The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 32: รวมกลุ่มกับนักผจญภัย
ตอนที่ 32: รวมกลุ่มกับนักผจญภัย
‘เดี๋ยวก่อน นั่นมัน ก่อนทัพ…?’
บิลลี่ที่วิ่งนำออกมาจนระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงต้องรู้สึกประหลาดใจที่คังชอลอินไม่ได้อยู่คนเดียวหรือมากับคนรักแบบที่เขาคิดในตอนต้น
‘คน ๆ นั้นคือจอมราชันย์?’
จากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้เห็นสายตาคังชอลอินจับจ้องมา
ทันใดนั้นบิลลี่ก็คิดว่าคังชอลอินคงไม่ใช่นักผจญภัยธรรมดา ๆ ทั่วไปแบบอย่างเขา
อันดับแรกด้วยชุดเกราะที่เขาสวมใส่และไอเทมที่เขามีอยู่ติดตัวมันอยู่กันคนละระดับอย่างเห็นได้ชัด
อาวุธของคังชอลอินเป็นไอเทมระดับหายากและแตกต่างไปจากเกราะและอาวุธราคาถูกของนักผจญภัยคนอื่น ๆ ขวานของบิลลี่กลายเป็นเพียงก้อนโลหะทื่อ ๆ ไปในทันทีเมื่อเทียบกับดาบที่คังชอลอินมีติดตัว การปรากฏตัวของคังชอลอินเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บิลลี่รู้สึกนอบน้อมซึ่งต่างไปจากเจตนาแรกของเขา
สายตาที่จับจ้องทุกสิ่งด้วยความมุ่งมั่น ไหล่ผายกว้างที่ราวกับมีแสงสว่างส่องจ้าสู่สายตาทำให้บิลลี่สรุปได้ว่าคังชอลอินไม่ใช่นักผจญภัยเสี่ยงโชคอย่างที่เขาคิดในตอนแรก
“นักผจญภัยงั้นรึ?”
คังชอลอินพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ ทันทีที่เขาได้เห็นหน้าบิลลี่
“ช ใช่…”
บิลลี่ตอบกลับติดอ่าง ความคิดในการจะสั่งสอนบทเรียนให้กับจอมราชันย์ในตอนแรกเป็นอันสูญหายดับสิ้น
‘บ้าเอ๊ย…แล้วข้าจะเอาชนะคนทั้งหมดนี้ได้อย่างไรกัน?’
หากว่ากันตามตรงบิลลี่เป็นแค่เพียงไก่อ่อนที่ขี้กลัว
เขาถูกข่มขู่ด้วยรัศมีความยิ่งใหญ่ของคังชอลอิน นอกจากนี้ยังมีสายตาที่เยือกเย็นของลูเซียและสายตาเพริศพรายของโพดอลส์กี้ที่มองมาและสามารถกระตุ้นความตื่นตระหนกของเขาได้อีกเช่นกัน
รวมถึงทหารสิบนายที่มีหน้าที่ดูแลเกวียนบรรทุกที่ดูพร้อมจะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ หากเขากระทำการอะไรที่ไม่สมควรโดยไม่คิดให้ดี ๆ คงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกหอกเสียบเพื่อเป็นอาหารให้กับคนเหล่านี้แทน
“เจ้าเดินเร็วมาก จนเกือบจะเป็นการวิ่ง”
คังชอลอินเริ่มพูดกับบิลลี่เพราะไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ที่บิลลี่ต้องการจะทำ
“โอ้ เอ่อ นั่นเพราะบังเอิญข้ามาสาย…”
บิลลี่สะดุ้งเฮือกทันทีที่คังชอลอินเอ่ยถามเข้าประเด็น
“เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ ๆ นั่นมันแค่เพราะข้าสงสัยเหตุใดเจ้าถึงมาช้ากว่าเวลานัดพบนัก…ข้าแค่สงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่…เพราะที่นี่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นมา…”
มันคือข้อแก้ตัวแบบง่าย ๆ ทั่วไป
‘แบบนี้นี่เอง…’
คังชอลอินสามารถมองถึงเจตนาแรกของบิลลี่ได้ในทันทีเพียงแต่เขาไม่ได้แสดงมันออกไป นอกจากนี้เขายังรับบทไม่รู้เรื่องรู้ราวเพื่อให้บิลลี่ยังคงอยู่ในจุดที่น่าอึดอัดใจต่อ
“งั้นรึ? ข้านึกว่าเจ้ามีความโกรธเคืองอะไรสักอย่างกับข้าเสียอีก”
“ไม่! ไม่เลย ๆ”
“เจ้าไม่ได้อารมณ์เสียหรอกหรือ?”
“ไม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
“งึ้นรึ?”
“ช ใช่!”
หากมนุษย์มีหางเหมือนอย่างสัตว์ ตอนนี้บิลลี่คงเปรียบเหมือนการม้วนหางของตัวเองเข้าระหว่างขาเมื่อโดนคำพูดของคังชอลอินและสายตาของคนที่เขาพามาด้วยข่มขวัญ
แม้แต่คนที่บอกกับทุกคนว่าตัวเองเป็นคนที่มีปัญหาด้านการจัดการกับอารมณ์ก็ยังสามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้เป็นอย่างดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งเช่นนี้
“เช่นนั้นจงนำทาง” คังชอลอิลกล่าว
“ดะ ได้”
บิลลี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาไม่มีความกล้าที่จะสร้างความโกลาหลต่อหน้าคังชอลอินและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“ไปได้”
คังชอลอินออกคำสั่งให้บิลลี่นำทางก่อนจะหันไปบอกกับทหารด้านหลัง
ความเร็วของการมายังคงช้าและเนิ่บนาบ
กีบม้ากระทบพื้นเพื่อขับเคลื่อนเกวียนและเสียงฝีเท้าของทหารที่พร้อมเพรียงแสดงให้เห็นถึงวินัยทางทหารของพวกเขา
บิลลี่ที่กำลังนำทางพยายามกลั้นกระเพาะปัสสาวะไม่ให้อออกมาอย่างน่าอายในขณะที่เขาเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเข่าอ่อนจนทรุดล้มลงไปกับพื้น
“นั่นมัน…จอมราชันย์คนเป็นเอเชียงั้นหรือ…?”
ทันทีที่คังชอลอินและคนของเขาเข้ามาใกล้ เหล่านักผจญภัยก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
นักผจญภัยทั้ง 40 คนเป็นเหมือนกันกับบิลลี่ที่ถูกความโอ่อ่าของรัศมีอำนาจจากคังชอลอินและกองทัพทหารครอบงำ ไม่มีใครกล้าโต้แย้งถึงการมาสายของเขาแม้แต่คนเดียว
‘ลูเซีย สิ่งที่เจ้าจัดการเป็นประโยชน์อย่างมากดั่งที่เจ้าว่าไว้จริง ๆ เจ้าช่างมีความสามารถในสิ่งนี้นัก’
คังชอลอินรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่ลูเซียเตรียมการมา
ผลตอบรับจากนักผจญภัยเป็นเหมือนกับกระดาษคำตอบที่ไม่มีข้อใดผิดไปจากที่ลูเซียคาดการณ์ ความคิดเห็นของลูเซียที่บอกว่ามนุษย์จะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นถูกต้อง
“หลบทางเร็ว”
“ออกไปอยู่ด้านข้าง ๆ ”
นักผจญภัยเคลื่อนตัวไปทางซ้ายและขวาเพื่อแหวกทางให้คังชอลอินและกองทัพของเขามาหยุดอยู่ตรงกลางเหมือนอย่างที่โมเสสแยกผ่านทะเลแดง
อาชาขาวของคังชอลอินหยุดนิ่ง ทหารลาพิวต้าหยุดการเคลื่อนไหวตามคังชอลอินอย่างมีระเบียบ
“ยินดีที่ได้พบกับพวกเจ้าทุก ๆ คน”
คังชอลอินแนะนำตัวขณะอยู่บนยอดม้าขาว
“ข้าคือจอมราชันย์”
และนั่นเองคือการพบเจอกันครั้งแรกระหว่างคังชอลอินและนักผจญภัยทั้งสี่สิบ
คังชอลอินเริ่มต้นด้วยการวางกฎพื้นฐาน
“เป้าหมายของเราครั้งนี้คือการออกล่าเป็นเวลาสามสัปดาห์ ในช่วงระยะเวลานี้ข้าจะจัดหาเต็นท์พักอาศัยและอาหารรวมถึงยาปรุงหากมีใครได้รับบาดเจ็บให้แก่ทุกคน สำหรับผู้ที่แสดงความสามารถได้โดดเด่นที่สุดในการล่าครั้งนี้ข้าจะมอบไอเทมระดับหายากให้กับคน ๆ นั้น
ขณะนั้นเอง โพดอลส์กี้ก็ได้เดินไปเปิดผ้าที่คลุมเกวียนออกเพื่อเผยให้เห็นถึงสิ่งของภายใน
“ว้าว…”
“ของทั้งหมดเป็นของหายากงั้นรึ?”
นักผจญภัยต่างรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น
มันคือรายการของต่าง ๆ ที่คังชอลอินเตรียมการซื้อล่วงหน้าไว้เพื่อการล่าสัตว์ แม้จะเป็นเพียงสิ่งของระดับต่ำแต่ก็แตกต่างไปจากของระดับต่ำที่นักผจญภัยมีพอสมควร มันคือความแตกต่างระหว่างการเป็นราชันย์และนักผจญภัย
“ข้าจะแบ่งสมบัติทั้งหมดให้พวกเจ้าทุกคนกันอย่างเท่าเทียมขณะที่ออกล่าสัตว์ประหลาด และข้าจะรับส่วนแบ่งก็ต่อเมื่อพวกเราสามารถล่าสัตว์ประหลาดระดับสูงได้แล้วเท่านั้น”
ซึ่งนั่นก็คือการพิชิตมังกรพีคอค
ไอเทมที่ได้รับจากการล่าสัตว์ประหลาดระดับล่างคือสิ่งที่คังชอลอินไม่ต้องการเมื่อพิจารณาถึงชนชั้นของเขา
มันจะเป็นการดีกว่าที่จะขอความร่วมมือแทนการออกคำสั่งเพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนจากนักผจญภัยได้มากขึ้น
“นี่ เจ้าคือจอมราชันย์แน่งั้นหรือ?”
“เจ้าจะให้สิ่งของระดับหายากและแบ่งสมบัติอย่างเท่าเทียมกันจริง ๆ ใช่ไหม?”
นักผจญภัยสองคนตะโกนคำถามเมื่อได้ยินว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีเกินไป
“แน่นอน”
คังชอลอินพยักหน้า
“เดี่ยว!”
ลูเซียก้าวไปข้างหน้าหลังขออนุญาตจากคังชอลอินเพื่อไปยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มนักผจญภัย
“ข้าชื่อลูเซีย เป็นผู้รับใช้องค์ราชันย์คังชอลอิน ยินดีที่ได้พบกับพวกเจ้าทุกคนอย่างยิ่งเหล่านักผจญภัย”
ใบหน้าของลูเซียดูเคร่งขรึมและเย็นชาอย่างมากเมื่อนางได้กล่าวแนะนำตัว
“องค์ราชันย์?”
“องค์ราชันย์? เขาเป็นราชางั้นรึ?”
“อะไรกันกับคำนำหน้าชื่อนั่น?”
นักผจญภัยเริ่มส่งเสียงอีกครั้งเพราะไม่มีใครทราบถึงการมีอยู่ของชนชั้นลอร์ดบนโลกนี้
“โปรดอยู่ในความสงบ”
ลูเซียเอ็ดนักผจญภัยเพื่อทำให้พวกเขาเงียบก่อนดำเนินการต่อ
“ข้าจะพูดสองสิ่งที่พวกเจ้าเหล่านักผจญภัยต้องจดจำไว้ให้ดี โปรดตั้งใจฟังอย่างระวัง”
นักผจญภัยนั้นถูกดึงดูดโดยเสน่ห์อันเยือกเย็นของลูเซียและจดจ่อกับสิ่งที่นางกำลังจะพูดต่ออย่างเงียบ ๆ
“ประการแรก ผู้นำของกองทัพครั้งนี้คือองค์ราชันย์คังชอลอิน ดังนั้นหากมีเหตุผลใดที่จะเรียกหาท่าน พวกเจ้าทุกคนจำเป็นต้องใช้คำที่ให้เกียรติและเหมาะสม แน่นอนว่าข้าจะไม่บังคับให้พวกเจ้าทุกคนเรียกท่านว่าราชันย์ การเรียกท่านว่า “ท่านแม่ทัพ” ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน”
ลูเซียพูดถึงทุกสิ่งที่คังชอลอินไม่สามารถพูดได้ด้วยตัวเอง นางได้ทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์
“นอกจากนี้จะต้องไม่มีเหตุการณ์ไม่ทำตามคำสั่งหรือไม่เชื่อฟังใด ๆ เกิดขึ้นเป็นอันขาด คำสั่งของท่านแม่ทัพถือเป็นสิทธิ์ขาดโดยสัมบูรณ์ หากพวกเจ้าคนใดไม่ปฏิบัติตามหรือทำให้เกิดความไม่สงบจงเตรียมพร้อมรับโทษทัณฑ์ให้ดี”
ตุ้บ!
ทหารที่อยู่ด้านหลังคังชอลอินกระแทกหอกของพวกเขาลงพื้นเพื่อให้เหล่านักผจญภัยได้ตระหนัก
“หากใครมีปัญหาในส่วนนี้ก็ขอให้ใช้ทั้งสองเท้าที่เจ้ามีและยังใช้การได้ดีอยู่กลับบ้านไปเสียในขณะที่เจ้ายังสามารถทำได้ อย่างที่พวกเจ้าก็ทราบกันดี…โลกใบนี้ไม่ใช่ของพวกเจ้า ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม” บนโลกของพวกเจ้ามาก่อน เช่นนั้นข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้ความหมายถึงสิ่งนี้ได้ ทั้งหมดมีเพียงเท่านี้”
ลูเซียกลับไปยืนยังตำแหน่งเดิมของนางทันทีเมื่อพูดจบเหลือทิ้งไว้เพียงความเย็นยะเหยือกและความเงียบสงัด
อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใด ๆ ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชารวมถึงคำสั่งและทิศทางการทำงานจำเป็นต้องมีความชัดเจนเพื่อป้องกันข้อพิพาทอยู่เสมอ แม้มันอาจสร้างอารมณ์หดหู่ไปบ้างเล็กน้อยแต่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“มีใครต้องการถอนตัวหรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถาม
“เช่นเดียวกับที่ลูเซียกล่าวก่อนหน้า ถ้าพวกเจ้าต้องการจงกลับไปเสียเดี๋ยวนี้”
ไม่มีใครยอมขยับตัวไปไหน
‘เพราะเงื่อนไขที่เสนอให้มันดีพอ’
คังชอลอินคิดในขณะที่เขามองเหล่านักผจญภัยที่นิ่งเฉย
แต่ก็มีบางคนที่ยังทำสีหน้าเหมือนมีปัญหาและไม่เข้าใจ
การแสดงออกของพวกเขากำลังกล่าวว่า “ราชันย์บ้าบออะไร?” หรือ “เขายิ่งใหญ่ขนาดไหนถึงได้แสร้างมาทำตัวเป็นราชา?”
หากเพราะไม่ใช่เงื่อนไขที่ดีคนพวกนี้คงกลับบ้านออกไปในทันที
‘ค่อย ๆ หล่อหลอมพวกนี้ไปอย่างช้า ๆ ก็แล้วกัน’
คังชอลอินไม่ได้รีบร้อนเรียกหาความภักดีตั้งแต่ต้น
มันยังไม่ถึงชั่วโมงนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้เจอกันดังนั้นมันคงไม่สมเหตุสมผลที่จะคาดหวังความภักดีหรือความไว้วางใจจากพวกเขาได้ในขณะนี้
“หากไม่มีใครคัดค้านเช่นนั้นข้าจะเริ่มดำเนินการตามตารางเวลาของเราในทันที โพดอลส์กี้ แจกจ่ายสิ่งของให้กับนักผจญภัยซะ”
“ขอรับ! มาเถอะทุกคน! ข้าจะมอบอาวุธให้กับพวกเจ้าเอง แน่นอนว่าไม่ได้ให้เลยเพียงแต่ให้ยืมใช้ในกรณีนี้เท่านั้น!”
ภายหลังการประกาศแจกจ่ายอาวุธ ความเยือกเย็นในตอนแรกก็ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นขึ้นมาทันใด มันจำเป็นต้องใช้ความอ่อนนุ่มเพื่อประโลมความแข็งข้อที่เกิดขึ้นในตอนแรก
‘พวกคนบื้อ’
คังชอลอินที่กำลังมองดูนักผจญภัยพลางหัวเราะเยาะอยู่กับตัวเองภายใน เช่นเดียวกับในอดีต นักผจญภัยยังคงเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ง่าย
“องค์ราชันย์ สิ่งของได้ถูกแจกจ่ายเสร็จแล้วขอรับ”
“งั้นรึ? เริ่มกันได้เลย”
“ขอรับ!”
เมื่อการกระจายสิ่งของสิ้นสุด นักผจญภัยก็ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการฝึกเพื่อพิชิตสัตว์ประหลาดทันที
“นายท่าน เหตุใดถึงสีหน้าไม่ค่อยดีนักเลยล่ะเจ้าคะ?”
ลูเซียเอ่ยถามขณะที่พวกเขาเริ่มเดินทางเข้าสู่ป่าปีศาจ
“คนที่ข้าต้องการตัวมากที่สุดไม่ได้มา”
“คนที่ท่านต้องการ…?”
“บุรุษผู้ชื่อโดเรียน”
โดเรียน เอกซ์พลอเรอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่
‘ไม่รู้ว่าเขาออกนอกลู่นอกทางไปไหนทั้ง ๆ ที่เน้นย้ำว่าต้องการจะเข้าร่วมให้ได้แท้ ๆ’
โดเรียนที่พูดย้ำ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องการเข้าร่วมการพิชิตมังกรพีคอคในครั้งนี้ทว่ากลับไม่อยู่ที่นี่เสียอย่างนั้น เขากำลังทำให้คังชอลอินเริ่มอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
“แสดงว่าเขาผู้คนนั้นคงเป็นประโยชน์อย่างมากเลยสินะเจ้าคะนายท่านถึงจำชื่อของเขาได้เช่นนี้”
“ไม่เลย เขาไม่มีประโยชน์อันใด … โดเรียนที่ข้ารู้จักมีศักยภาพในการเป็นนักล่าดันเจี้ยนที่ดีที่สุดเพียงเท่านั่น”
“เช่นนั้นเขาเป็นคนดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“เขาเป็นราชันย์เช่นข้า แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นคนละระดับกับนักผจญภัยเหล่านี้”
“อา…!”
ลูเซียอุทานเมื่อได้ยินคำอธิบาย ถ้าคนที่คังชอลอินพูดถึงเป็นราชันย์ ลูเซียก็พร้อมที่จะเคารพเขาด้วยเช่นกัน
“ในเมื่อเขาไม่มาปรากฏตัวเช่นนี้เขาก็เป็นได้แค่เพียงจอมโหก”
เขาพยายามคิดอย่างถี่ถ้วนถึงประเด็นที่โดเรียนไม่ยอมมาปรากฏตัวในวันนี้อย่างหนัก หรือบางทีอาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดไว้แล้วอย่างไม่ตั้งใจ
‘โดเรียน ข้าเอาเจ้าตายแน่!’
คังชอลอินบดฟันกรอดเมื่อนึกถึงโดเรียน
และทันใดนั้น
“องค์ราชันย์ขอรับ!”
ทหารรีบที่เดินนำทางด้านหน้ารีบวิ่งกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็วเพื่อรายงาน
“200 เมตรถัดจากข้างหน้านี้ไปข้าพบโครคิวต้าขอรับ!”
“อืม… มาได้เหมาะเวลาเสียจริง”
โครคิวต้าเป็นครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์ที่มีหัวเป็นไฮยีน่ามีตัวเป็นแบบคน มันเป็นสัตว์ประหลาดที่เปรียบเหมือนโนลที่อยู่ในระดับ 15 เพียงแต่มันจะอยู่ในระดับ 20 มันเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่นักผจญภัยสามคนในระดับปัจจุบันของพวกเขายังยากที่จะเอาชนะได้
“ไปกันเถอะ ข้าจะจัดการมันเอง”
คังชอลอินเริ่มคุมม้าเพื่อนำทาง
“องค์ราชันย์จะจัดการกับโครคิวต้าเพียงลำพังหรือเจ้าคะ?”
ลูเซียเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“ข้าต้องแสดงความสามารถให้พวกเขาได้เห็นเป็นตัวอย่าง เช่นนั้นพวกเขาถึงจะปักใจติดตามข้า”
คังชอลอินยิ้มรับก่อนตอบกลับ
การล่าโครคิวต้าจะช่วยสอนให้นักผจญภัยเข้าใจถึงวิธีการตามล่าสัตว์ประหลาดและเพื่อแสดงความสามารถของเขาให้ได้เป็นที่ยอมรับ นั่นคือแผนของคังชอลอินในตอนนี้ เขาตั้งใจจะฆ่านกทั้งสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว
“ฮย่า!”
คังชอลอินนำตัวเองที่ขึ้นขี่อาชาขาวไปด้านหน้าทันใด
ฮี้!
กำลังม้าที่แข็งแกร่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
.