The King of War - บทที่ 2201 ฟ้าจะถล่ม
The king of War บทที่ 2201 ฟ้าจะถล่ม
ขณะเดียว ในถ้ำบำเพ็ญเพียรของประมุขโลกของโลกบู๊โบราณกลาง
หยางเฉินซึ่งอยู่ในวังวนของชี่ทิพย์และร่างกายของเขาก็ดูดซับชี่ทิพย์อย่างบ้าคลั่ง
ลมปราณในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายจะแตกสลายที่มาจากจุดตันเถียน
ความเจ็บปวดแบบนั้นทำให้เขาทนไม่ไหวจริงๆ ราวกับว่ามันกำลังจะฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้นเสียงของประมุขโลกก็ดังขึ้น
“ในช่วงการกลั่นชี่ทิพย์ เป็นการดูดซับชี่ทิพย์ของสวรรค์และโลก และเก็บพลังงานในรูปของก๊าซไว้ในจุดตันเถียน”
“ในขั้นตอนการสร้างพื้นฐาน พลังงานก๊าซในจุดตันเถียนจะถูกแปลงเป็นพลังงานเหลวและเก็บไว้ในตันเถียน”
“สำหรับรวมยานั้น เป็นการดูดซับชี่ทิพย์ของสวรรค์และโลกไปอีกขั้น เพื่อให้พลังของเหลวในจุดตันเถียนรวมกันกลายเป็นยาทอง”
ประมุขโลกจ้องหยางเฉินตาเขม็งแล้วพูดต่อ: “ก่อนหน้านี้นายเพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างพื้นฐาน ดังนั้นความรู้สึกที่พลังงานก๊าซแปลงเป็นเหลวจึงไม่ค่อยชัดมากนัก แต่ตอนนี้เมื่อความแข็งแกร่งของนายพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกนั้นจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ”
“และตอนนี้นายจะต้องทนกับความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุดอย่างหนึ่ง ความเจ็บปวดนี้เกิดจากการเปลี่ยนพลังงานของเหลวเป็นยาสีทอง แค่เจ้าสามารถอดทนผ่านไปได้นายก็จะสามารถเข้าสู่ระยะรวมยา”
“สำหรับผู้แข็งแกร่งทั่วไป จากขั้นตอนพื้นฐานไปสู่ระยะรวมยา
จะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองวันและอย่างมากที่สุดสามถึงห้าวัน ยิ่งประสบนานเท่าใดหมายความว่าหลังจากระยะรวมยานักบูโดก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”
“เท่าที่ฉันรู้ จากขั้นสร้างพื้นฐานจนถึงระยะรวมยาหากใช้บรรลุถึงห้าวัน ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะของพรรคบำเพ็ญเซียนแล้ว และถ้าบรรลุถึงเจ็ดวันก็เป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ ส่วนเกินเจ็ดวันไปนั้นฉันยังไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หลังจากได้ยินคำพูดของประมุขโลกหยางเฉินก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาคิดว่าเขาจะสามารถก้าวหน้าได้ในเวลาอันสั้น แต่เขาไม่คาดคิดว่ากระบวนการก้าวหน้าจะกินเวลาหลายวัน
ขณะนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานของเหลวเดิมในจุดตันเถียนของเขากำลังเดือดพล่านและระเหย
ตามที่เขาใช้ตำราเทพสงครามอย่างต่อเนื่อง พลังงานของเหลวที่ระเหยไปก็ได้รับการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างจะฉีกขาดนั้นคงเป็นความเจ็บปวดเมื่อพลังงานของเหลวระเหย
“เหล่าจู่!”
ขณะนี้เจียงจิ่วสงมาต่อหน้าประมุขโลกแล้วพูดด้วยความเคารพ: “ฉันงนอกมีคนมาขอพบท่าน”
ประมุขโลกพยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวภายนอกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
ประมุขโลกกล่าวว่า: “นายออกไปบอกพวกเขาว่า มาจากไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น!”
เจียงจิ่วสงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ: “เหล่าจู่ คนที่มาต่างเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆจากกองกำลังต่างๆในโลกบูโบราณกลาง ท่านไม่คิดที่จะพบพวกเขาหรือ”
ประมุขโลกตะโกนอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าฉันจะสร้างม่านพลังซ่อนตัวได้ทันเวลาแล้ว แต่ความก้าวหน้าของพรรคบำเพ็ญเซียนนั้นพิเศษเกินไปและการเคลื่อนไหวก็มากเกินไป ดังนั้นจึงถูกคนเก่าๆบางคนจับสังเกตได้”
“พวกเขาไม่ได้ต้องการเห็นฉันในตอนนี้ แต่พวกเขาต่างก็เดาว่าฉันกำลังก้าวหน้าและพวกเขาต่างก็อยากได้ตำแหน่ง ประมุขโลก”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาเจียงจิ่วสงก็เข้าใจทันที เขาชำเลืองมองไปทางหยางเฉินแล้วก็มองประมุขโลกและพูดว่า”เหล่าจู่ หากท่านไม่ปรากฏตัว พวกเขาต้องคิดว่าท่านก้าวหน้าแล้วแน่นอน”
ประมุขโลกพยักหน้า“ถึงแม้ว่าฉันจะก้าวหน้าแล้วยังไง พวกเขาแค่ต้องการตำแหน่งประมุขโลก นายไม่ต้องกังวลพวกเขาไม่กล้าทรยศฉัน”
ในฐานะผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของโลกบู๊โบราณกลาง เขาจะกลัวคนอื่นได้อย่างไร
อย่างที่เขาพูด เจ้าพ่ออันดับต้นๆในโลกบู๊โบราณกลางอยากได้ตำแหน่งประมุขโลกเท่านั้นแต่ไม่กล้าทรยศเขา
เมื่อก้าวหน้าก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเจ็ด และสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้นทุกคน
นอกเสียจากว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นบ้าไปแล้วถึงจะกล้าทรยศประมุขโลก
เจียงจิ่วสงพยักหน้า: “เหล่าจู่ ฉันเข้าใจแล้ว!”
พูดจบเขาก็หันหลังและออกไปทันที
“ประมุขโลกล่ะ”
ทันทีที่เจียงจิ่วสงเดินออกไป เจ้าพ่อโลกบู๊โบราณกลางก็ถามกันทีละคน
เขากวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ประมุขโลกบอกว่า พวกแกมาจากไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้น ตอนนี้ท่านยังไม่พบใครทั้งนั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาเจ้าพ่อต่างก็แสดงสีหน้ายินดี
พวกเขามาที่นี่เพื่อลองเชิง ในเมื่อประมุขโลกกำลังบำเพ็ญเพียร นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวอันรุนแรงก่อนหน้านี้ที่มาจากถ้ำบำเพ็ญเพียรของประมุขโลกเกิดขึ้นขณะประมุขโลกบำเพ็ญเพียร
แสดงว่าประมุขโลกกำลังจะก้าวหน้าสู่แดนนภาขั้นเจ็ดแล้ว
ตามกฎแล้ว เมื่อความแข็งแกร่งของประมุขโลกก้าวหน้าไปถึงแดนนภาขั้นเจ็ด ก็ต้องออกจากโลกบู๊โบราณกลางไป
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งถามว่า “ประมุขโลกมีสั่งการอย่างอื่นอีกไหม”
เจ้าพ่อคนอื่นๆมองเจียงจิ่วสงด้วยความคาดหวัง
เจียงจิ่วสงเยาะเย้ยในใจของเขา คนแก่พวกนี้แต่ละคนมีแผนการซ่อนเร้น
เขาพูดอย่างเฉยเมย: “สิ่งทีประมุขโลกฝากมาฉันพูดไปหมดแล้ว ขอให้ทุกท่านกลับไป!”
“พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”
ทุกคนรีบตอบแล้วออกไปทีละคน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน แต่พวกเขาก็มั่นใจเรื่องหนึ่งนั่นคือประมุขโลกกำลังจะก้าวหน้า ทันทีที่เขาก้าวหน้าเขาจะต้องส่งต่อตำแหน่งประมุขโลก
“นายว่าคราวนี้ประมุขโลกจะสามารถก้าวหน้าสู่แดนนภาขั้นเจ็ดได้หรือไม่?”
“แน่นอน! ประมุขโลกอยู่แดนนภาขั้นหกชั้นยอดมาหลายสิบปีแล้วน่าจะก้าวหน้าได้แล้ว”
“พลังงานการเคลื่อนไหวอันทรงพลังที่ออกมาจากถ้ำการบำเพ็ญเพียรขอประมุขโลกก่อนหน้านี้ต้องปะทุออกมาจากประมุขโลกแน่ๆ แม้แต่ฉันก็รู้สึกถึงความสยดสยอง ประมุขโลกน่าจะเริ่มก้าวหน้าแล้ว แค่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะสำเร็จ”
…
เจ้าพ่อโลกบู๊โบราณกลางเดินไปพูดไป
เจียงจิ่วสงมองไปด้านหลังของคนเหล่านี้และสายตาของเขาก็ฉายแววเย้ยหยัน เจ้าพ่อเหล่านี้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณกลาง แม้แต่ฝันก็คงคิดไม่ถึงว่าประมุขโลกไม่คิดที่จะส่งต่อตำแหน่งประมุขโลกให้คนเหล่านี้?
“หยางเฉิน ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้เหล่าจู่ผิดหวัง!”
เจียงจิ่วสงมองไปทางบำเพ็ญเพียรของหยางเฉินอีกครั้งแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อหยางเฉินก้าวหน้าในขณะที่ยังอยู่โลกบู๊โบราณกลาง โลกใหม่ตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างเต็มที่แล้ว
ตู้อวี้ซานไปด้วยตัวเอง นำผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามขั้นปลายสิบคนและแดนนภาขั้นสามขั้นต้นสิบกว่าคน ดินทัพไปยังจงโจวอย่างแข็งขัน
นอกจากตระกูลเจียงแล้ว ตระกูลชนชั้นสูงอีกสี่ตระกูลก็ได้นำผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆของตระกูลตัวเองไปประจำการในสี่เมือง เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก
ในเวลาเพียงวันเดียว ตระกูลชนชั้นของโลกบู๊โบราณล่างก็ได้เคลื่อนพลเข้าตั้งฐานปฏิบัติการโลกมนุษย์เดิม
เมืองเยี่ยนตู ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส
“ไอ้สารเลวพวกนี้หยิ่งผยองเกินไปแล้ว บังอาจเคลื่อนพลเข้าตั้งฐานปฏิบัติการโลกมนุษย์เดิม พวกเขาต้องการทำอะไร แบ่งแยกโลกมนุษย์เดิมหรือ?
ผู้อาวุโสคนที่สามพูดด้วยความโกรธ
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองก็เคร่งเครียดและโกรธเคืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผู้อาวุโสใหญ่ ตอนนี้ตี้ชุนเป็นอะไร? ทำไมจู่ๆท่านถึงขาดการติดต่อ?”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสรองก็มองผู้อาวุโสใหญ่แล้วถามว่า “จู่ๆกองกำลังจากโลกบู๊โบราณล่างบุกเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการโลกมนุษย์ ฉันคิดว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ตี้ชุนขาดการติดต่อ”
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เคร่งเครียด เขาผู้อาวุโสคนที่รองแล้วก็มองผู้อาวุโสคนที่สาม แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ตี้ชุนขาดการติดต่อไปอย่างกะทันหัน ทำให้พวกเราไม่ได้เตรียมตัวไว้เลย”
“ตี้ชุนขาดการติดต่อเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่การหายตัวไปของตี้ชุนเป็นเรื่องใหญ่!”
“อะไร?”
ทั้งผู้อาวุโสคนที่รองและผู้อาวุโสสามเบิกตากว้าง
ทั้งโลกมนุษย์มีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าออกหาตี้ชุนได้
แม้ว่าผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามจะเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมผู้อาวุโส แต่พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าพบตี้ชุน
วันนี้ผู้อาวุโสคนเดียวในโลกมนุษย์ที่รู้ว่าตี้ชุนอยู่ที่ไหน กลับบอกว่าตี้ชุนหายตัว