The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์
The Overlord of Blood and Iron ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นลัส โลสต์ชานท์!
ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์
ตรงหน้าของคังชอลอินได้ปรากฏหน้าจอข้อความเพื่ออธิบายตัวตนนี้ลัส ระดับ SS
– ชื่อ: นี่ลัส โลสต์ชานท์
– ชนชั้น: อาร์คเมจ
– อายุ: 12 ปี
– ระดับ: C (สามารถพัฒนาศักยภาพได้ถึง SS)
– ความรับผิดชอบ: พ่อมด / นักเวทย์แห่งสงคราม
– ความชํานาญพิเศษ: ม่านเวทย์โจมตี
รายละเอียดข้อมูล: นักเวทย์ชั้นหนึ่งของราชวงศ์สมัยจักรวรรดิโบราณที่ยิ่งใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนต์ทุกประเภท แต่เหมาะที่สุดสําหรับใช้ในพื้นที่กว้างซึ่งจะสามารถสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้ด้วยเวทมนตร์
ยิ่งมีอายุเพิ่มมากขึ้น ระดับศักยภาพก็จะยิ่งเติบโตพร้อมกับความแข็งแกร่ง
– เติบโตจนถึงอายุ 87
– ชื่นชอบในการนอน (มากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน)
– ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”
คังชอลอินไม่สามารถเชื่อกับสถานการณ์ที่กําลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้
แม้ตอนนี้เจ้า “สิ่งนี้” จะอยู่แค่เพียงระดับ C แต่สามารถพัฒนาศักยภาพจนเข้าถึงระดับ SS ได้! และไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นกองกําลังที่มีชื่อเรียกอีกด้วย!
นี่มันไร้สาระยิ่งกว่าตอนที่เขาได้บังเอิญเจอกับคนชื่อควักจองที่สํานักงานของดูชิกเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขาควรจะมีโชคที่ย่ำแย่เพราะสถานะจอมวายร้ายแห่งแพนเจียดั่งที่โดเรียนเคยบอกเมื่อครั้งก่อน
“แด่องค์ฝ่าบาท..”
อาร์คนักเวทย์นี้ลัส โลสต์ชานท์เดินเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอิน
“ฝ่าบาท. ? นี่เราเป็นจักรพรรดิแล้วอย่างนั้นหรือ?”
แม้คังชอลอินจะคุ้นเคยกับคําเรียกว่า“องค์ราชันย์” แต่เขาไม่เคยถูกใครเรียกว่า “ฝ่าบาท” มาก่อน แม้หลังจากที่เขาได้กลายไปเป็นจอมราชันย์แล้วก็ตาม
ตามที่อาเคนมือขวาของพระเจ้าบอกกล่าว ราชันย์ต้องแข่งขันและแย่งชิงเพื่อกลายมาเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวบนแพนเจียซึ่งจะกลายไปเป็นจักรพรรดิที่จะสามารถถูกเรียกว่า “ฝ่าบาท” ได้
แต่กองกําลังระดับ SS คนนี้กลับเรียกคังชอลอินว่าฝ่าบาทราวกับว่าพวกเขาเคยพบเจอและรู้จักกันมาก่อน
“อีกครั้ง เพื่อได้พบกับฝ่าบาทอีกครั้ง ข้าน้อยผู้รับใช้คนนี้มีความสุขอย่างมากขอรับ…ม่านแห่งน้ำตากําลังปิดกั้นการมองเห็นใด ๆ จากตัวข้า”
นี่ลัสพูดราวกับว่าเขาไม่ได้มีอายุแค่เพียง 12 ปีหากแต่เป็นคนชราวัย จากนั้นหยดน้ำตาแห่งความปิติยินดีก็เริ่มหลั่งไหลจนทั่วใบหน้า
“ความสง่างามของฝ่าบาท. ผู้นําตลอดกาลของชายชราผู้นี้! จักรพรรดิเพียงองค์เดียวที่สามารถครอบครองพื้นทวีปแห่งนี้ได้ทั้งหมด!”
แม้เขาจะได้รับกองกําลังระดับ SS มาแต่ดูเหมือนว่ามันจะมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไปจนคังชอลอินเต็มไปด้วยความสับสนและมึนงง
แม้เขาจะดูเหมือนเด็กที่ชาญฉลาดหากแต่การพูดจานั้นกลับเต็มไปด้วยลักษณะแบบคนเฒ่าคนแก่ ไม่เพียงแค่นั้นแต่เขายังพูดคุยกับคังชอลอินราวกับว่าพวกเขาได้รู้จักกันมานานแสนนาน แม้จะมีศักยภาพถึงระดับ SS แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่แปลกมากเหลือเกิน
“มีอะไรแปลก ๆ…”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“ชอลอิน เจ้าเคยเป็นจักรพรรดิจริง ๆ หรือเปล่า?”
“ไม่มีทาง” แม้เขาจะเป็นจอมราชันย์แต่เขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่ทรงอํานาจที่สุดแบบนั้น
“เจ้าชื่อนีลัสใช่หรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถามพร้อมพูดต่ออีกว่า “ข้าไม่ใช่จักรพรรดิใด ๆ ทั้งนั้น”
“ไม่ขอรับ!” นีลัสพูดกลับเสียงดังเพื่อปฏิเสธ
“ไม่ว่าท่านจะพูดเช่นไร แต่ท่านคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวแห่งสงครามการนองเลือดขอรับ!”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที”
“ข้าไม่ได้พูดจาไร้สาระนะขอรับ! แม้ท่านจะไม่ทรงทราบภายหลังการได้กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ชายชราผู้นี้สามารถจดจําองค์ฝ่าบาทได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นแต่ใบหน้าแห่งความสง่างามของท่านยังทรงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ฉะนั้นแล้วข้าน้อยผู้นี้จะลืมพระองค์ท่านไปได้อย่างไร?”
“เกิดความผิดพลาดหรือขัดข้องอะไรหรือเปล่า?”
คังชอลอินคิดว่ นี่ลัสกองกําลังระดับ SS นี้เป็นเพียงขยะที่ได้รับ ทั้งหมดที่เขาพูดคือการบอกว่าเขาเป็นอดีตจักรพรรดิที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระอื่น ๆ
“ข้าไม่ต้องการได้ยินอะไรแบบนั้นอีก เลิกเรียกข้าว่าฝ่าบา ทซะ”
“ข้าจะเลิกเรียกฝ่าบาทได้อย่างไรเล่าในเมื่อพระองค์คือฝ่าบาทของข้า เช่นนั้นองค์ฝ่าบาทต้องการให้ข้าเรียกพระนามว่าอย่างไรหรือขอรับ?”
“ข้าชื่อคังชอลอิน เรียกข้าว่าราชันย์หรือนายท่านก็พอ”
“ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นฝ่าบาทจะใช้ชื่อเรียกว่าราชันย์ที่ต่ำต้อยเช่นนั้นได้อย่างไร…”
“ข้าจะพูดเป็นครั้งที่สองว่าข้าไม่ใช่จักรพรรดิของเจ้า”
“ฝ่าบาทคือจักรพรรดิที่ข้าน้อยรับใช้อย่างแน่นอนขอรับ จักรพรรดิที่ 27 แห่งจักรวรรดิโบราณ องค์จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบ
“ยูเยอ…อะไรนะ?”
“จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบขอรับ!”
“…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ข้าน้อยสามารถเข้าใจถึงความสับสนของท่านได้เป็นอย่างดีขอรับ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ได้มีความทรงจําเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาหลงเหลืออยู่เลยนับตั้งแต่หลังการได้กลับมาเกิดใหม่”
“กลับชาติมาเกิด หึ”
จริงอยู่ที่เขาใช้การสํารองวิญญาณเพื่อให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งแต่สําหรับการกลับชาติมาเกิดใหม่นั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเชื่อได้ลง
เขาคิดว่าชีวิตคนเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้มีแค่เพียงหนึ่งชีวิต ไม่ใช่การเกิดแบบวนเวียนหลายสิบหลายร้อยครั้ง เขาเชื่อว่าถ้าเขาผ่านกระบวนการแห่งชีวิตและความตายมามาแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงไว้ซึ่งจุดหมายในการใช้ชีวิตไปในที่สุด
“ข้าไม่เชื่อและต้องไม่การฟังเรื่องการกลับชาติมาเกิดอะไรนั่นของเจ้าอีก ดังนั้นอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้ให้ข้าได้ยินอีกเป็นอันขาด”
“ขอรับ องค์ฝ่าบาท”
“แล้วก็เลิกเรียกข้าเช่นนั้นด้วย”
“ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะสามารถทําตามคําสั่งหรือภารกิจใด ๆ ตามพระประสงค์ขององค์ฝ่าบาทได้ทุกอย่าง หากแต่นั่นเป็นเพียงข้อยกเว้นเดียวที่ข้าไม่สามารถหยุดเรียกฝ่าบาทว่าฝ่าบาทได้ขอรับ”
“มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร?
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางคราว
หากเป็นกองกําลังที่มีชื่อและไม่ใช่กองกําลังจากภาคปกติก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีความทรงจําในอดีตหลงเหลืออยู่ มันเป็นตอนก่อนที่พวกเขาจะได้ผล็อยหลับและทวีปแพนเจียในตอนนั้นก็ยังคงคึกคักและเจริญรุ่งเรือง
เขาค่อนข้างเข้าใจถึงมันได้
เกือบ 97% ของไอเทมและซากศพบนแพนเจียคงอยู่มานานเมื่อหลายพันปีก่อน แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่ทั้งมนุษย์และอารยธรรมได้ถูกกําจัดออกไปเมื่อพันปีก่อนและกลายมาเป็นแพนเจียรกร้างที่ไร้ซึ่งผู้ครอบครอง
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกสับสนมากนัก ท้ายที่สุดแล้วการอัญเชิญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ต่างหากที่ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรก
คังชอลอินและนักเดินทางข้ามมิติเพิ่งรู้ถึงความจริงที่ว่าแพนเจียนี้มีอยู่มานานตั้งแต่หลายพันปีก่อน ความจริงเป็นเช่นไรคงมีแค่พระเจ้าและอาเคนเท่านั้นที่ทราบได้
“ดูเหมือนว่าจักรพรรดิของเจ้านี่จะมีความคล้ายคลึงกับเรา
นั่นคือสิ่งที่คังชอลอินสามารถหาคําตอบให้กับตัวเองได้ในตอนนี้
หลังหลับใหลไปเป็นเวลานาน ความผิดพลาดในการจดจําก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับกองกําลังระดับ SS มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีพฤติกรรม “เฉพาะ” เป็นพิเศษหลังจากตื่นขึ้นมา
“องค์ฝ่าบาทขอรับ”
นี้ลัสเช็ดน้ำตาที่กําลังหยดแหมะพลางมองใบหน้าของคังชอลอินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“การได้กลับมารับใช้ฝ่าบาทเช่นนี้อีกครั้งนับว่าเป็นเกียรติแก่ข้าน้อยอย่างยิ่งขอรับ! เป็นเกียรติอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบได้” นีลัสคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอินเพื่อทําความเคารพ
“เฮ้อ” คังชอลอินพ่นลมหายใจออกราวกับว่าเขากําลังรู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก
“ชอลอิน…?” ลีแชรินกล่าวเรียก
“ข้าคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของแพนเจียอยู่บ้างนะ”
“ไม่ เขาไม่รู้”
“ห้ะ?”
“หากเจ้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือทําไมเขาถึงถูกผนึกให้ต้องหลับใหลเป็นเวลานาน คําตอบที่เจ้าจะได้รับคือไม่รู้ นั่นคือคําตอบสําหรับทุกกองกําลังไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้าอยู่กับใครก็ตาม”
“งะ งั้นเองหรือ…?”
“มันจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าไม่ต้องไปรู้ถึงกองกําลังในอดีต”
“อย่างไรก็ตาม เหมือนเจ้าจะโชคดีอย่างมากเลยนะ คังชอลอิน”
“โชคดีหรือ?” เมื่อได้ฟังคําพูดของลีแชรินแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยการแสดงออกที่น่าตกใจขึ้นมา
“แน่นอน ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือที่บอกข้าว่ากองกําลังสุ่มนั้นเป็นการพนันไร้ค่าที่จะได้รับแต่ของแย่ ๆ?”
“อืม ใช่ ข้าบอกเจ้าไปเช่นนั้น”
“แต่เจ้าได้รับกองกําลังระดับ SS ในการลองตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้นโชคของเจ้าคงจะต้องดีมากแน่ ๆ”
“อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอน เป็นไปตามความคิดข้าไม่มีผิด”
“…?”
“ผู้คนที่จิตใจดีย่อมได้รับโชคดีเกื้อหนุน เพราะเจ้าช่วยให้ข้าได้กลับมามีอํานาจอีกครั้ง นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าผลแห่งกรรม?”
จากนั้นบทสนทนาที่เคยได้คุยกับโดเรียนก็โผล่ขึ้นมาภายในใจของคังชอลอินอีกครั้ง
“ไม่มีทางที่ซานต้าครอสจะมอบของขวัญให้กับเด็กซน หากเจ้าไม่ใช่คนจิตใจดีเช่นข้า เจ้าก็จะไม่มีทางได้รับกองกําลังระดับ S!”
การโต้เถียงของโดเรียนที่บอกว่าเขาเป็นคนอับโชคเพราะโหดร้ายนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
ลัคกี้เป็นหน่วยค้นหาระดับ S ในขณะที่นี่ลัสอยู่ในระดับ SS ในที่สุดคังชอลอินก็ได้รับชัยชนะ
“ข้ายินดีด้วยใจจริง ชอลอิน”
ลีแชรินแสดงความยินดีกับเขาจากส่วนลึกของหัวใจ แม้ว่านางจะไม่ได้รับกองกําลังระดับ SS แต่อย่างใดแต่นางก็มีความสุขอย่างมากกับโชคของคังชอลอิน
“…เช่นนั้นก็ขอบคุณ”
เนื่องจากดินแดนของเขาไม่มีนักเวทย์ระดับ SS มาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นโชคดีของเขาอย่างที่นางว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนีลัสสามารถมีศักยภาพจนถึงขั้น SS ได้เมื่อไหร่ ความสามารถที่แท้จริงก็จะได้เห็นเป็นที่ประจักษ์
“นี่ลัส”
“ขอรับฝ่าบาท เรียกหาข้าน้อยหรือขอรับ?”
“แม้มันอาจจะเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนักเวทย์แห่งดินแดนลาพิวต้าของเรา”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ นี่ลัสผู้นี้จะทุ่มเทศักยภาพที่มีและทํางานอย่างเต็มกําลังเพื่อช่วยในการพิชิตของฝ่าบาท”
“พิชิต?”
“ขอรับ ท้ายที่สุดแล้วความสง่างามของฝ่าบาทก็คืออดีตจักรพรรดิผู้ปกครองพื้นทวีปแห่งนี้ เนื่องจากฝ่าบาทได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ทวีปแห่งนี้จึงควรเป็นของท่านอย่างไม่อาจมีใครขึ้นมาครอบครองแทนได้ขอรับ”
อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน ดูเหมือนว่าจักรพรรดิในอดีตที่นีสัสรับใช้จะเป็นเหมือนคังชอลอินที่พยายามพิชิตและรวบรวมแพนเจียให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน
“ก็ดี”
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจที่ต้องถูกเรียกว่าฝ่าบาทแต่เขาก็เห็นด้วยเมื่อนี่ลัสพูดถึงเรื่องการปกครองทั้งทวีป ท้ายที่สุดเป้าหมายของเขาก็คือการเป็นจอมราชันย์ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นใหญ่เหนือผู้ใดและสามารถควบคุมทวีปแพนเจียผืนนี้ได้ทั้งหมด
“วันนี้เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว เจ้าจงไปพักซะเถอะ” คังชอลอินกล่าวชวนให้ลีแชรินกลับไปพักผ่อน เขารู้ว่าวันนี้มันจะต้องเป็นวันที่สาหัสและเหน็ดเหนื่อยแก่นางมากเพียงใด
“แต่….”
“เจ้าวางแผนอยากจะให้พลเรือนของเจ้าได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าจะไปแสดงตัวด้วยความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าต่อหน้าพลเรือนได้อย่างไร?”
“นั่นมัน เฮ้อ ก็ได้” ในที่สุดนางก็พยักหน้ายอมรับ
หลังจากนั้นคังชอลอินก็กล่าวคําอําลากับลีแชรินและไปช่วยยูราดด์เก็บกวาดพวกคนทรยศ
งานทั้งหมดเสร็จสิ้นลงไปได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเก็บกวาดคนแคระคนสุดท้ายเสร็จ คังชอลอินจ้องมองพระอาทิตย์ที่กําลังขึ้นพลางถอนหายใจ
“นําตัวคนที่สมควรจะถูกประหารไปวางไว้บนกําแพง ส่วนที่เหลือจับโยนเข้าคุกใต้ดินไปให้หมด ข้าจะนําพวกมันกลับไปยังลาพิวต้าด้วยกัน”
คังชอลอินตั้งใจนําคนแคระสี่สิบคนกลับไปใช้เป็นแรงงานของดินแดน
“ไม่รู้ว่าควรจะทําอย่างไรกับเจ้าพวกนี้กันดี แต่โชคดีที่เรื่องนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว”
นักเวทย์นี้ลัสและคนงานคนแคระสี่สิบคนที่ได้รับมา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วมันเป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
ในขณะที่คังชอลอินได้รับโชคที่คาดไม่ถึงติดต่อกันสองครั้ง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าบางทีลีแชรินอาจเป็นเครื่องรางนําโชคสําหรับเขาก็เป็นได้
“ส่วนสงครามที่กําลังจะเกิดขึ้นนั้น..”
“มันจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด”
คังชอลอินกําลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก
ทําไมน่ะหรือ? เพราะเขาวางแผนที่จะใช้กองทัพจักรวาลมาต่อสู้กับศัตรูในศึกสงครามครั้งนี้