The King of War - บทที่ 947 งานเลี้ยง
“แต่ผมสาบานกับกษัตริย์กวนได้ กวนเจิ้นไห่เกิดในตระกูลคิงกวน ก็ต้องตายเป็นวิญญาณในตระกูลคิงกวน ต่อไปไม่ว่าผมจะอยู่ในระดับไหน ผมก็ยังเป็นคนตระกูลคิงกวน”
คำพูดของกวนเจิ้นไห่ ทำให้พวกมีอำนาจในตระกูลคิงกวน ที่ปกติเอาแต่แก่งแย่งช่วงชิงเงียบๆ เพียงเพราะอำนาจ ต่างมีสีหน้ารู้สึกผิด
ออร่าบนตัวของกษัตริย์กวนค่อยๆ หายไป ตอนมองกวนเจิ้นไห่ สีหน้าราบเรียบ “นายคิดดีแล้วเหรอ”
“ตุ้บ!”
จู่ๆ กวนเจิ้นไห่คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก้มหัวตัวเองลง พูดเสียงดังว่า “หวังว่ากษัตริย์กวนจะช่วยเหลือ!”
ภาพนี้แทงลึกลงไปในใจ ของผู้แข็งแกร่งของตระกูลคิงกวนทุกคน
แค่กวนเจิ้นไห่ยินยอม ก็สามารถเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ได้ ถึงจะยังไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งที่แท้จริงเพียงชั่วคราว
แต่เขาเป็นผู้แข็งแกร่ง ที่อยู่ในแดนเทพขั้นต้นแล้ว กำลังจะไปถึงแดนเทพขั้นกลาง กษัตริย์กวนบอกแล้ว รอวันที่เขาถึงแดนเทพขั้นกลาง กวนเจิ้นไห่ก็จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ที่แท้จริง
จากพรสวรรค์วิถีบู๊ของกวนเจิ้นไห่ เชื่อว่าวันนั้นคงอีกไม่ไกล
นี่เท่ากับขาของกวนเจิ้นไห่ เหยียบไปที่บันไดขั้นบนสุดของตำแหน่งกษัตริย์ครึ่งก้าวแล้ว
แต่เมื่อเจอกับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขากลับปฏิเสธ
ดวงตาทั้งสองข้างของหยางเฉินฉายแววแปลกใจ ถึงกวนเจิ้นไห่ถึงวัยกลางคนแล้ว แต่พรสวรรค์วิถีบู๊กลับแข็งแกร่งมาก
อนาคตจะก้าวไปถึงแดนเทพ ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง
สิ่งสำคัญก็คือ กวนเจิ้นไห่มุ่งมั่นเพื่อบู๊ เส้นทางวิถีบู๊ ถ้ามีคนยึดมั่นวิถีบู๊เช่นนี้ ถึงจะไปถึงระดับที่สูงยิ่งกว่านี้
อู่หนิงมีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ท่าทีของกวนเจิ้นไห่ เหนือความคาดหมายของเขา
คนแบบนี้ ถึงอยู่ในตระกูลอู่หวง ก็ต้องอยู่ในตำแหน่งสำคัญแน่นอน
แม้เป็นเขา ก็ไม่ได้มีจิตใจที่มุ่งไปทางวิถีบู๊อย่างแน่วแน่ เฉกเช่นกวนเจิ้นไห่
จู่ๆ เขามีลางสังหรณ์ขึ้นมา ตระกูลคิงกวนในอนาคต ต้องเข้าไปอยู่ในราชวงศ์อีกครั้ง เพราะกวนเจิ้นไห่
“ได้!”
กษัตริย์กวนมองกวนเจิ้นไห่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดเสียงดัง “ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ชายของตระกูลคิงกวน มีความทะเยอทะยาน!”
“แต่ฉันก็รับรองกับนาย ถ้าฉันไม่ตาย ตระกูลคิงกวนยังไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดปรากฏออกมา ตำแหน่งผู้สืบทอดกษัตริย์ ยังเก็บไว้ให้นายเสมอ”
“นายกลับมาได้ทุกเมื่อ คำพูดที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ มีผลเสมอ แค่นายยินยอม รอเวลาที่นายก้าวสู่แดนราชาขั้นกลาง นายจะกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์”
“เมื่อนายก้าวสู่แดนราชาขั้นปลาย จะมอบตำแหน่งกษัตริย์ให้นาย ฉันจะถอยไปอยู่เบื้องหลัง คอยคุ้มครองนาย!”
กษัตริย์กวนในตอนนี้ ทรงพลานุภาพเป็นอย่างมาก
และสิ่งที่เขาพูด ปลุกใจได้เป็นอย่างมาก ทุกคนในตระกูลคิงกวน ต่างรู้สึกว่ามีไฟลุกขึ้นในใจ
นานหลายปีแล้ว ที่ไม่ได้รู้สึกเหมือนวันนี้
กวนเจิ้นไห่สีหน้าซาบซึ้ง “ครับกษัตริย์กวน!”
“ฮ่าๆ!”
จู่ๆ กษัตริย์กวนหัวเราะอย่างเบิกบานใจ จากนั้นจึงกวักมือ “จัดงานเลี้ยงส่งกวนเจิ้นไห่!”
“ครับ!”
ขณะนี้ คนในตระกูลคิงกวน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้มีอำนาจตระกูลคิง ที่เดิมยืนอยู่คนละข้างกับกษัตริย์กวน ตอนนี้มีเพียงใจที่เลื่อมใสกษัตริย์กวน
“ไม่ทราบว่าหัวหน้ารองกับคุณหยาง ยอมไปด้วยหรือเปล่า”
จู่ๆ กษัตริย์กวนมองหยางเฉินกับอู่หนิง หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
อู่หนิงอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่สนหน้าของตระกูลคิงกวน ยืนข้างหยางเฉิน ตอนนี้กษัตริย์กวนกลับเป็นฝ่ายพูดเชิญ
หยางเฉินก็ตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงจริงๆ เขามาก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในตระกูลคิงกวน กษัตริย์กวนยังยอมเชิญเข้าไป
อู่หนิงหันไปมองหยางเฉินทันที เขาทุ่มเทเลือกหยางเฉิน เพราะชอบศักยภาพในตัวหยางเฉิน และปูมหลังที่ยังไม่รู้ของหยางเฉิน
หยางเฉินไม่ตอบ แล้วเขาจะกล้าตอบรับได้ยังไง
“ในเมื่อกษัตริย์กวนเชิญ มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไป”
หลังเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หยางเฉินยิ้มอย่างเบิกบานใจ และเอ่ยขึ้น
“ฮ่าๆ ดี! เชิญด้านใน!”
กษัตริย์กวนหัวเราะเสียงดัง
ในห้องโถงงานเลี้ยงสไตล์โบราณ ที่ตระกูลคิงกวน ส่วนหน้าบนพื้นยกสูง มีโต๊ะแปดเซียน ที่ทำใจไม้จันทน์แดงและไม้พะยูงหอมอย่างดีวางอยู่
กษัตริย์กวนนั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ หยางเฉินกับอู่หนิงนั่งอยู่ด้านซ้ายและขวา
หน้าโต๊ะแปดเซียน มีเพียงพวกเขาสามคนนั่งอยู่
ผู้หญิงแต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณ ยืนรินชาอยู่ข้างๆ
ส่วนด้านล่างโต๊ะแปดเซียน เป็นคนอื่นๆ ในตระกูลคิงกวน
แม้เป็นผู้อาวุโสทั้งสี่ของตระกูลคิงกวน ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวแรก ด้านล่างโต๊ะแปดเซียน
เห็นได้ชัดว่า กษัตริย์กวนใช้ธรรมเนียมสูงสุดในตระกูลคิงกวน ต้อนรับหยางเฉินกับอู่หนิง
“ถ้าไม่เจอคุณหยาง ฉันคงไม่รู้จริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีคนหนุ่มมากความสามารถแบบคุณหยาง”
กษัตริย์กวนชื่นชมหยางเฉินอย่างเปิดเผย เขายิ้มและเอ่ยขึ้น
อู่หนิงก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “แม้เป็นตระกูลอู่หวง อย่าว่าแต่พวกคนหนุ่มสาวเลย ขนาดรุ่นฉัน ก็ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นคุณหยาง”
“คุณหยางเป็นคนมีความสามารถวิถีบู๊จริงๆ ถึงเป็นตระกูลบู๊โบราณ ก็คงไม่มีคนมีความสามารถแบบคุณหยาง”
กษัตริย์กวนยิ้มแบบไม่แสดงท่าที จากนั้นจึงพยักหน้า “ใช่ คนมีความสามารถของตระกูลบู๊โบราณ ก็ไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของคุณหยาง”
หยางเฉินส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ผู้อาวุโสทั้งสอง อย่าชมผมเลย ขืนชมอีก ผมคงนั่งไม่ติดแล้ว”
“ฮ่าๆ……”
กษัตริย์กวนกับอู่หนิงมองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมา
“มา ดื่มชา!”
กษัตริย์กวนเป็นฝ่ายยกแก้วเชิญ หยางเฉินกับอู่หนิงก็ยกจอกชาขึ้นมา
ชาอุ่นๆ ไหลผ่านลำคอลงไปในกระเพาะ หยางเฉินรู้สึกอุ่นไปทั้งตัว ในโพรงปากเต็มไปด้วยกลิ่นสดชื่นของชา
“ชาดี!”
อู่หนิงจิบชา สีหน้าเต็มไปด้วยความดื่มด่ำ
กษัตริย์กวนยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นชาต้าหงเผาจากต้นแม่ภูเขาอู๋อี๋ ที่ฉันเก็บรักษามาหลายปี ปกติเสียดายไม่ดื่ม วันนี้เพราะมีความสุข จึงเอามาดื่มกับพวกคุณ”
“พูดแบบนี้ เป็นลาภปากของผมกับคุณหยางจริงๆ ครับ”
อู่หนิงยิ้มและเอ่ยขึ้น
คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนที่รู้ใจกันมาหลายปี
คนตระกูลคิงกวน มองสองสามคนที่โต๊ะแปดเซียน ด้วยสีหน้าปลงๆ
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หยางเฉินยังก่อเรื่องอย่างไม่เกรงกลัวตระกูลคิงกวน ตอนนี้เขากลับนั่งดื่มชาดี โต๊ะเดียวกับกษัตริย์กวน
กษัตริย์กวนฉลาดมาก ไม่ได้สืบเบื้องลึกของหยางเฉิน และไม่ได้พูดเรื่องก่อนหน้านี้ ราวกับทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว
เพราะนี่เป็นงานเลี้ยงส่งกวนเจิ้นไห่ แน่นอนว่ากษัตริย์กวน เห็นการบอกลากวนเจิ้นไห่เป็นสำคัญ
กวนเจิ้นไห่ก็ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ดื่มเหล้าหลายต่อหลายรอบ แสดงออกมาไม่หยุดว่าตัวเป็นคนของตระกูลคิงกวนตลอดไป
หลังจากงานเลี้ยง หยางเฉินลุกขึ้นพูดว่า “ขอบคุณอาหารรสเลิศของกษัตริย์กวน ผมควรกลับแล้ว”
อู่หนิงก็ลุกขึ้นเช่นกัน “ผมก็จากตระกูลอู่หวงมาพักหนึ่งแล้ว ควรกลับไปรายงานให้จักรพรรดิแล้วเช่นกัน”
“ได้ ในเมื่อทั้งสองท่านต่างมีธุระ งั้นฉันไม่ยื้อไว้แล้ว ขอลาทั้งสองท่าน!”
กษัตริย์กวนพาคนตระกูลคิงกวน มาส่งหยางเฉินกับอู่หนิงที่ประตูใหญ่ด้วยตัวเอง
ก่อนจาก กษัตริย์กวนมองกวนเย่ว แล้วพูดว่า “ต่อไปเธอต้องปฏิบัติกับอาจารย์เธอเป็นอย่างดี ตระกูลคิงกวน เป็นบ้านของเธอเสมอ เธออยากกลับมาตอนไหน ตระกูลคิงกวนยินดีต้อนรับ”
กวนเย่วพยักหน้า “ขอบคุณค่ะกษัตริย์กวน!”
“หัวหน้ารอง ฝากทักทายจักรพรรดิด้วย!” กษัตริย์กวนมองอู่หนิงแล้วเอ่ยขึ้น