The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 39: เปิดใช้งานเต็มพิกัด
ตอนที่ 39: เปิดใช้งานเต็มพิกัด!
“เต็มพิกัด” จะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ระดับ 30 ขึ้นไป มันเป็นทักษะที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับผู้ใช้เพิ่มขึ้นโดยรวม 40%
คังชอลอินได้รับความสามารถนี้จากการออกค้นหาและสำรวจซากปรักหักพังโบราณ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้กวาดล้างสนามรบในฐานะราชันย์ด้วยพลังที่แข็งแกร่งนี้ หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า“เต็มพิกัด” คือรากฐานและแหล่งที่มาของพลังอันแข็งแกร่งสำหรับเขา
เมื่อคังชอลอินเปิดใช้งานเต็มพิกัดก็ไม่มีอะไรให้จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป ในตอนนี้มังกรพีคอคก็เป็นได้แค่เพียงกระสอบทราบสำหรับเขาเท่านั้น!
ตึ้ก!
กำปั้นของคังชอลอินชกเข้าที่ส่วนท้องของมังกรพีคอคทันทีที่เข้าประชิดตัวมันได้สำเร็จ
อั่ก!
แม้จะเป็นเพียงแรงจากการชกแต่น่าแปลกที่ร่างของมังกรพีคอคกลับเกิดการสั่นไหว
“โจมตีและฆ่า”
คังชอนอินไม่แม้แต่จะชักดาบออกมาร่วมสู้ เขาใช้เพียงแค่การออกหมัดชกไปเท่านั้นเพื่อบดขยี้มังกรพีคอคด้วยมือเปล่า
ปั้ง! ปั้ง!
เมื่อรูปแบบการชกแบบง่าย ๆ ถูกปล่อยออกไปกระทบกับร่างของมังกรพีคอค มันกลิ้งไปมาในลุ่มน้ำพร้อมส่งเสียงร้องแปลก ๆ มันเป็นฉากที่น่าทึ่งและเกินความสมจริงจนไม่อาจเชื่อได้แม้กำลังได้มองดูด้วยตาเปล่า
“อีกเจ็ดวิ”
คังชอลอินจดจำเวลาในการใช้ความสามารถเต็มพิกัดได้ขึ้นใจและรีบโจมตีต่อ
เต็มพิกัดเป็นทักษะที่บ้าคลั่งซึ่งจะใช้มานาเป็นจำนวนมากต่อวินาที แม้หลังจากที่ได้กินหัวใจมังกรไปแล้วมันก็ยังยากที่จะรักษาพลังนี้ไว้ให้นานกว่าสิบวินาทีได้ เขาจำเป็นต้องจัดการมันให้สำเร็จภายในช่วงเวลานี้เท่านั้น
เคี๊ยกกก!
มังกรพีคอคเตรียมที่จะสยายปีกว้างพร้อมด้วยเสียงร้องแปลก ๆ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของคังชอลอินนั้นโหดร้ายอย่างมากจนมันต้องรีบบินหนีขึ้นไปบนอากาศ
“คิดจะไปไหนหรือ?”
คังชอลอินไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้มังกรพีคอคได้เป็นอิสระแต่อย่างใด
เขากระโดดขึ้นไปบนปีกขวาของมังกรพีคอคอย่างกับสายฟ้าจากนั้นก็จับส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างข้อไหล่ของมัน
แคร่ก!
เลือดสีแดงสดพุ่งทะลักในขณะที่ปีกขวาของมังกรพีคอคถูกฉีกออก จุดแข็งของคังชอลอินคือพลังที่จะทำให้ทุกคนต่างตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง มันไม่อาจหาคำอธิบายอื่นใดมาเทียบเคียงได้
คังชอลอินรีบกระโดดออกจากปีกมังกรพีคอคไปทางด้านหลังและลงพื้นด้วยท่าที่สวยงามจากนั้นก็กระโดดกลับไปที่มังกรพีคอคที่กำลังคลุ้มคลั่งอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาที่น้อยกว่าสองวินาที
“เสร็จข้าล่ะ”
คังชอลอินรู้ดีว่าเขามีเวลาเหลือไม่มาก
ในไม่ช้าพลังของเขาก็จะหมด ดังนั้นเขาต้องจบมันซะตั้งแต่ตอนนี้
บวั่ก!!
การออกหมัดไปอีกครั้งทำให้มังกรพีคอคถูกกระแทกจนแทบสลบ
บวั่ก!!
ความเร็วการปล่อยหมัดของเขาเทียบเท่ากับความเร็วของแสง หมัดของคังชอลอินเร็วมากจนไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าเขาได้ออกหมัดไปกี่ครั้งกันแน่ อีกทั้งมันยังมีพลังทำลายล้างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
คย๊าาา!
หมัดของคังชอลอินเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำลายร่างกายอันใหญ่โตของมังกรพีคอคตัวนี้ได้สำเร็จ ดั่งที่กล่าวไว้ข้างต้น ตอนนี้มังกรพีคอคก็ไม่ต่างอะไรกับกระสอบทรายสำหรับคังชอลอิน
“อุ่ก!”
เสียงครวญครางดังลอดออกมาจากปากของคังชอลอินเล็กน้อย
พรึ่บ!
ผ้าพันแผลที่โพดอลส์กี้ผูกมัดให้รวมตัวกันไปกองอยู่ที่พื้นด้านล่างพร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ทยอยกันไหลออกมาไม่ยอมหยุด การเคลื่อนไหวของเขาทำให้แผลที่เย็บไว้เกิดการฉีกขาด
แต่คังชอลอินไม่ยอมปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เข้ามารบกวนเขาได้
เขายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้เลือดจะไหลออกมาจากข้างลำตัวก็ตาม
เขามีความต้องการบดขยี้ศัตรูเป็นอย่างมากจนไม่อาจให้ความสนใจบาดแผลได้แต่อย่างใด
“เอาล่ะ”
เมื่อถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มพิกัดใกล้จะจบ คังชอลอินก็ยึดกำปั้นของเขาทั้งหมดออกมา
ปั้งง!!
ร่างของมังกรพีคอคโอนเอียงไปด้านข้างก่อนจะล้มลงไปพร้อมกับเสียงอันดังก้อง
ปั้ก!!!
คังชอลอินกระโดดออกจากพื้นดิน
“แคว่ก?”
มังกรพีคอคที่รู้ตัวว่าคังชอลอินกำลังอยู่ด้านหลังของมันจึงพยายามสะบัดตัวเขาให้หลุดออก อย่างไรก็ตามการโจมตีของคังชอลอินได้เดินทางมาถึงจุดจบแล้ว
คาจ๊ากก!
หมัดกำปั้นของคังชอลอินแทงทะลุกะโหลกของมังกรพีคอคที่เป็นดั่งเหล็กกล้า จากนั้นประกายไฟก็ผุดขึ้น ด้วยมานาที่เหลืออยู่ของคังชอลอินมันได้ไหลเข้าสู่สมองของมังกรนกยูงเพื่อใช้งานการระเบิดภายในซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกันที่ใช้จบชีวิตของมังกรพีคอคตัวผู้!
บู้ม!
และแน่นอนว่าผลลัพธ์จะต้องเป็นเหมือนก่อนหน้า
ตึ้ง!
มังกรพีคอคที่หัวแตกกระจายกลายเป็นศพล้มลงไปในลุ่มน้ำ
“เฮ้อ…เฮ้อ…”
คังชอลอินที่กลับขึ้นมาบนพื้นดินกำลังฝืนกลืนอากาศเข้าไปด้วยลมหายใจที่ขาดช่วง
กล้ามเนื้อบวม, ดวงตาเปื้อนเลือด, ไหล่ที่สั่นคลอนและโลหิตที่ไหลย้อยออกมาจากมือทั้งสองข้าง คังชอลอินตอนนี้เป็นเหมือนอสูรร้ายที่เต็มไปด้วยความโกรธและฉุนเฉียว
“องค์ราชันย์!”
ลูเซียวิ่งเข้าหาคังชอลอินทันทีที่การต่อสู้สิ้นสุด
“ข้า ข้าเป็นกังวลอย่างมาก ฮึก องค์ราชันย์ ข้า ฮึก…ฮึก…ฮือ…!”
ลูเซียวิ่งเข้าไปกอดคังชอลอินพร้อมสะอื้นไห้และคร่ำครวญ แค่เพียงสิบวินาทีนั้นนางรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจนางโดนกระชากและโดนกระทืบไม่รู้จบ
“หยุด…แล้วออกไปจากตัวข้า”
ในทางกลับกัน คังชอลอินรู้สึกกำลังจะตายเพราะลูเซียที่กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขามาอย่างฉับพลัน ในขณะที่เขาอ่อนเพลียเช่นนี้เขาไม่อาจทนทานต่อน้ำหนักของลูเซียจนอาจล้มลงได้
“ข้าไม่เป็นไร”
คังชอลอินผลักลูเซียออกเล็กน้อยแล้วยืนอย่างมั่นคงด้วยขาทั้งสองข้างของเขา
“ท่าน…นายท่าน! ท่านชนะ!”
“สัตว์ประหลาดเช่นนั้น… ท่านจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นเพียงลำพังได้อย่างไรกัน…?”
“ชนะ…พวกเราชนะแล้ว!”
“วู้วววว ท่านแม่ทัพ พวกเราชนะl!!”
“ว้าววววว!”
นักผจญภัยต่างพากันเข้ามากระโดดเข้าใส่คังชอลอินด้วยความปิติยินดี
“บ้าเอ๊ย”
สำหรับคังชอลอินแล้วการที่เหล่านักผจญภัยมารวมตัวกันเหมือนสุนัขที่ได้รับอิสระมอบความกดดันให้กับเขามากกว่ามังกรพีคอคที่ตายไปแล้วเสียอีก ถึงอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับเขาแล้วที่จะได้พักผ่อน
ด้วยเหตุนี้การออกตามล่าเพื่อพิชิตมังกรพีคอคก็เป็นอันสิ้นสุด
คังชอลอินไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปในทันทีเพราะเขารู้ว่าหากเริ่มต้นทำสิ่งใดแล้วก็ควรทำให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเป็นอย่างดีซะ
การกลับมาของพลังคังชอลอินและนักผจญภัยชวนให้ผ่อนคลายและสงบลงอย่างมาก
ก่อนอื่นพวกเขาต้องย้ายร่างของมังกรพีคอคออกที่นี่
คังชอลอินได้ส่งโพดอลส์กี้กลับลาพิวต้าเพื่อเรียกเกวียนขนาดใหญ่มาแปดคันเพื่อขนย้ายศพของมังกรพีคอค
นอกจากหัวใจมังกรแล้วน่าเสียดายที่ศพของมังพรพีคอคตัวเมียมีค่าแค่เพียงเล็กน้อยดังนั้นมันจึงถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้วบรรจุลงในเกวียนขนาดใหญ่ไปสองคัน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ผ่าท้องของตัวเมียก็พบว่ามันยังมีไข่ขนาดใหญ่อยู่ด้านในอีกสามใบซึ่งสร้างความตกใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี คังชอลอินสั่งการให้นักผจญภัยดูแลไข่พวกนี้ให้ดีที่สุดเพราะไข่มังกรพีคอคจะมีประโยชน์มาก
เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเมียแล้วร่างกายของมังกรพีคอคเพศผู้นั้นถือว่าดีกว่า
ขนนกยูงราคาแพงที่มีสีสันสวยงามด้วยความยาวสิบเอ็ดเมตรซึ่งมาพร้อมกับสัญลักษ์พิเศษข้างลำตัวที่ถูกตามล่าโดยคังชอลอิน แม้ว่าจะเป็นการแสดงออกถึงศักดิ์ศรีของราชันย์ต่อหน้าผู้คนมากมายแต่ร่างกายของมังกรพีคอคเพศผู้จำเป็นต้องได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้โพดอลส์กี้จึงต้องเย็บชิ้นส่วนทั้งหมดของหัวมังกรนกยูงที่ถูกเป่าออกจากกันแล้วประกอบขึ้นมาใหม่
“พวกเรากำลังไปไหน?”
บิลลี่ถามโพดอลส์กี้ที่กำลังถือร่างของมังกรตัวผู้ไปใส่เกวียนด้วยความสงสัย
“บ้านเกิดข้า เจ้าเองก็ค่อยกลับบ้านเกิดเจ้าหลังพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันเถอะ”
“บ้านเกิดเจ้า? ที่นี่มีที่ให้อยู่อาศัยด้วยรึ?”
“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ได้เอง”
การดำรงอยู่ของชนชั้นราชันย์ไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะชนดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของชนชั้นนี้
เช่นเดียวกันกับนักผจญภัยคนอื่น ๆ ที่เอ่ยถามด้วยความสงสัยแต่พวกเขาก็ได้รับคำตอบกลับมาแค่เพียง “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้ได้เอง” เช่นกัน แทนที่จะกล่าวแนะนำไปอย่างละเอียด คังชอลอินเลือกที่จะแสดงให้พวกเขาได้เห็น ได้ยิน และรู้สึกถึงมันไปด้วยตัวเองเสียดีกว่า
“ลูเซีย”
ในขณะที่กำลังดูแลร่างของมังกรพีคอค คังชอลอินส่งเสียงเรียกลูเซียเป็นการส่วนตัว
“เจ้า … ไปทำความสะอาดกับข้า”
“……!”
ใบหน้าของลูเซียขึ้นสีแดงระเรื่อและอุณหภูมิใบหน้าก็พุ่งสูงขึ้น
“ข้า…นายท่าน…เอ่อ…?”
“…?”
“ข้า…ข้ายัง…”
เนื่องจากดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรผิดไปบางอย่าง คังชอลอินจึงอธิบายในสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงเมื่อหลับตา
“อย่างที่ข้าพูด ไปทำความสะอาดกับข้า”
“…!”
“ข้าไม่สามารถกลับเมืองด้วยสภาพที่เหมือนขอทานเช่นนี้ได้”
“อ๊า…!”
คังชอลอินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชันย์แห่งลาพิวต้า เมื่อพิจารณาถึงมุมมองของฝูงชนแล้วนั้น เขาจำเป็นต้องกลับไปพร้อมกับภาพลักษณ์ที่สะอาดตาและสง่างามดั่งเช่นตอนออกมาในคราวแรก
“ร่างกายข้ายังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรมันจำเป็นต้องการความช่วยเหลืออยู่ก่อน หากเจ้ารู้สึกอึดอัดใจข้าจะไปร้องถามโพดอลส์กี้หรือบิลลี่แทน”
“โอ้ ไม่! ไม่เลยเจ้าค่ะ ให้ข้าได้ช่วยท่านเถอะนะเจ้าคะ!”
“ถ้างั้นก็ช่วยข้าที”
“เจ้าค่ะ…องค์ราชันย์”
คังชอลอินและลูเซียพบลำธารที่อยู่ใกล้ ๆ
“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยทำความสะอาดให้เฉพาะแค่ส่วนบนเท่านั้น ไม่ต้องกังวล”
คังชอลอินว่าพลางถอดเสื้อที่เขาสวมอยู่ออก
“ฮ้าาา…..”
ลูเซียที่ได้เห็นเช่นนั้นก็แอบร้องควญครางอยู่ภายในใจขณะเม้มปากของนางจนแน่นสนิท
รูปร่างของคังชอลอินงดงามราวกับรูปปั้น
ไหล่กว้างขาวผ่อง, กล้ามหน้าท้องที่แข็งชัด, กล้ามเนื้อสมส่วนที่ไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินควรและส่วนเชิงกรานที่ทำให้ร่างกายของเขายิ่งดูสมดุลไปอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของคังชอลอินมีเสน่ห์อย่างมากจนสามารถทำให้สายตาของหญิงสาวที่จ้องมองเปลี่ยนไปจนน่ากลัวได้
“ลูเซีย”
“…….”
“ลูเซีย??”
“…เจ้าคะ? เอ่อ นายท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ?”
“ทำไมเจ้าถึงเอาแต่เหม่อลอยไปเรื่อย?”
“อ่า ไม่เจ้าค่ะ ไม่มีอะไร”
“เริ่มจากบาดแผลของข้าก่อน”
“เจ้าค่ะ”
ลูเซียซ่อนความขวยเขินที่เกิดขึ้นและรีบขยับมือของนางเพื่อช่วยคังชอลอินทำความสะอาดบาดแผลในทันที
นางถอดผ้าพันแผลที่โชกไปด้วยเลือดออกแล้วแทนที่ด้วยยาเพิ่มพลังในการฟื้นฟูจากนั้นก็ทำความสะอาดบริเวณบาดแผลด้วยผ้าผืนใหม่ก่อนจะปิดท้ายด้วยการใช้ผ้าผืนใหม่อีกผืนมาปิดทับบาดแผล
“นายท่าน เลือดมันยัง…!”
“ใช้ผ้ามาปิดทับให้มากขึ้น”
“เจ้าค่ะ”
ในที่สุดหลังจากที่นางใช้ผ้าปิดทับบาดแผลไปอีกหลายชั้นเลือดที่ยังคงไหลก็แทบจะหยุดเสียสนิท
“ไม่เจ็บบ้างเลยหรือเจ้าคะ? เป็นไปได้อย่างไรกันที่นายท่านจะไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาบ้างเลย”
“แผลพวกนี้ไม่ใช่แผลใหญ่อะไร”
“ช่างน่าแปลกใจนัก”
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร ต่อไปก็ช่วยสระผมแล้วล้างหน้าข้าที”
“เจ้าค่ะ”
จากนั้นคังชอลอินก็สามารถทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จสิ้นได้ด้วยความช่วยเหลือจากลูเซีย
“สีดำ”
คังชอลอินส่ายหน้าเมื่อเห็นลูเซียส่งมอบชุดสีขาวมาให้เขาเปลี่ยนใส่
“เจ้าคะ? ในเมื่อท่านได้รับชัยชนะมันก็ครวจะเป็นสีขาว….”
“เจ้าจะปล่อยให้คนอื่นเห็นเลือดที่ไหลซึมของข้าหรืออย่างไร?”
“อ่า…!”
“ไม่ควรต้องมีใครมาห่วงเรื่องการบาดเจ็บของข้า”
“เหตุใดนายท่านถึงได้มีความคิดที่กว้างไกลเช่นนี้นักเจ้าคะ?”
“ราชันย์ที่เปิดเผยความอ่อนแอของตัวเองคือคนชั้นต่ำ แม้ข้าจะตายในวันพรุ่ง วันนี้ข้าก็ต้องดูสง่างามต่อหน้าประชาชนข้า นั่นคือน้ำหนักของชีวิตราชันย์ที่ต้องแบกรับ”
“…!”
จากคำพูดของเขายิ่งทำให้ลูเซียได้ตระหนักอีกครั้งว่าคังชอลอินนั้นไม่ธรรมดามากเพียงใด
“จริงแท้เจ้าค่ะ องค์ราชันย์ของข้าเกิดมาเพื่อเป็นราชันย์จริง ๆ”
คำกล่าวของคังชอลอินเป็นดั่งคำที่ราชากษัตริย์มักพูดกัน
มันเป็นโอกาสที่จะทำให้ลูเซียเชื่อมั่นในตัวเขาได้อย่างเต็มที่(แม้นางจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วก็ตาม)
คังชอลอินกล่าวว่าเขาจะทำพิธีศพให้กับนักผจญภัยที่เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเมื่อไปที่ถึงลาพิวต้า
นอกจากนี้เขายังให้สัญญาว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของพวกเขาเมื่อกลับไปยังโลกอีกฝั่ง
เหล่านักผจญภัยผู้รอดชีวิตรู้สึกประทับใจในความละเอียดอ่อนของคังชอลอินกันอย่างมากและไม่มีใครพ่นเสียงบ่นแต่อย่างใด
มันเป็นทางเลือกของพวกเขาเองที่ต้องการเข้าร่วมพิชิตมังกรพีคอคในคราวนี้ พวกเขาไม่ได้โดนบังคับ ไม่ได้โดนข่มขู่หรือถูกคุกคามแต่อย่างใดหากแต่เป็นความตั้งใจของพวกเขาที่แท้จริง
“ไปได้”
คังชอลอินผู้ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยมุ่งมองไปยังลาพิวต้า
“ออกเดินทาง!” โพดอลส์กี้ตะโกน
จากนั้นขบวนกองทัพก็เริ่มเคลื่อนไหว
คังชอลอินคือผู้นำทาง ลูเซียยืนถัดอยู่ด้านหลังห่างออกจากเขาไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยแถวของนักผจญภัยและถัดไปด้านหลังคือเกวียนบรรทุกศพมังกรพีคอคซึ่งถูกลำเลียงโดยทหารสิบนายและวัวสี่ตัว ด้านข้างจากทั้งสองทางคือทหารยี่สิบนายที่ตั้งแถวเดินกันอย่างเป็นระเบียบ
“องค์ราชันย์ ท่านไหวหรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าสบายดี ไม่ต้องกังวล”
ลูเซียเป็นห่วงคังชอลอินอย่างมากแต่เขายังคงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดีราวกับรูปปั้นน้ำแข็งที่ไร้ความรู้สึก มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะพบร่องรอยจากการบาดเจ็บของเขาได้เพียงการสังเกตจากการแสดงทางสีหน้าของเขา
นับตั้งแต่ที่พวกเขาเดินทางออกจากป่าไซปรัส มันใช้เวลาเพียงไม่นานแค่ประมาณสองชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงประตูทางเข้าเมืองลาพิวต้าที่เป็นเพียงความโล่งกว้างไม่มีอะไร
“อะไรน่ะ?”
“ตกลงกำลังจะไปที่ไหนกันแน่?”
“เนี่ยน่ะหรือปราสาทวังของท่านแม่ทัพ?”
เหล่านักผจญภัยพากันส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“ลูเซีย นำแกนวิญญาณมาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ!”
ลูเซียหายตัวไปจากที่ไหนสักแห่งตามคำสั่งของคังชอลอิน
“…!”
“…!”
เมื่อลูเซียหายตัวไปได้ไม่ถึงสิบนาทีนางก็ลับมาอีกครั้งพร้อมกับดาบที่งดงามก่อนจะส่งมอบให้คังชอลอิน
แกนวิญญาณ ตัวควบคุมหลักของลาพิวต้า
คังชอลอินเจ้าของแกนวิญญาณเหลือบมองนักผจญภัยเล็กน้อย พวกเขากำลังสงสัยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนี้
“พวกเขาคงจะตกใจมากทีเดียว”
ในขณะที่คิดเช่นนั้น คังชอลอินได้ทำการยกเลิกทักษะพรางตัวที่บดบังดินแดนลาพิวต้าให้ได้รับอิสระอีกครั้งผ่านแกนวิญญาณที่เขาถืออยู่ในมือ
―――――――――――――――――
เวลาการใช้งานรักษาสภาพ: 467 ชั่วโมง
ค่าบำรุงรักษาทั้งหมด: 233.5 ทอง (0.5 ทองต่อชั่วโมง)
ท่านต้องการปิดใช้งานทักษะพรางตัวหรือไม่? (ใช่ / ไม่ใช่)?
‘ใช่’
―――――――――――――――――
ทันทีที่เขาตอบตกลงว่า “ใช่” ทองคำจำนวน 233.5 แท่งได้หายไปจากคลังการเงินในทันทีพร้อมกับทักษะพรางตัวที่ถูกปิดการใช้งาน
สภาพแวดล้อมที่เหมือนถูกห่อหุ่มไว้ด้วยผ้าถูกคลายออก จากนั้นลาพิวต้าก็เริ่มปรากฏให้เห็นโดยเริ่มจากด้านบนสุดของป้อมปราการเวหา
“ว้าววว….!”
“อะไร อะไรกัน…!?”
สายตาของนักผจัญภัยที่กำลังมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
จากภายนอก… ทั่วทั้งดินแดนต่างเต็มไปด้วยเสียงปรบมือที่ดังสนั่นซึ่งมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องเชียร์ที่ก้องกระหึ่ม