่าที่คังชอลอินรู้เกี่ยวกับโพดอลส์กี้ในตอนนี้คือเขามีความ สามารถในการต่อสู้ที่ดีจนเหมือนจะเต็มไปด้วยความสามารถที่ ครบเครื่องในเกือบทุกด้าน ไม่เพียงแค่นั้นโพดอลส์กี้เองก็ยัง เก่งกาจในการสอดแนมและหาข้อมูลมาได้เป็นอย่างดีอีกเช่นกัน
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“การสอดแนมและข้อมูลที่พวกเจ้าจะได้รับมานั้นมีความสําคัญเป็นอย่างยิ่งสําหรับการต่อสู้ในคราวนี้ของพวกเรา มันจะเป็นตัวแปรสําคัญที่ตัดสินแพ้ชนะ เช่นนั้นข้าเชื่อใจในตัวพวกเจ้าเป็นอย่างมาก”
หลังจากได้ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตามสืบข้อมูลเสร็จทั้งชอลอินก็ได้ใช้เวลาเพื่อเตรียมการหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งก็ดีอการ…
จุดไฟเผาบ้านเรือนสองสามหลัง, ให้คนหลาย ๆ คนแต่งตัว เหมือนขอทานออกมานั่งตามถนน นอกจากนี้เขายังสั่งให้กองทัพเอาวัวและอาหารของชาวเมืองมารวบรวมไว้ที่ตัวเองอย่าง เฉียบพลัน อีกทั้งเขายังสั่งให้เอาศพของคนแคระไปวางทิ้งไว้ ทุกหนทุกแห่งราวกับขยะ
“ชอล..อิน?”
เนื่องจากตอนนี้ดินแดนเริ่มเข้าสู่ความฉิบหายอย่างแน่นอนแล้วลีแชรินที่มีความเป็นกังวลกับการกระทําของคังชอลอินจึงได้มาถามหาความจริงว่าเขาทําไปเพื่ออะไร
“โอ้ มาแล้วหรือ”
ขณะกําลังนั่งอยู่ในห้องวางกลยุทธ์และอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลของศัตรู คังชอลอินกลับกําลังมานั่งเล่นหมากรุกอยู่กับนี้ลัส
“รอข้าเดี่ยว…”
คังชอลอินกําลังเพ่งมองไปที่กระดานหมากรุกโดยไม่หันมามองที่ดีแชริน จากนั้นอีกห้านาทีต่อมาเขาก็พูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้า
“ช่างเป็นสัตว์ประหลาดเสียจริง”
ผลลัพธ์คือเขาที่พ่ายแพ้
“ฝ่าบาทชมข้าน้อยมากเกินไปแล้วนะขอรับ ฮ่า ๆ”
นี่ลัสหัวเราะด้วยความนึกคึก
“ทําไมเจ้าถึงเล่นได้ดีขนาดนี้?”
“อืม…มันคือการละเล่นหมากรุกโดยพื้นฐานแล้วมันก็เหมีอนกับการคํานวนทางจิต สําหรับนักเวทย์เช่นข้าน้อยแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากเลยขอรับ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเกินไปหน่อยนะข้าว่า”
คังชอลอินรู้วิธีการเล่นหมากรุกเป็นอย่างดีและคะแนน ELO สําหรับหมากรุกของเขาอยู่ที่ราว ๆ 1900 มันคือเกณฑ์คะแนนที่ค่อนข้างสูง
แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับนี้ลัสที่ไม่เคยเล่นหมากรุกมาก่อนในชีวิต
“นี่นะหรือศักยภาพระดับ SS.
แม้เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นี้ลัสจะกลายเป็นอาร์คนักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่เมื่อไหร่ แต่เมื่อเขาเติบโตจนถึงอายุ 87 การเติบโตทางอายุของเขาก็จะหยุดลงและเหลือแค่เพียงการเติบโตความแข็งแกร่งเป็นเรื่องปกติที่คังชอลอินจะพ่ายแพ้ให้กับใค รบางคนที่เป็นเช่นนี้
“อีกรอบ”
ถึงจะพ่ายแพ้แต่คังชอลอินก็ไม่อายยอมรับได้ เขาเกลียดการพ่ายแพ้อย่างมากแม้กระทั่งกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
“เอ่อ…ชอลอิน?”
ลีแชรินที่นั่งเงียบมาตลอดพูดขัดการเล่นรอบใหม่ของพวก
เขา
“อา…”
จากนั้นคังชอลอินก็หันหน้าออกจากกระดานเพื่อมาให้ความสนใจที่ลีแชรินแทน
“เจ้ามีอะไร?”
“ทุกวันนี้ดินแดนของเรากําลังวุ่นวายเป็นอย่างมากเจ้ามีเหตุผลที่ทําลงไปแบบนั้นใช่หรือไม่?”
“โอ้ เรื่องนั้น ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย”
คังชอลอินกล่าวคําขอโทษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยแก่นาง
“ห้ะ?”
“ข้าควรจะบอกเจ้าล่วงหน้าก่อน”
“แล้วเจ้าทําไปทําไม”
“ข้ากําลังสร้างสถานการณ์เพื่อหลอกพวกนั้น”
“หลอกงั้นหรือ?”
“หากพวกนั้นส่งเหยี่ยวสอดแนมเข้ามามองดูสถานการณ์ในดินแดน พวกนั้นจะได้ไม่สงสัยเราและยังคงสู้รบกันเองต่อไป”
“เช่นนั้นมันจะยิ่งทําให้พวกเขาปลดระวางการป้องกันจากพวกเราใช่หรือไม่?
“ใช่ จากนั้นเราก็ค่อยตลบหลังพวกนั้นเพื่อทําความสะอาดกันอีกทีในคราวเดียว”
“เจ้าคงเหนื่อยมากแน่ ๆ หากเจ้าคิดแผนการเช่นนี้
นมา ”
“โดยสุจริตใจข้าเองก็ไม่ต้องการทําสิ่งเหล่านี้เช่นกันแต่เดี๋ยวก็จะมีคนคิดทําสิ่งนี้ได้เองอีกไม่นาน”
“มีคนที่คิดทําสิ่งนี้ได้ด้วยหรือ?”
“ใช่”
คังชอลอินกําลังนึกถึงเสือดําที่ชื่อควักจองที่กําลังนอนอยู่ที่โรงพบาลอยู่ในตอนนี้
แม้เขาจะแอบหวังอยู่ลึก ๆ ในใจว่าขอให้ผิดตัวแต่หากเสีอดําเป็นควักจองที่เขากําลังตามหาอยู่จริง ๆเช่นนั้นเขาจะได้รับการฝึกสร้างยุทธวิธีที่มีแค่เพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้
“ลีแชริน”
“ว่าอย่างไร?
“รอคอยสักหน่อยเถอะ ตามการคาดการณ์ของข้า พวกเขาควรจะเริ่มการต่อสู้กันเร็ว ๆ นี้แล้ว น่าจะที่ตรงนี้”
คังชอลอินชี้ไปยังที่ราบที่ถูกทําเครื่องหมายไว้บนแผนที่
“ตรงนั้นหรือ?”
“ใช่”
และในขณะนั้นเอง
“ท่านผู้นําขอรับ!”
นักผจญเคยอดีตทีมพิชิตก็ปรากฏตัว
“มีอะไร?”
“รองกัปตันบิลลี่และโพดอลส์กี้ส่งสารมาให้ท่านขอรับ!”
“โอ้? แล้วพวกเขาบอกว่าอย่างไร?”
“พวกเขาบอกว่าราชันย์ทั้งสองกําลังต่อสู้กันเองโดยไม่คิดสนใจเรื่องดินแดนของพวกตัวเองขณะที่กําลังต่อสู้กันอยู่เลยขอรับ”
ใช่แล้ว
มันต้องเป็นอย่างนี้
“เท่านี้หรือ? หากเป็นโพดอลส์กี้ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องมีข้อมูลที่มากกว่านั้น
“ขอรับ ราชันย์แห่งทางด้านเหนือกล่าวว่าจะนํากองทัพท์หมดไปปะทะกับดินแดนทางใต้ขอรับ”
“ความได้เปรียบทางข้อมูล… ช่างเป็นทรัพยากรที่สําคัญมากจริง ๆ
คังชอลอินถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ของกองทัพจักรวาล หากเขาไม่มีความสามารถพิเศษนี้เขาจะไม่สามารถมองผ่านศัตรูราวกับอยู่แค่เพียงหลังมือของเขาเช่นนี้ได้
“ถึงเวลาแล้ว”
คังชอลอินลุกขึ้นจากที่นั่ง
สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว