The Overlord of Blood and Iron - ตอนที่ 25: ทำข้อตกลง (2)
ตอนที่ 25: ทำข้อตกลง (2)
“เช่นอะไรประมาณนี้” สิ่งที่เขายื่นให้ชายชราดูคือแหวนเรียบ ๆ สองวง
“นี่มันอะไร?”
ขณะเดียวกันน้ำเสียงจากชายชราควอนก็ได้ต่างไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
มันคือสัญญาณไฟเขียวที่หมายถึงการยอมรับ
นั่นหมายความว่าเขากำลังจะปฏิบัติต่อคังชอลอินในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจคนหนึ่งไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
“แหวนแห่งความแข็งแกร่ง”
“แหวนแห่งความแข็งแกร่ง?”
“มันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนที่สวมมันได้ประมาณ 10 กก. มันมีราคาที่ค่อนข้างถูกแต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าประทับใจอย่างมาก”
“เธอจะบอกให้ฉันเชื่อ…”
“คุณควอน”
คังชอลอินแทรกตัดบทพูดของเขา
“คุณคิดว่าฉันจะมาขายยาเสพติดให้งั้นเหรอ?”
คำถามเย็นชาที่มาพร้อมกับสายตาเยือกเย็นทำเอาชายชราแทบจะหัวใจวายมันซะตรงนั้น
‘เป็นผู้ชายแบบไหนกันถึงได้มีสายที่ดุดันมากขนาดนี้…!’
มันเป็นการจ้องมองที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวซึ่งเขาไม่ได้พบเห็นอะไรแบบนี้มานานหลายปีมากในชีวิต
‘เป็นไปได้ด้วยเหรอ…?’
เนื่องจากแนวทางของงานที่เขาทำ ชายชราได้พบเจอกับอาชญากรมาแล้วทุกรูปแบบ พวกเขามีปืนที่ให้เช่ากันแบบง่าย ๆ มีพวกแก๊งอันธพาลที่รับจ้างตามฆ่าคนอยู่จำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตามในบรรดาแก๊งอันธพาลโหดร้ายเหล่านี้ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้เส้นผมของเขาต้องลุกตั้งด้วยความสั่นกลัวได้เหมือนอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้ทำมาก่อน
“ฉ ฉันขอโทษ … ฉันผิดเอง”
ในที่สุดชายชราก็ยอมลดหางของตัวเอง
แม้แต่ตัวชายชราเองก็ยังไม่อาจยอมรับได้
ความภาคภูมิใจของเขาถูกทำลายทั้ง ๆ ที่มีบอดี้การ์ดกล้ามใหญ่คอยเฝ้าระวังอยู่ข้างหลังถึงแปดคน
ในตอนนั้นเขาก็คิดได้ว่าบนโลกนี้คงมีผู้คนอีกมากมายหลายประเภทอาศัยอยู่
“ไม่เป็นไร”
คังชอลอินที่เผลอไปทำให้ชายชราต้องหวาดกลัวโดยไม่ตั้งใจปรบมือของตัวเองแล้วพูดต่อว่า
“มีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า ‘ต้องได้เห็นก่อนถึงจะยอมเชื่อ’ ต่อให้ฉันบรรยายสรรพคุณมันเป็นพันครั้งก็ไม่เท่ากับการที่คุณได้ลองใช้มันเพียงแค่ครั้งเดียว”
“ฉันลองได้เหรอ?”
“แน่นอน”
คังชอลอินพยักหน้าพลางยื่นมือด้วยความระวังเพื่อวางแหวนทั้งสองวงลงบนมือของชายชรา
“อืม….หืม…”
ชายชรากระแอมเสียงเบา ๆ ราบกับว่าเขากำลังประหม่า
“นี่มัน…”
“มันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ มันเป็นแบบนั้น”
“เพราะมันไม่ใช่ของราคาแพงและเป็นเพียงวัตถุธรรมดา อย่าไปคาดหวังกับสิ่งที่มันเกินจริงนักเลย”
“…แล้วเธอใช้มันยังไง?”
“ลองยกอะไรสักอย่างดูสิ เช่นพวกอะไรใหญ่ ๆ ที่คุณไม่สามารถพกติดตัวไปด้วยได้เพราะคุณไม่มีกำลังที่มากพอ”
“อืม…”
ตามคำพูดของคังชอลอิน ชายชราลูบเคราสีขาวของเขาอย่างพินิจก่อนจะเลือกยกบาร์เบลที่มีน้ำหนัก 20 กก.ตรงมุมสำนักงาน มันเป็นบาร์เบลที่หนึ่งในบอดี้การ์ดของเขาใช้ในการออกกำลังกายอยู่บ่อย ๆ
“…!”
ทันใดนั้นดวงตาของชายชราก็เบิกกว้าง
“น นี่มันอะไรกัน?!”
แน่นอนว่าชายชราจะต้องประหลาดใจที่ได้เห็นตัวเองสามารถยกบาร์เบลด้วยมือเพียงข้างเดียวทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถยกมันได้แม้จะใช้ทั้งสองมือแล้วก็ตาม
“เพราะคุณสวมแหวนไว้สองวงพร้อมกันมันจึงเป็นไปได้ที่คุณจะสามารถยกอะไรที่มากกว่าปกติได้ถึง 20 กก. หรือแม้แต่จะแกว่งเล่นไปมาก็ย่อมทำได้”
คังชอลอินอธิบายด้วยใจจริง
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน”
“งั้นฉันขอลองได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้ว”
หลังจากได้รับอนุญาต ชายชราควอนรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เขากางไหล่เตรียมพร้อมและออกแรงเล็กน้อยเพื่อเหวี่ยงบาร์เบล
วู้ช!
บาร์เบล 20 กิโลกรัมเคลื่อนไหวราวกับขนนกในมือของชายชรา
แม้จะมีร่างกายที่ดีเพียงใดแต่เมื่ออยู่ในวัยชราก็ไม่มีทางที่ข้อต่อกระดูกจะดีได้เหมือนสมัยยังเป็นหนุ่ม ๆ มันช่างน่าประหลาดใจสำหรับชายชราควอนเป็นอย่างมากราวกับเขาได้ย้อนเวลากลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
“…… !”
“อะไรกัน…!”
“เป็นไปไม่ได้!”
บอดี้การ์ดที่เฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ พูดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
“มหัศจรรย์มาก… นี่ ที่แพนเจียอะไรนั่นมีของดี ๆ แบบนี้อยู่อีกเพียบเลยใช่ไหม?”
“มันเป็นหนึ่งในของถูกที่ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น” คังชอลอินว่าพลางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“แหวนนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถนำออกมาจากแพนเจียได้ รวมถึงอะไรบางอย่าง… ที่มีพลังมากพอที่จะทำลายได้ทั้งเมือง”
“นั่นมัน…หมายถึง…”
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะเชื่อมันได้เอง”
“หืม…ก็คงจะจริง”
“ก่อนอื่นฉันต้องการเริ่มทำข้อตกลงระหว่างเราโดยการขายทองคำที่ฉันนำมาในวันนี้ก่อน คุณคิดว่าไง?”
“ไม่มีเหตุผลให้ต้องไม่ทำสักหน่อยเลยนี่ หากสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริงฉันจะยอมกระโดดเข้าร่วมธุรกิจที่เธอแนะนำมา ธุรกิจนี้จะเป็นดั่งห่านที่ออกไข่ทองคำให้กับพวกเรา!”
“ถูกต้อง จากนั้นคุณก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่และซื่อสัตย์กับครอบครัวของคุณได้อย่างที่ต้องการ ลูกสาวของคุณไม่ชอบงานที่คุณกำลังทำอยู่นี้หรอกใช่ไหม?”
“… !”
“ฉันจะพูดอีกครั้งว่านี่คือโอกาส”
“….ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่เธอจะไม่รู้เกี่ยวกับฉันเลยสินะ”
“แล้วคุณคิดว่าฉันมาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยหรือยังไง?” คังชอลอินถามกลับเมื่อรู้ความต้องการของชายชราควอนได้เป็นอย่างดี
มันเป็นความปรารถนาและความโหยหาที่อาชญากรทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
สำหรับมนุษย์แล้วนั้น เมื่อได้ก่อเหตุอาชญากรรมไปแล้ว คน ๆ นั้นจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและความทรมานจากกฎหมาย ยิ่งพวกเขาหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมมากเท่าไหร่พวกเขายิ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความระแวงและหวาดกลัว กลัวว่าวันที่พวกเขาจะถูกนำตัวไปพิจารณาคดีในศาลจะมาถึง ดังนั้นมันแน่นอนว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้พวกเขาหลบหนีจากความผิดทางอาญาและอยู่ร่วมกับสังคมในฐานะสมาชิกที่ใสสะอาดได้พวกเขาก็จะเลือกทางนั้น
ความคิดและความปรารถนาดำรงอยู่ในตัวของชายชราไม่ว่าเขาจะแก่หรือทรงพลังมากขนาดไหนในขุมนรกนี้ มันเป็นความปรารถนาสุดท้ายสำหรับคนที่มีชีวิตมาตลอดในฐานะอาชญากร สำหรับคังชอลอินที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ ทำให้เขาสามารถควบคุมชายชราได้อย่างง่ายดาย
“ความปรารถนาของคุณ ฉันสามารถช่วยทำให้มันเป็นจริงได้”
“จ จริงเหรอ?”
เสียงของชายชราสั่นเทาอย่างรุนแรง
“เพียงแค่รอดู หลังจากนี้อีกเพียงหนึ่งหรือสองเดือนโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง”
“เฮ้อ…ใครจะไปรู้ว่าฉันจะมาได้ยินอะไรแบบนี้ในช่วงที่ไม้ใกล้ฝั่งเต็มที”
“นั่นถึงได้เป็นเหตุผลว่าทำไมการใช้ชีวิตถึงได้สนุกยังไงล่ะ กลับกันใครจะไปรู้ว่าจะมีประตูมิติสู่โลกที่แตกต่างเกิดขึ้น”
“เธอนี่พูดได้ตลกดี ทั้ง ๆ ที่การจะมีมุมมองอะไรแบบนี้ได้ต้องมีอายุที่ยืนยาวพอสมควรแท้ ๆ”
รอยยิ้มขนาดใหญ่ได้เผยขึ้นบนใบหน้าชายชรา
“นี่ หัวหน้าโอ”
“ครับ ท่านประธาน”
“เอาเงินให้เขาไป 350 ล้านวอน”
“ได้ครับ”
มันมากกว่าราคาทองที่เขาเรียกตามตลาดไป 100 ล้านวอน
“ฉันจะไม่หักค่านายหน้า สำหรับทองแล้วฉันให้ 250 ล้านวอน ส่วนค่าแหวนฉันให้เพิ่มอีก 100 ล้านวอน
“มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น ราคาของมันอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 ล้านวอน”
“งั้นเหรอ?”
“คุณเอามันไปได้เลย ฉันให้”
“ให้ฉันแบบฟรี ๆ เลยเนี่ยนะ?”
“ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการทำข้อตกลงอนาคตของพวกเราก็แล้วกัน ถึงฉันจะพกติดตัวเอาไว้อยู่ตลอดฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอยู่ดี”
“…เธอมันใจใหญ่จริง ๆ แต่ฉันไม่สามารถรับมาแบบฟรี ๆ ได้ รับส่วนเพิ่มนั่นไปซะเถอะ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ต้องการแสดงความขอบคุณต่อคู่ค้าที่มีศักยภาพในอนาคต”
“ถ้าคุณยืนยันแบบนั้นฉันก็จะยินดีรับไว้”
ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงแรกระหว่างคังชอลอินและชายชราควอนก็เสร็จสิ้น
มันเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ
คังชอลอินมีความสุขที่เขาได้เงินสดมาและชายชราควอนก็มีความสุขเพราะเขาได้รับสิ่งของสำหรับธุรกิจใหม่และสามารถจุดความฝันของเขาที่ดับมืดขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
“แล้วฉันจะติดต่อหาคุณอีกภายในหนึ่งเดือน ช่วงนี้ก็ระวังเรื่องข้อเสนอต่าง ๆ ของคุณให้ดีก็แล้วกัน หรือถ้าคุณปิดร้านนี้ไปได้เลยก็จะยิ่งดีเพราะไม่งั้นมันคงเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อนที่คุณจะได้นั่งรถไฟแห่งดอกไม้ แล้วมันก็น่ารำคาญสำหรับฉันที่ต้องไปหาคู่ค้าคนใหม่”
คังชอลอินตรวจสอบเงินที่อยู่ในกระเป๋าและไม่ลืมกล่าวคำเตือนที่ชายชราต้องระวังขณะก้าวออกจากร้านของชายชราไป มันคงเป็นเรื่องยากและเสียเวลาถ้าชายชราควอนต้องเข้าคุกไปก่อนที่เขาจะได้เริ่มทำธุรกิจครั้งใหม่
“แน่นอน ฉันจะปิดมันแน่ ๆ!”
ชายชราพยักหน้า
“ถ้าหากเธอต้องออกไปทำงานใหญ่ ๆ ก็ต้องระวังความปลอดภัยให้มากขึ้นด้วยรู้ไหม ส่วนเรื่องทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้จะใช้ชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์เพราะฉะนั้นก็เตรียมตัวให้ดีสำหรับการดีลครั้งต่อไปของเราเถอะ”
“ได้สิ”
ด้วยบทสนทนาครั้งสุดท้ายเช่นนั้น คังชอลอินกลับขึ้นไปนั่งบนมัสแตงของเขาอีกครั้งจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานของปาร์คดูชิกต่อ
“ท่านประธาน”
หัวหน้าโอเรียกความสนใจจากชายชราขณะมองตามมัสแตงของคังชอลอินที่ขับไกลออกไป
“ว่ายังไง? หัวหน้าโอ”
“ถึงมันจะวิเศษขนาดไหนแต่การให้เงินเขาเพิ่มไปอีกร้อยล้านแบบนั้นจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือครับ? ทำไมคุณถึงได้เชื่อใจเขามากขนาดนี้?”
“สัญชาตญาณน่ะ”
“สัญชาตญาณ?”
เมื่อได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด ใบหน้าของหัวหน้าโอก็บูดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ
สัญชาตญาณ
ธุรกิจเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ควรทำโดยใช้แค่สัญชาตญาณ แต่ควรทำด้วยข้อมูลที่ปลอดภัยและมีเหตุผล ธุรกิจอาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนต้องมีหนี้สินหากขั้นตอนใด ๆ มีความผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว แต่ชายชรากลับให้เงินเขาไปร้อยล้านวอนโดยสัญชาตญาณ มันไม่ใช่สิ่งปกติที่ชายชราควอนผู้ยิ่งใหญ่จะกระทำ
“ท่านประธาน หรือว่าคุณ…”
“ฉันไม่ได้แก่จนเลอะเลือน เพราะงั้นไม่ต้องมาถามฉันแบบนั้น!”
ชายชราควอนที่ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของหัวหน้าโอตะโกนดักทาง
“โอ…หัวหน้าโอ แกมันโง่งี่เง่าไม่หายจริง ๆ เพราะมีหัวแบบนี้อยู่บนไหล่ไงฉันถึงไม่ยอมมอบธุรกิจอะไรให้ไปทำ!”
“…”
“สำหรับธุรกิจนี้น่ะ แกไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำเข้าใจไหม? เด็กคนนั้นก็บอกอยู่ว่าไม่สามารถนำอะไรจากโลกนี้ไปสู่อีกโลกนั้นได้ ดังนั้นจากมุมมองของนักธุรกิจแล้วมันไม่มีเรื่องค่าใช้จ่ายต้นทุนอยู่เลย! หมายความว่าถ้าแกสามารถรักษาคนที่ข้ามไปมาระหว่างโลกนั้นโลกนี้ไว้ได้แกก็จะสามารถทำเงินได้แบบรวยโคตร ๆ!”
“โอ้ อย่างนั้นเองหรอครับ…?”
“และแหวนวงนี้”
ชายชราควอนพึมพำพลางดูแหวนเพิ่มพลังราคาถูกที่อยู่บนนิ้วของเขา
“นอกจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัยมากมายฉันก็ไม่เคยเห็นหรือได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเอาแหวนวงนี้ไปให้กับนักเบสบอลมืออาชีพใช้?”
“มันคง…คงเป็นเกมส์ที่ดุเดือด”
“และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้เล่นเบสบอลมืออาชีพคนนั้นได้ไปเล่นในเมเจอร์ลีก?”
“รายได้ประจำปีที่น่าจะมากกว่าพันล้าน”
“แล้วไอ้บ้าคนไหนที่มันมาโวยวายกับไอ้แค่เงินร้อยล้านวอน?”
“โอ้!”
หัวหน้าโอกุมศีรษะด้านหลังตัวเองแน่นและดูเหมือนกับว่าเขาจะเป็นลมหมดสติเมื่อรู้ถึงข้อเท็จจริงของชายชรา
ชายชราที่ไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรง แหวนแห่งความแข็งแกร่งนี้จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเขาได้พอ ๆ กับผู้ชายที่ยังเต็มไปด้วยพละกำลัง
“หลังจากนี้เป็นต้นไปถ้าเพื่อนคนนี้แวะมาอีกเมื่อไหร่ก็ทำตัวกับเขาให้ดี ๆ แม้ว่าฉันจะไม่รู้แน่ชัดแต่เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ หืม คนแบบนี้มาจากที่ไหนกันนะ? อย่างที่เขาพูด พวกเราต้องมีชีวิตยืนยาวและรอดูต่อไป! ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
ชายชราควอนหัวเราะเสียงดังพร้อมรอยยิ้ม
มันเป็นโอกาสที่ในที่สุดก็เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปนาน … โอกาสของชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่ออายุวนมาถึงรอบที่ 80
.
.
.
เมื่อคังชอลอินมาถึงที่สำนักงานของปาร์ดูชิกและได้รับการปฏิบัติดั่งเช่นราชา เขากำลังนั่งบนเก้าอี้ประธานของปาร์คดูชิกเพื่อฟังรายงาน
“รายงานมา”
“มันคือ…”
“ดูท่าจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยงั้นสินะ”
“ …” ปาร์คดูชิกไม่มีข้อแก้ตัว
“ฉันเข้าใจ”
“…!”
“ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วว่าการตามหาตัวควักจองคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเจอได้ในสองสามวัน มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๆ ก็สองถึงสามเดือน”
คังชอลอินนึกถึงเล่าปี่ผู้รอคอยอยู่นานเพื่อจะได้เจอกับขงเบ้งนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เพื่อเตือนให้สงบจิตสงบใจของตัวเองเข้าไว้
‘ไอ้สารเลวที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองแบบนั้นกล้าดียังไงถึงได้เอาตัวลีกงมยองไปไว้กับตัวเองแบบนั้นอีก!’
ในทางกลับกัน ความโกรธของเขาที่มีต่อรอตส์ไชลด์ก็เริ่มกระจายแทนขึ้นมา รอตส์ไชลด์เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองและถูกมอบแต่สิ่งดี ๆ ให้ทั้งซ้ายและขวามาตลอดทั้งชีวิต
ลีกงมยอง ผู้อพยพจากชาวจีนที่พำนักอยู่ในเกาหลีได้เข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดเพราะความฉลาดของเขา รอตส์ไชลด์ที่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนอยู่ที่นั่นจึงได้จับตาดูความสามารถของลีกงมยองมาโดยตลอด
คังชอลอินที่พยายามจะสงบอารมณ์ความโกรธของตัวเองวางเงินสี่กองลงบนโต๊ะของปาร์คดูชิกโดยแต่ละกองจะเป็นจำนวนเงินห้าล้านวอน
“โอ้ บิ๊กบอส! ทำไมคุณถึงเอาอะไรแบบนี้มาให้พวกเราบ่อยนักล่ะครับ?”
“แกก็รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร”
“แน่นอนสิครับ ผมจะรีบส่งคนออกไปมากกว่าเดิมเพื่อกระจายกำลังในการออกตามหามากยิ่งขึ้น!”
ปาร์คดูชิกกำหมัดแน่นเพื่อแสดงให้คังชอลอินเห็นว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
“แต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอครับ? แค่สองกองก็พอ…”
“อย่าทำตัวเหมือนไม่ชอบในสิ่งที่ฉันทำจะได้ไหม?”
“…อ่า ครับ บิ๊กบอส”
ควักจองคือกุญแจสำคัญถ้าเขาต้องการมอบบทเรียนให้กับรอสต์ไชลด์และลีกงมยอง เงินเล็กน้อยพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับเขาถ้าหากมันจะทำให้เขาสามารถคว้าตัวควักจองมาได้ เขาจะเพิ่มครั้งละล้าน ไม่สิ ครั้งละสิบล้านก็ยังได้
“งั้นฉันไปล่ะ แล้วฉันจะมากลับมาใหม่เร็ว ๆ นี้”
เมื่อคังชอลอินเสร็จธุระที่สำนักงานของปาร์คดูชิกแล้วเขาตั้งใจจะไปที่บูชอนต่อเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเขา
‘เรามันเป็นลูกที่แย่จริง ๆ …’
หากนึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนที่เขาได้รับการอัญเชิญเป็นครั้งแรก เขาไม่เคยกลับมาเยี่ยมแม่ตัวเองอีกเลย ในตอนนั้นคังชอลอินคลั่งไคล้ในสงครามที่แพนเจียมากจึงได้ทำผิดบาปต่อครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปโดยไม่รู้ตัว มันไม่สำคัญว่าเขาจะให้เงินกับเธอไปมากแค่ไหนแต่ที่สำคัญคือเขาไปเคยกลับไปนวดไหล่ให้แม่ตัวเองเลยสักครั้งนี่ต่างหาก ในฐานะลูกชายแล้วมันให้เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
‘แม้แต่ครอบครัวยังดูแลไม่ได้แล้วจะไปปกครองแพนเจียได้ยังไงกัน…?’
คังชอลอินครุ่นคิดแล้วให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ลูกที่ดีเพื่อแม่ของเขา
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ออกตัว โทรศัพท์ที่เงียบมานานของเขาก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาเสียก่อน
มันคือสายเรียกเข้าจาก…
“ตัวแทนลี?”
ราชันย์ที่เขาไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่มาก่อน ลีแชริน
.
.