The King of War - ตอนที่ 477 เพลิดเพลินดี
หยางเฉินเห็นสีหน้าย่ำแย่ของหวงเทียนเชิง เขาพูดกับหม่าชาวว่า “ผมมีเรื่องจะคุยกับเจ้าบ้านหวง พวกคุณไปก่อนเถอะ!”
หม่าชาวดูเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่างจึงรีบพยักหน้า
บนโลกนี้ เขายังไม่เคยเห็นใครที่สามารถคุกคามคนอย่างหยางเฉินได้เลย
ลำพังตระกูลหวง ไม่มีคุณสมบัติที่จะคุกคามชีวิตของหยางเฉินได้จริงๆ หม่าชาวไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องหยางเฉินเลย
“เจ้าบ้านหวง เรามาคุยกันหน่อยไหม?”
หลังจากหม่าชาวจับมือกับอ้ายหลินแล้วกลับไป หยางเฉินก็หันไปพูดกับหวงเทียนเชิงด้วยรอยยิ้ม
หวงเทียนเชิงทำเสียงฮึดฮัด “คุณคิดว่า ระหว่างเรามีเรื่องต้องคุยกันด้วยเหรอ?”
“แน่นอนครับ!”
หยางเฉินหัวเราะเบาๆ “ตระกูลหวงในฐานะแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดในเมืองเยี่ยนตู จะไม่มีอะไรให้พูดคุยได้ยังไง?”
หวงเทียนเชิงกัดฟันด้วยความเกลียดชังท่าทีไม่ยี่หระของหยางเฉิน แต่เขาก็รู้ดีว่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะประนีประนอม แม้ว่าจะไม่พอใจหยางเฉินแค่ไหน เขาก็ต้องอดทนกับมัน
“คุณมากับผมหน่อย!”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หวงเทียนเชิงก็เอ่ยปากพูดขึ้น
เขาเดินตามหวงเทียนเชิงไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงคฤหาสน์หลังที่อยู่ด้านในสุด
“นี่คือ ชีวิต ภาพวาดของปิกัสโซ่”
“นี่เป็นผลงานของชูอัน มีโร ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพแห่งศตวรรษที่ 20 หนึ่งในอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ด้านการวาดภาพแนวคิดเหนือจริง”
“ยังมีภาพนี้อีกภาพหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพวาดของปอล เซซาน!”
“นึกไม่ถึงเลยว่า ภาพวาดมากมายขนาดนี้จะอยู่ในมือคุณทั้งหมด เจ้าบ้านหวงสุดยอดจริงๆ!”
หลังจากหยางเฉินเข้ามาในคฤหาสน์ สองตาก็มองไปรอบๆ โดยเฉพาะภาพวาดของปรมาจารย์ด้านการวาดภาพที่อยู่บนผนังทั้งสี่ด้าน ยิ่งทำให้หยางเฉินอดชื่นชมไม่ได้
หวงเทียนเชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ผลงานเหล่านี้ที่เขาเก็บสะสม ในม้วนภาพวาดไม่มีคำอธิบายประกอบใดๆ แต่หยางเฉินกลับสามารถบอกชื่อภาพวาดและจิตรกรเจ้าของผลงานเหล่านี้ได้อย่างเต็มปาก
มันทำให้เขาสนใจในตัวหยางเฉินมากขึ้น ชายหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบ มีศักยภาพแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ยังมีสติปัญญาอันล้ำเลิศ มีความรู้เรื่องการวาดภาพ
แค่มองก็แยกแยะภาพวาดจำนวนมากได้ ถ้าไม่ใช่เพราะได้ศึกษามาโดยเฉพาะ คงไม่รู้แน่
“นี่คือแผ่นไม้ไผ่หยุนเหมิงของราชวงศ์ฉิน”
“นี่คือถ้วยเคลือบขนกระต่ายดำสมัยราชวงศ์ซ่ง”
“ยังมีอีกชิ้นหนึ่ง มันคือพอร์ซเลนสีฟ้าและสีขาวของจิงเต๋อเจิ้นสมัยราชวงศ์หยวน”
หยางเฉินเดินๆ หยุดๆ ทุกครั้งที่อยู่หน้าภาพวาดพู่กันโบราณ ก็อดถอนหายใจไม่ได้
อย่างไรก็ตามเพราะสายตาอันล้ำเลิศของเขา ที่ทำให้หวงเทียนเชิงตะลึงงัน
เขานึกภาพชายหนุ่มที่มีทั้งกำลังต่อสู้และความรู้ในตัวคนคนเดียวไม่ออกจริงๆ
คนแบบนี้ถ้าอยู่ในสมัยโบราณต้องเป็นแม่ทัพที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊สินะ?
เขารู้ได้อย่างไรว่า หยางเฉินไม่ได้แย่ไปกว่าแม่ทัพสมัยโบราณในใจของเขา ตรงกันข้ามกลับแย่กว่านั้นอีก
จอมพลผู้รักษาดินแดน ทั้งสถานะและตำแหน่งล้วนเป็นบุคคลสำคัญวัยเดียวกันของประเทศพันธมิตร
“คุณหยางสายตาดีมาก! นึกไม่ถึงเลยว่าของเก่าที่ผมเก็บสะสมมา คุณหยางจะรู้จักทั้งหมดเลย ข้าน้อยเลื่อมใส!”
หวงเทียนเชิงพูดชื่นชมอย่างใจกว้าง
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มประนีประนอมกับหยางเฉิน ในใจก็ต้องการผูกมิตรกับหยางเฉิน
เพียงแต่ว่า ลูกชายถูกทำให้หวาดกลัว พ่อบ้านเกาสงที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันพี่น้องกับเขาก็ถูกฆ่าตาย มันทำให้เขาเกลียดชังหยางเฉินมาก
ถ้าเป็นไปได้ เขาสามารถฆ่าหยางเฉินได้โดยไม่ลังเล
กับคำชื่นชมของหวงเทียนเชิง หยางเฉินเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ เขาเดินดูไปรอบๆ เหมือนได้เข้ามาในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง
ส่วนหวงเทียนเชิงคอยเดินตามหลังหยางเฉินอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ในใจกลับรู้สึกค่อนข้างกระวนกระวาย
หยางเฉินบอกว่าอยากคุยกับเขา แต่ในเวลานี้ดูเหมือนกำลังตื่นตะลึงกับประสบการณ์ใหม่และสิ่งแวดล้อมที่หรูหรา ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินระบุภาพวาดโบราณที่เขาสะสมไว้มากมายได้รวดเดียว เขาต้องคิดว่าหยางเฉินเป็นคนปัญญาอ่อนแน่
“คุณหยาง คุณบอกว่าอยากคุยกับผม ไม่ทราบว่าจะคุยเรื่องอะไรครับ?”
หวงเทียนเชิงเป็นคนขี้หงุดหงิด ในสถานการณ์ทั่วไป คนขี้หงุดหงิดมักมีนิสัยจะใจร้อน
แต่หยางเฉินมาพบเขากลับไม่พูดอะไร ทำให้เขารู้สึกร้อนใจมาก
พอเห็นหวงเทียนเชิงกลั้นโมโหไม่อยู่แล้ว หยางเฉินจึงหยุดดู ยิ้มเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนโซฟาไม้แท้ราคาแพงอย่างสบายใจ
“เจ้าบ้านหวง ระหว่างเราไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน ถ้าจะให้เริ่มพูดจริงๆ ก็คือคนของตระกูลหวงของคุณนั่นแหละที่มายั่วยุตลอดเวลา ผมพูดถูกไหม?”
จู่ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น
หวงเทียนเชิงดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยังพยายามข่มความโกรธไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ!”
“ถ้าจะให้พูดเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเราโดยละเอียดจริงๆ ล่ะก็ สามารถเริ่มได้จากสามเรื่อง”
หยางเฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “เรื่องแรก หวงจงพยายามใช้กำลังเข้ายึดเมืองที่ผมอาศัยอยู่ แต่สุดท้ายก็ถูกผมทำให้ขายหน้าในที่สาธารณะ ตระกูลหวงเข้าใจว่าผมดูถูกตระกูลหวง”
“เรื่องที่สอง หวงเจิ้ง ลูกชายของคุณ เขาคิดว่าเมื่อพาปรมาจารย์ระดับสุดยอดของตระกูลไปด้วย จะสามารถทำอะไรกับผมก็ได้ แต่น่าเสียดาย เมื่อเผชิญหน้ากับผม เขาไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับถูกผมขู่ กลัวจนเสียสติไปเลย”
“เรื่องที่สาม คือเพื่อนสนิทที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันพี่น้องกับคุณ และเป็นเพราะเขา ถึงได้สร้างพ่อบ้านของคุณในวันนี้ขึ้นมา เกาสง!”
หยางเฉินพูดจบ สีหน้าของหวงเทียนเชิงก็ขรึมลงอย่างสุดขีด ในสายตายังมีเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง
“ความอับอายขายหน้าที่คุณมีต่อหวงจงกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผม มิฉะนั้น ผมจะหาข้ออ้างเพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่งทายาทได้ยังไง?”
“แต่ว่า คุณข่มขู่ลูกชายของผม ทำให้เขากลายเป็นคนเสียสติ และคุณยังฆ่าเกาสง เพื่อนสนิทของผม คุณมีราคาที่ต้องจ่ายสำหรับสองเรื่องนี้!”
หวงเทียนเชิงกัดฟันพูด
แม้ว่าจะกลัวหยางเฉิน แต่กลับไม่ได้ปกปิดเจตนาฆ่าที่ตนเองมีต่อหยางเฉินเลย
หยางเฉินพูดติดตลก “ไม่ทราบว่า เจ้าบ้านหวงจะฆ่าผมยังไง?”
หวงเทียนเชิงพูดอย่างเย็นชา “วันหนึ่ง ผมจะฆ่าคุณตัวมือตัวเอง เพื่อล้างแค้นให้พวกเขา!”
เมื่อหวงเทียนเชิงพูดออกมาเช่นนี้ หยางเฉินกลับรู้สึกชื่นชม
อย่างน้อย เขาก็เป็นคนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพ
“ถ้าผมบอกว่า ผมยินดีให้อ้ายหลินออกมือช่วยรักษาลูกชายของคุณและเกาสงยังไม่ตาย คุณจะยังเกลียดผมแบบนี้ไหม?
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามติดตลกขึ้นมา
“พูดจริงเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวงเทียนเชิงก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันที แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ เกาสงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เหรอ?”
พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของหวงเทียนเชิง หยางเฉินก็รู้สึกพอใจมาก
ตอนที่เขาวางแผนมาที่เมืองเยี่ยนตูก่อนหน้านี้ เขาได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าหวงเทียนเชิงเป็นคนอย่างไร ดังนั้นจึงปล่อยตัวหวงเจิ้งไป และกักบริเวณเกาสงไว้ที่ตระกูลกวน
รวมถึงการจงใจปล่อยข่าวว่าเกาสงเสียชีวิตในต่างแดน ก็เพียงเพื่อต้องการทดสอบหวงเทียนเชิง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าการแสดงออกของหวงเทียนเชิง จะทำให้หยางเฉินพอใจมาก
คนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพ มีฐานะเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แล้วยังควบตำแหน่งเจ้าบ้านอีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
คนประเภทนี้ เป็นคนที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเช่นกัน
“เขายังมีชีวิตอยู่!”
หยางเฉินพยักหน้า ยืนยันในคำตอบนี้
“ฮ่าฮ่า!”
หวงเทียนเชิงร้องไห้ด้วยความดีใจทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ดีจังเลย เกาสงยังมีชีวิตอยู่ เขายังมีชีวิตอยู่!”
ไม่นาน หวงเทียนเชิงก็สงบสติอารมณ์ลง เขามองดูหยางเฉินด้วยสีหน้าระแวดระวังแล้วพูดว่า “คุณคงไม่มอบตัวเกาสงให้ง่ายๆ และจะไม่ปล่อยให้อ้ายหลินช่วยรักษาหวงเจิ้งลูกชายของผมใช่ไหม?”