The King of War - ตอนที่ 677 มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตอนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน โม่ตงซวี่มักจะคอยเลียบเคียงพูดคุย คอยจะถามถึงฐานะของหล่อนในตระกูลซ่ง อีกยังคอยจะหาทางหลอกให้ไปขึ้นเตียงกับเขา
ยังโชคดีอยู่ว่า ซ่งหวาหย่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีความสัมพันธ์เลยเถิดอะไรกับโม่ตงซวี่
“เสียวหย่า ระวัง!”
เฉินซิงหรูเบิกตากว้าง ได้แต่เพียงตะโกนเตือนไป
ทว่า การส่งเสียงเตือนไปนั้นช้าไปแล้ว หล่อนได้แต่มองตาโต มีดสั้นในมือโม่ตงซวี่ กำลังแทงเข้าไปที่บริเวณหน้าอกของซ่งหวาหย่า
ซ่งหวาหย่าหลับตาทั้งคู่ น้ำตาสองสาย เยิ้มไหลออกจากมุมหางตา
“ปัง!”
ในช่วงเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด โม่ตงซวี่เหมือนว่าวขาดหลุดจากสายป่าน กระเด็นลอยออกไปกว่าสิบเมตร
ตรงแน่วจากห้องเหมาพิเศษ ลอยลิ่วออกไปที่ระเบียงทางเดิน ร่างกระแทกอย่างแรงกับผนังโถงทางเดิน แล้วร่วงลงกับพื้น
โม่ตงซวี่ถึงกับกระอักเลือดออกมา ร่วงกองกับพื้น แน่นิ่งไป
หยางเฉินนั่นเองที่ลงมือ
ขณะนั้นเอง ทุกคนในบริเวณ ต่างมองไปที่หยางเฉินอย่างเอื่อยเฉื่อย
เมี่อครู่นี้ ทุกคนก็เห็นอยู่ชัด ๆ แล้ว มีดสั้นของโม่ตงซวี่ได้แทงเข้าไปในตัวของซ่งหวาหย่าแล้ว แต่กลับกลายว่าเห็นเป็นฉากที่ยากจะลืมเลือนได้เลยในชีวิตนี้
หยางเฉินเหมือนผีพรายที่โผล่เข้ามาขวางอยู่หน้าซ่งหวาหย่า เตะใส่โม่ตงซวี่กระเด็นลอยออกไป
เพียงเตะทีเดียวก็พาร่างที่มีน้ำหนักร้อยห้า-หกสิบชั่งกระเด็นไปสิบกว่าเมตร นี่ประมาณว่าถูกรถเก๋งขนาดย่อม ๆ ชนเอาก็คงปานนี้มั้ง?
ซุนซวี่แม้ว่าเคยเห็นพลังที่น่ากลัวของหยางเฉินมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังทำเอาอกสั่นขวัญกระเจิง นัยน์ตาเคลือบเต็มด้วยความหวาดกลัว
ส่วนคนอื่น ๆ นอกนั้น ต่างหวาดผวาจนงงตรึงอยู่กับที่
นานเป็นพักใหญ่ ซ่งหวาหย่ายังไม่รู้สึกมีเกิดปฏิกิริยาใด ๆ จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ที่เห็นคือแต่ละคนตรงหน้ายืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่กับที่เดิม ยืนเซ่อมองหยางเฉินที่ยืนขวางอยู่หน้าหล่อน
มองไปอีกที ตรงทางเดินนอกประตูห้องเหมาพิเศษ โม่ตงซวี่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น หล่อนจึงเข้าใจขึ้นได้ว่า เมื่อครู่นี้หยางเฉินช่วยหล่อนให้รอดมา
“พี่หยาง ฉันยังไม่ตาย!”
ซ่งหวาหย่ามีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พูดเสียงสะอื้น “ฉันคิดว่า ฉันต้องตายแน่ ชาตินี้คงไม่ได้พบพี่หยางได้อีก!ไม่คิดเลยว่าจะไม่ตาย! ”
เห็นน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาด้วยความตื้นตันของซ่งหวาหย่า หยางเฉินให้รู้สึกอาทรใจกับหญิงคนนี้ขึ้นมาในทันทีนั้น
“วางใจเถอะ มีผมอยู่ จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้!”
หยางเฉินพูดอย่างหนักแน่น
ก่อนหน้านี้พวกเพื่อนนักเรียนเก่าที่มองซ่งหวาหย่าอย่างเหยียดแคลน ตอนนี้กลับกลายเป็นความรู้สึกอิจฉา
มีคนที่เก่งกาจขนาดนี้อย่างหยางเฉินเป็นพี่ชาย แบบนี้เดินในเมืองเยี่ยนตูอย่างคับซอยได้เลย
ว่ากันที่สุดแล้วแม้กระทั่งผู้นำตระกูลซุนที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ก็คงได้แต่คุกเข่าขอคารวะ
“ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าโม่ตงซวี่คนนี้ เข้าใจที่ผมพูดไหม?”
หยางเฉินพูดปลอบใจซ่งหวาหย่าแล้ว พลันหันไปพูดกับซุนซวี่
ได้ยินดังนั้น ซุนซวี่เข้าใจได้ในทันที รีบตอบไปว่า “คุณหยางโปรดวางใจ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นที่เรียบร้อย!”
หยางเฉินก็ไม่ได้ใส่ใจ มุ่งพาเอาซ่งหวาหย่าออกจากร้านอาหารแซ่เฉินไป
ส่วนกลุ่มเพื่อนนักเรียนของซ่งหวาหย่า เขาก็คงไม่เห็นจำเป็นต้องไปขู่ว่าอะไรกันแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวจะพาฉี่แตกกัน
รอจนหยางเฉินพาซ่งหวาหย่าจากไปแล้ว คนที่อยู่ในห้องเหมาพิเศษจึงได้พากันโล่งใจ
“คุณหยาง คงจะปล่อยไม่เอาเรื่องพวกเราแล้วนะ?”
นานอยู่พักใหญ่ หยางซงจึงได้โพล่งถามออกมาอย่างระมัดระวัง
“คงใช่มั้ง!” หวางหวนพูดด้วยสีหน้าที่สับสน
“คนระดับสูงส่งขนาดนั้น ในสายตาของเขา พวกเรานี่ให้แค่มดปลวก น่ากลัวจะยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ” ซางเสี่ยวเซียพูดด้วยสีหน้าคล้ำหมอง
ความรู้สึกประทับใจแสดงออกบนสีหน้าของเฉินซิงหรู นัยน์ตาส่องแววประกาย หล่อนรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เข้ากับพวกโม่ตงซวี่ที่มุ่งเป็นปฏิปักษ์กับหยางเฉิน
“เหตุการณ์ในวันนี้ ไม่ว่าใครจะต้องไม่เผยให้ใครรู้ มิฉะนั้นก็อย่าโทษว่าข้าซุนซวี่ที่จะไปล้างโคตรพวกแกด้วยตัวเอง”
ซุนซวี่ใช้สายตากวาดมองไปที่ทุกคน พลันพูดไปด้วยเสียงหนาวเยือก
ได้ยินกันดังนั้น พวกหยางซงให้หนาวสั่นไปกันทั้งตัว ต่างรีบผงกหัวพยักหน้ารับปาก “ท่านผู้นำตระกูลซุนโปรดวางใจ พวกเราจะไม่ปริปากกันแม้แต่นิดเดียว!”
“เอาละ ไสหัวไปกันให้หมดได้ละ!”ซุนซวี่โบกมือตะคอกไล่
กลุ่มเพื่อนนักเรียนของซ่งหวาหย่าต่างรีบจากกันไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านใช่ผู้นำตระกูลเฉิน คุณเฉินเห้านะครับ?
ซุนซวี่ก็ได้เดินยิ้มเข้าไปหาเฉินเห้าในขณะนั้น ถามไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เฉินเห้าให้รู้สึกตื่นใจที่ถูกทักทายเล็กน้อย รีบทักตอบไป “สวัสดีครับท่านผู้นำตระกูลซุน ผมเองครับเฉินเห้า ต่อไปต้องขอพึ่งบารมีท่านผู้นำตระกูลซุนด้วยนะครับ
“ฮ่า ฮ่า ท่านผู้นำตระกูลเฉินให้เกียรติเกินไปแล้ว ผมเสียอีก ต่อไปต้องอาศัยท่านผู้นำตระกูลเฉิน ขอท่านผู้นำเฉินได้กรุณารับให้ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยจึงจะถูก!”
ซุนซวี่หัวเราะลั่นแล้วพูด พลันหันไปมองที่เฉินอิงเหาพูดว่า “ท่านผู้นี้คงเป็นคุณชายของท่านผู้นำตระกูลเฉินสินะ?”
“สวัสดีครับท่านผู้นำตระกูลซุน ผมชื่อเฉินอิงเหาครับ!”เฉินอิงเหาพูดยิ้ม ๆ
“ยอดเยี่ยม บุคลิกไม่ธรรมดาเลย คนทรงคุณค่าจริง!”ซุนซวี่เอ่ยปากชม
อยู่ต่อหน้าพ่อลูกตระกูลเฉิน เขาไม่กล้าทำลีลาชาเฉื่อย ถึงยังไง ความสัมพันธ์ของพ่อลูกตระกูลเฉินนี้กับหยางเฉิน ใกล้ชิดสนิทกว่าตัวเขากับหยางเฉินอยู่ไม่น้อย
กำลังจริงของตระกูลไช่ เดิมก็แค่รองจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ตอนนี้ตระกูลเฉินเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ และยังมีหยางเฉินหนุนอยู่เบื้องหลัง ถ้าหากหยางเฉินเอาด้วย ตระกูลเฉินตอนนี้ ก็จะก้าวขึ้นสยบเหนือแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเสียอีก
“ท่านผู้นำตระกูลเฉิน ผมยังมีภารกิจต้องจัดการ วันหลังให้ผมได้มีโอกาสเชิญคุณไปทานอาหารด้วยนะครับ” ซุนซวี่พูดขึ้นทันทีนั้น
“จะอย่างนั้นได้ยังไง?ให้วันไหนต้องผมเป็นเจ้ามือเอง จะขอเลี้ยงรับรองท่านผู้นำตระกูลซุนอย่างสูงเกียรติ” เฉินเห้ารีบชิงพูด
“ฮา ๆ ดีครับ ผมจะเฝ้ารอรับการเลี้ยงรับรองจากท่านผู้นำเฉิน!”
ซุนเห้าเดินจากไปกับเสียงหัวเราะ
หลังจากเดินออกมาจากห้องจองพิเศษแล้ว เขาใช้สีหน้าที่เย็นชามองไปยังโม่ตงซวี่ที่นอนกองอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ออกคำสั่งไปว่า “จัดการกับไอ้บัดซบนี่ เอาไปฝังที่ป่าช้าศพไร้ญาติ!”
“ครับผม!”
สองบุรุษล่ำสันพันธ์ใหญ่ รีบถลันเข้ามา ยกแบกร่างโม่ตงซวี่ออกไป
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินกับซ่งหวาหย่าที่ออกไปแล้ว
ระหว่างทาง ซ่งหวาหย่าดูช่างคุยมากขึ้น จิตใจก็ดูดีขึ้นมาก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ หวาดเสียวแต่ปลอดภัย
ที่น่าดีใจที่สุดสำหรับหล่อนก็คือ หล่อนได้เห็นทะลุถึงกมลสันดานของโม่ตงซวี่คนนี้ เดิมทีหล่อนเหมือนมีภาระทางจิตใจมาตลอด แต่ถึงตอนนี้ ต้องว่าหลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนรู้สึกปลอดโปร่งอย่างที่สุด
โล่งสบายไปทั้งกายใจ ไม่มีอะไรต้องเป็นภาระในจิตสำนึก
“พี่หยาง ต้องขอบคุณพี่มาก ๆ จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ น่ากลัวชาตินี้ทั้งชาติ ฉันก็คงจะไม่รู้เลยว่า ไปมายังไงถึงได้ไปรักไอ้ผู้ชายกากเดนบัดซบนี้มาได้!อีกทั้งยังเคยเศร้าเสียใจไปกับมันตั้งหลายปี”
จนหยางเฉินได้ส่งซ่งหวาหย่ามาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลซ่ง ซ่งหวาหย่าพูดด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความขอบคุณ
หยางเฉินยิ้มน้อย ๆ “ในเมื่อปมในหัวใจแก้ออกหมดแล้ว ทีนี้ต่อไป ก็ขยันช่วยพี่เปิดตลาดต่างประเทศให้ดีนะ!”
“พี่หยางวางใจได้ ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเด็ดขาด!”ซ่งหวาหย่าพูดอย่างจริงจัง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปเถอะ!”
หยางเฉินพูด แล้วก็รอดูจนซ่งหวาหย่าเดินเข้าไปในชุมชน เขาจึงได้กลับขึ้นรถจากไป
กลับเข้าถึงบ้านก็ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ร้านอาหารแซ่เฉิน โทรศัพท์มือถือมีสั่นเตือนติดต่อกันตลอด แต่ก็ไม่ได้มีเสียงเตือนฝากข้อความ ตอนนี้มาดู จึงได้เห็นมีข้อความฝากอยู่สิบกว่าข้อความ
“เป็นข้อความฝากจากเสี่ยวซี”
หยังเฉินหัวเราะแล้วพูด แต่พอเขาเปิดข้อความออกมาดู เห็นข้อความของเรื่องแล้ว กระโดดผลุงยืนขึ้นจากโซฟา สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง “นี่ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?”