THE NEXT WITCH’S JOURNEY - ว่าที่แม่มดมือใหม่ - ตอนที่ 2.5 มังกรแห่งคาทาราน
“ขอนายท่านอาไลน์โปรดอภัยนายท่านเทียบอนด้วยเถิด” โรชคุกเข่าลง “นายท่านเทียบอนหามีเจตนาดูหมิ่นหรือยั่วโทสะของนายท่านอาไลน์ไม่ แค่… นายท่านเทียบอนไม่รู้ว่าชี้แจงอย่างไรจึงจะชัดเจนดี เพราะถึงอย่างไร นายท่านเทียบอนก็ชำนาญเพียงการเลี้ยงหมูเท่านั้น”
ควอนเจบอกได้ว่าเจ้านายตนพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ ถ้าเป็นปกติ การพูดเช่นนี้ต่อให้เป็นความจริงก็ต้องมีใครสักคนถูกบั่นคอแล้ว
“เลี้ยงหมูงั้นเรอะ …กะ ก็เข้าใจได้นะ…” อาไลน์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการปั้นหน้าให้กลับจากการบิดเบี้ยวราวกับถูกบังคับให้กลืนของเสียก็ไม่ปาน
“ความหมายของนายท่านเทียบอนก็คือ เนื่องจากนายท่านรักและเป็นห่วงคุณหนูแคเธอรีนยิ่งนัก จึงปรารถนาจะเห็นคุณหนูได้อยู่ในที่สะดวกสบาย ที่สำคัญคือสามารถกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมได้ไม่ยากนัก จะว่าอย่างไรดีล่ะ เมืองโทไรเทสแม้จะไม่เลว ทว่าก็จัดว่าไกลทีเดียวสำหรับหญิงสาวหากต้องเดินทางไปกลับเพื่อเยี่ยมเยือนบิดามารดาสักเดือนละสองครั้ง”
“นะ นั่นสินะ” อาไลน์ครุ่นคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เพราะขนาดข้าเองก็ยังระอากับการเดินทางเลย ถึงจะนั่งรถม้าแต่ก็ใช้เวลาตั้งหนึ่งสัปดาห์”
“แล้วเรื่องของเสื้อผ้าเครื่องประดับ เกรงว่ากระทั่งของที่เคยเป็นที่นิยมในฤดูกาลก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีพ่อค้าคนใดเดินทางไกลมาถึงที่นี่ด้วยกระมัง ดังนั้นในฐานะภรรยาของนายท่านอาไลน์คงไม่อาจเฉิดฉายอย่างเหมาะสมในงานสังคมได้เป็นแน่”
“พูดอีกก็ถูกอีก” อาไลน์พยักหน้าหงึก ร่องรอยความโกรธที่เคยมีหายสิ้นโดยไม่รู้ตัว “ยังไงอยู่ใกล้เมืองหลวงก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”
“นายท่านอาไลน์ช่างปรีชายิ่งนัก” โรชก้มศีรษะต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย “และนั่นจึงเป็นที่มาของของเงื่อนไขข้อต่อมาเรื่องตำแหน่งของนายท่านอาไลน์ จริงอยู่ที่นายท่านเป็นถึงผู้ครองนครแห่งนี้ กระนั้นสำหรับอาณาจักรแล้ว แต่ละเมืองก็มีคุณค่าไม่เท่ากัน โทไรเทสนั้นไม่ใช่เมืองชายแดนแล้วก็ไม่ได้มีทรัพยากรอันเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นพิเศษ ข้าน้อยเชื่อว่านายท่านอาไลน์เองก็ตระหนักถึงข้อจำกัดนี้ด้วยเช่นกัน ข้าน้อยรู้ดีว่าเป็นการเสียมารยาท แต่ข้าน้อยก็จำเป็นต้องพูดออกมาอยู่ดี ว่าสำหรับเหล่าขุนนางในเมืองหลวงแล้ว ตำแหน่งเจ้าเมืองของนายท่านไม่มีค่าอะไรเลย”
“คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องนั้นหรือไง!” อัศวินหนุ่มกระชากเสียง ก่อนกระแอมแก้เก้อเมื่อเห็นควอนเจส่ายหน้าน้อย ๆ “ข้าหมายถึง- ข้ากำลังพยายามจัดการอยู่ เจ้าสามารถแจ้งกับนายท่านเทียบอนว่าข้าอยู่ระหว่างการเจรจากับหัวหน้าหน่วยอารักขาศาสนจักรใหญ่เพื่อโยกย้ายไปรับตำแหน่งในหน่วยกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ หากมีการโยกย้ายเกิดขึ้น คาดว่าข้าก็น่าจะได้ไปประจำที่ศาสนจักรสาขาสักปีสองปีจากนั้นค่อยเข้าเมืองหลวงในฐานะหัวหน้ากองอะไรทำนองนั้น”
“นั่นก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน แต่ข้าน้อยขอบังอาจเสนอแนะวิธีที่ช่วยให้เห็นผลได้รวดเร็วยิ่งกว่าสักหน่อยเถิด ซึ่งเป็นวิธีที่นายท่านเทียบอนกล่าวถึงในตอนท้ายของจดหมาย” โรชหยุดไปอึดใจก่อนพูดต่อ “ไม่ทราบว่านายท่านอาไลน์เคยได้ยินข่าวลือเรื่องมังกรหรือไม่”
“มังกรหรือ” อาไลน์นิ่วหน้า ไม่แน่ใจว่าตนได้ยินถูกหรือไม่ เขาถึงกับเอาจดหมายที่อ่านลวก ๆ ขึ้นดูอีกครั้งทว่าจิตใจของเขากลับสับสนเกินกว่าจะสามารถหาสิ่งที่ต้องการในกองลายมือขยุกขยิกพบในเวลาอันสั้น
“ใช่แล้วขอรับ” พ่อบ้านเน้นเสียง เหตุผลหลักก็เพื่อเรียกความสนใจของหนุ่มอัศวินมายังตน “ไม่ทราบว่านายท่านอาไลน์ได้ยินสถานการณ์ล่าสุดของหมู่บ้านเชนลันด์หรือไม่ขอรับ”
“หมู่บ้านเชนลันด์นี่ ใช่หมู่บ้านติดภูเขาหรือเปล่า ภูเขานั่นชื่ออะไรนะ”
“ภูเขาเอรัมทีรันขอรับ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคาทาราน” โรชตอบ “มีรายงานการพบเห็นมังกรจากชาวบ้านที่เดินทางออกมาติดต่อซื้อขายสินค้ากับเมืองใกล้เคียง พวกเขาเชื่อว่ามังกรตัวนั้นทำรังอยู่บนเทือกเขาคาทารานตรงไหนสักแห่ง ซึ่งอาจเป็นภูเขาเอรัมทีรันก็ได้จากความถี่การโจมตีปศุสัตว์ในหมู่บ้านเชนลันด์”
“แต่จะเป็นมังกรจริงหรือ ไม่แน่พวกชาวบ้านอาจเข้าใจผิดก็ได้” อาไลน์แย้ง “บางทีอาจเป็นแค่โจรป่าหรือฝูงสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ๆ มากกว่า”
“ข้าน้อยไม่คิดว่าคนเราจะเข้าใจผิดระหว่างมังกรกับกองโจรได้หรอกนะขอรับ ที่สำคัญตอนนี้ทางศาสนจักรรับรู้เรื่องมังกรแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงส่งหน่วยศาสนศาสตราออกไปจัดการ”
“หน่วยศาสนศาสตรางั้นหรือ!?!” อาไลน์เลิกคิ้ว “ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่ข้ากลับไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”
“คนส่งข่าวของนายท่านเทียบอนแจ้งว่าศาสนจักรเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจหาตำแหน่งของรังมังกร ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ตีวงแคบลงจนเหลือพื้นที่รอบภูเขาเอรัมทีรันเท่านั้นแล้วขอรับ”
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับข้าตรงไหน ในเมื่อเวลานี้ศาสนจักรกำลังจะยื่นมือเข้าไปจัดการแล้วน่ะ”
“นายท่านอาไลน์ นายท่านทราบถึงคุณค่าของมังกรหรือไม่ขอรับ” โรชพูดต่อ “นับตั้งแต่ศาสนจักรประกาศสงครามกับเวทมนตร์และพวกนอกรีตเมื่อแปดสิบปีก่อน มังกรก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการกวาดล้างโดยเชื่อกันว่ามันเป็นตัวแทนของจอมปีศาจบนโลกนี้ ด้วยความเชื่อนี้เองที่ทำให้ใครก็ตามที่สามารถสังหารมังกรลงได้จะได้รับการยกย่องอย่างสูงถึงขั้นเป็นนักบุญเลยทีเดียว แม้ปัจจุบันทุกคนจะเชื่อว่ามังกรสูญพันธุ์ไปหมดแล้วในดินแดนกลาง ทว่ามันก็ยังไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าการฆ่ามังกรสามารถสร้างผลประโยชน์ให้แก่ผู้ลงมือได้อย่างมหาศาล เพราะอย่างนั้นสำหรับนายท่านอาไลน์ที่กำลังหาหนทางไต่เต้าสู่เมืองหลวง ไม่คิดว่าวิธีนี้น่าสนใจหรือขอรับ”
“แต่การยื่นมือเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ศาสนจักรกำลังจัดการมันก็ค่อนข้างจะ …ไม่เหมาะสมเท่าไหร่” ต่อให้อาไลน์จะพูดออกมาเช่นนี้ ควอนเจก็ยังเห็นกระแสความคิดวิ่งพล่านในสมองชั่วร้ายของเจ้านายตนได้ชัดเจน เขาแน่ใจว่าเวลานี้อาไลน์คงคิดหาหนทางตักตวงผลประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้สักหกวิธีแล้ว
“ขอเพียงเป็นผู้ชนะก็ไม่มีคำว่าไม่เหมาะสมแล้วละขอรับ” โรชพูด “นายท่านอาไลน์ลองคิดดูนะขอรับ มังกรที่เชื่อกันว่าสูญพันธุ์จากดินแดนกลางไปแล้ว ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นตัวสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ก็ได้ แล้วหากผู้ที่สังหารมันลงเป็นนายท่านอาไลน์ละก็ นายท่านก็จะกลายเป็นผู้พิชิตมังกรคนแรกและคนเดียวในรอบหลายสิบปี นายท่านจินตนาการออกไหมขอรับ ถึงลาภยศสรรเสริญที่จะหลั่งไหลเข้ามา ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้นหรอก นักบุญอาไลน์ เกรทเทรัน ด้วยตำแหน่งนักบุญ ไม่ว่าจะราชวงศ์หรือศาสนจักรก็ยังต้องเกรงใจ คนที่มีอำนาจระดับนี้น่ะ ในอาณาจักรนี้มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น”
“ที่เจ้าพูดก็น่าสนใจ” อาไลน์พยายามรักษาสีหน้ากับน้ำเสียงให้สงบนิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย หากเป็นเวลาปกติที่มีเพียงควอนเจอยู่ด้วยในห้องนี้ เขาคงน้ำลายยืดกระโดดโลดเต้นเหมือนคนบ้าไปแล้ว “แต่ถ้ามันดีขนาดนั้นจริง เหตุใดนายของเจ้าถึงไม่ฉกฉวยโอกาสนี้ไว้เองล่ะ”
“อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงมังกร ตระกูลบอร์เจียเป็นตระกูลค้าขายมาหลายชั่วอายุคน จะให้จับอาวุธไปสู้กับสัตว์ร้ายระดับนี้มันก็กระไรอยู่ ที่สำคัญหมู่บ้านเชนลันด์อยู่ในเขตการปกครองของบารอนเบเลกอร์ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้าของตระกูลเทียบอนอีกด้วย การส่งคนเข้าไปในพื้นที่ของบารอนเบเลกอร์ก็เป็นไปได้ว่าจะก่อปัญหามากกว่าจะเป็นผลดี ทว่าไม่ใช่กับนายท่านอาไลน์ที่เป็นอัศวินโดยอาชีพ แน่นอนว่าอัศวินมืออาชีพย่อมเชี่ยวชาญการต่อสู้และการสั่งการกองกำลังมากกว่าพ่อค้าอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นตระกูลเกรทเทรันก็เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ต่อให้บารอนเบเลกอร์จะไม่พอใจขนาดไหนก็ย่อมต้องสงบเสงี่ยมต่อหน้านายท่านอยู่แล้วขอรับ”
“แล้วบารอนเบเลกอร์ล่ะ เขาไม่ได้คิดจะจัดการมังกรเองหรอกหรือ”
“บารอนเบเลกอร์เป็นพวกขี้ประจบ เขาคือคนที่แจ้งเรื่องมังกรกับทางศาสนจักรโดยขอรางวัลเป็นชิ้นส่วนซากหลังจากมังกรถูกสังหารลง ด้วยชิ้นส่วนของมังกรแต่ละชิ้นมีมูลค่าสูงลิ่วในท้องตลาด รวมทั้งสิทธิการขายเสบียงให้กองทหารของศาสนจักรตามหัวเมืองรอบนอกด้วย”
“หรือก็คือการที่ยุให้ข้าเข้าไปยุ่งก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองสินะ” มุมปากอาไลน์กระตุกเหมือนแยกเขี้ยวมากกว่าจะยิ้ม
“ถูกต้องแล้วขอรับ” โรชตอบ ทว่าก่อนที่สีหน้าอาไลน์จะเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างเต็มที่ เขาก็กล่าวต่อ “แต่ผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงนั้นก็คือนายท่านอาไลน์นะขอรับ ในฐานะเขยของตระกูลเทียบอน นั่นก็หมายความว่านายท่านมีอำนาจของตระกูลการค้าอย่างเทียบอนหนุนหลัง แม้ยามนี้ตระกูลเทียบอนจะมีอิทธิพลเพียงรอบนอกเมืองหลวงเท่านั้น แต่ข้าน้อยเชื่อว่านายท่านย่อมมีวิธีดึงศักยภาพมาใช้เพื่อประโยชน์ของนายท่านได้แน่ ที่สำคัญ หากนายท่านสามารถสังหารมังกรลงได้ การจะกลับไปผงาดอีกครั้งในเมืองหลวงก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย และก็ไม่ใช่แค่หัวหน้านายกองต๊อกต๋อยด้วย แต่เป็นถึงคนสำคัญของอาณาจักรอย่าง ‘นักบุญ’ เลยทีเดียว”
ไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว ควอนเจแน่ใจจากแววบ้าคลั่งที่ปกปิดไม่มิดบนใบหน้าเจ้านายตน เขาพบว่าอาไลน์ไม่แม้แต่จะฝืนทำหน้าเรียบเฉยอีก รอยยิ้มแสยะเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเผยตัวออกมา แจ่มชัดราวกลางวันก็ไม่ปาน
“ข้าเข้าใจแล้ว” อาไลน์พยักหน้า “ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด แล้วจะส่งสารไปแจ้งนายของเจ้าทันทีที่ตัดสินใจได้”
ไม่ต้องทำเป็นลีลามากนักหรอก คนเขารู้ไส้รู้พุงของแกกันหมดแล้ว ควอนเจคิด
หลังจากพ่อบ้านตระกูลเทียบอนขอตัวกลับไปเรียบร้อย อาไลน์ก็เรียกหัวหน้าหน่วยกองกำลังอารักขาทั้งหมดมาเพื่อเปิดการประชุมฉุกเฉิน ส่วนควอนเจได้รับมอบหมายงานที่เร่งด่วนยิ่งกว่า
นั่นคือการตามหาตัวนักแกะรอยมือดีที่สุดเท่าที่จะหาได้