The King of War - บทที่ 2190 ไปกับฉัน
The king of War บทที่ 2190 ไปกับฉัน
เจียงจิ่วสงไม่ได้สนใจมือผี ดวงตาทั้งคู่ที่ราวกับเหยี่ยวนั้น จับจ้องไปที่หยางเฉินทันที
เวลานี้ หยางเฉินรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก ราวกับตกลงไปในเหวน้ำแข็ง ร่างกายไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
กระทั่งเขามีภาพลวงตา มีความคิดว่า เจียงจิ่วสงสามารถสังหารตนเองได้อย่างง่ายดาย
“ผู้นำเจียง คุณจะทำอะไรกัน?”
มือผีรีบเข้ามา จ้องมองเจียงจิ่วสงแล้วกล่าวถามด้วยสีหน้าที่ระมัดระวังตัวว่า
“หึ!”
เจียงจิ่วสงส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ และสะบัดมือทันที ชั่วพริบตา พลังอันบ้าคลั่งก็พุ่งเข้าใส่มือผี
“ตึง!”
มือผีถูกกระแทกเต็มแรง หลังจากนั้นร่างก็ถูกคลื่นลมพัดลอยออกไปไกลหลายสิบเมตร แล้วกระแทกเข้ากับซากปรักหักพังของตระกูลเหออย่างแรง
“พรวด!”
มือผีกระอักเลือดออกมา พลังบนร่างกายอ่อนแอถึงขีดสุด
“นี่มัน…….”
นักบูโดของโลกมนุษย์เดิมทุกคน ต่างก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
นี่ก็คือผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่างเหรอ?
อีกฝ่ายเพียงแค่สะบัดมือครั้งเดียว ก็สามารถระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาได้ กระทั่งสามารถจัดการผู้แข็งแกร่งของแดนนภาขั้นสามชั้นต้นจนลอยกระเด็นไปได้
ถ้าหากอีกฝ่ายลงมือจริงๆ จะมีใครสามารถต้านทานได้ไหวเหรอ?
สีหน้าของหยางเฉินเคร่งขรึมถึงขีดสุด สายตาจ้องเขม็งมองเจียงจิ่วสง แล้วเตรียมที่จะสู้ยิบตาในทันที
ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะถูกดาบโอรสสวรรค์ดึงพลังไปเกือบหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีพลังต่อสู้แล้วจริงๆ
ถ้าหากจะต้องสู้ยิบตา เขาก็ยังสามารถระเบิดกำลังสู้รบที่แข็งแกร่งออกมาได้
หยางเฉินเอ่ยปากถามทันทีว่า: “ท่านผู้อาวุโสมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
เจียงจิ่วสงจ้องมองหยางเฉินด้วยสายตาอันลึกล้ำ แล้วกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า: “คุณสังหารทายาทตระกูลเจียงของฉันแล้ว คาดไม่ถึงว่าคุณยังจะถามฉันอีกเหรอว่าจะทำอะไร?”
หยางเฉินขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งว่า: “ฉันต่อสู้กับเจียงเจี้ยน เดิมทีก็คือการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าหากว่าฉันไม่สังหารเขา คนที่ต้องตายในตอนนี้ก็จะต้องเป็นฉัน ทุกคนที่อยู่ในที่นี้สามารถเป็นพยานได้”
แรงกดดันของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดที่มีต่อคนอื่นนั้นมหาศาล จนหยางเฉินรู้สึกหายใจไม่สะดวก กระทั่งชี่ทิพย์ภายในร่างกายที่หมุนเวียนอยู่ กลับกลายเป็นช้าลงหลายเท่า
ถึงแม้ว่าเขาจะกระตุ้นสายเลือดคลั่งโดยสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจลดพลังความกดดันที่ออกมาจากตัวของอีกฝ่ายได้
แต่ที่หยางเฉินไม่รู้ก็คือ ความรู้สึกประหลาดในที่แอบอยู่ภายในใจของเจียงจิ่วสง พลังความกดดันที่เขากระทำต่อหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ผู้แข็งแกร่งธรรมดาทั่วไป ก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นนานแล้วเพราะว่าไม่อาจแบกรับความกดดันนี้ได้
แต่หยางเฉินนอกจากจะมีสีหน้าที่ซีดเผือดเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีอาการอื่นใดอีก
ยิ่งหยางเฉินได้รับพลังความกดดันน้อย ศักยภาพก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
หรือว่า หยางเฉินมีศักยภาพเทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง หรือกระทั่งชั้นปลายจริงๆ?
ความประหลาดใจภายในใจของเจียงจิ่วสงนั้นเข้มข้นอย่างมาก แต่เขาไม่ได้ลงมือในทันที แต่จ้องมองพิจารณาหยางเฉิน
เวลาผ่านไปทีละน้อยๆ เจียงจิ่วสงไม่ได้แสดงท่าทีเป็นเวลานาน เพียงแต่เหลือพลังความกดดันอันมหาศาลเอาไว้ให้ผู้อื่น
เจียงจิ่วสงเอ่ยปากทันทีว่า: “เจ้าหนุ่ม เรื่องที่คุณสังหารลูกชายของฉัน จะต้องอธิบายให้ฉันฟังสักเล็กน้อย”
ในแววตาของหยางเฉินปรากฏความเยือกเย็น แล้วกล่าวด้วยเสียงอันเย็นชาว่า: “คุณต้องการให้อธิบายอะไรเหรอ?”
เจียงจิ่วสงจ้องมองหยางเฉินแล้วกล่าวว่า: “คุณจะต้องไปที่ตระกูลเจียงกับฉัน!”
พูดจบ เขาก็เดินเข้ามาโดยตรง แล้วคว้าไปที่แขนของหยางเฉิน
“ไปให้พ้น!”
หยางเฉินตะโกนด้วยความโกรธเคือง และชูกระบี่โอรสสวรรค์ขึ้นมาอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย แล้วฟันลงไปที่เจียงจิ่วสงอย่างโหดเหี้ยม ถ้าหากกระบี่นี้จู่โจมไปยังเจียงจิ่วสงโดยตรง ถึงแม้ว่าเจียงจิ่วสงจะไม่ตาย แต่ก็คงจะสาหัส
“หึ!”
เจียงจิ่วสงหัวเราะเยาะ งอนิ้วหนึ่ง แล้วใช้นิ้วมือดีดไปที่กระบี่
“ชิ้ง!”
กระบี่โอรสสวรรค์ส่งเสียงอันใสกังวานออกมา วินาทีต่อมา พลังอันน่าสะพรึงกลัว ก็ได้แพร่กระจายตามกระบี่โอรสสวรรค์ไปถึงแขนของหยางเฉิน
ในเวลาชั่วพริบตาสั้นๆ พลังนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแขนของหยางเฉิน พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ คล้ายกับต้องการจะทำลายแขนของหยางเฉิน
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที รีบถอยฝีเท้าไปหลายก้าว ในเวลาเดียวกัน มือขวาที่ถือกระบี่อยู่ ก็เหวี่ยงไปมาทันที แล้วจึงขจัดพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดออกมาจากนิ้วมือของเจียงจิ่วสงได้
“ด้วยศักยภาพแดนนภาขั้นสามชั้นยอดของท่านผู้อาวุโส มากดขี่นักบูโดหนุ่มคนหนึ่งของโลกมนุษย์เช่นนี้ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
เย่จางกั๋วกล่าวถามด้วยสีหน้าโกรธเคือง
เมิ่งชิงหลันก็เดินเข้าไปก้าวหนึ่ง แล้วจ้องมองเจียงจิ่วสงอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวว่า: “ในฐานะที่เป็นนักบูโดชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่าง การที่ท่านปฏิบัติกับผู้อ่อนอาวุโสเช่นนี้ ไม่กลัวว่าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป แล้วจะมือคนดูถูกชื่อเสียงของคุณเหรอ?”
ถึงแม้ว่าเซี่ยเหอจะไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่ก็ยืนอยู่ข้างๆ หยางเฉิน และจ้องมองเจียงจิ่วสงด้วยสีหน้าที่มีเจตนาร้าย
บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างกดดัน เจียงจิ่วสงเพียงแค่กวาดสายตามองเย่จางกั๋วและคนอื่นๆ อย่างเหยียดหยาม ทันใดก็มองไปยังหยางเฉิน ยิ้มเยาะและกล่าวว่า: “คนอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างสูงภายในใจของคนเหล่านี้”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือ แล้วเข้าไปคว้าแขนของหยางเฉินโดยตรง
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป ขยับฝีเท้า รีบก้าวถอยหลัง
เพียงแต่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนักบูโดที่มีศักยภาพเทียบได้เพียงแค่แดนนภาขั้นสามชั้นกลางเท่านั้น เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามขั้นสามชั้นยอด ไม่มีพลังความสามารถเพียงพอโดยสิ้นเชิง
เขารีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่เจียงจิ่วสงรวดเร็วยิ่งกว่า และเกือบจะในทันที ที่ไล่ตามเขาทัน
เจียงจิ่วสงแสดงรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม มองไปยังหยางเฉินแล้วกล่าวว่า: “เจ้าหนุ่ม ไปตระกูลเจียงกับฉันอย่างเชื่อฟังเถอะ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ฉันจะฆ่าคุณก่อน แล้วค่อยสังหารคนเหล่านี้ให้เกลี้ยง”
เมื่อหยางเฉินเตรียมที่จะต่อต้าน ทันใดก็รู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารอันรวดเร็วและดุดัน เขารู้ว่า เจียงจิ่วสงไม่ได้ล้อเล่น ถ้าหากตนเองไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เพียงแต่ตนเองจะถูกอีกฝ่ายสังหาร แต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงเย่จางกั๋วและคนอื่นๆ ด้วย
“ตกลง ฉันจะไปกับคุณ!”
หยางเฉินแทบจะกัดฟันพูด
เพียงได้ยินคำพูดของเขา เย่จางกั๋วและคนอื่นๆ ก็กระวนกระวายใจขึ้นมา
“หยางเฉิน คุณจะไปตระกูลเจียงกับเขาไม่ได้นะ หากคุณไปที่อาณาบริเวณของตระกูลบู๊โบราณเจียงจริงๆ คุณก็ไม่มีกำลังที่จะต้านทานได้โดยสิ้นเชิง แล้วจะป้องกันตัวได้อย่างไรกัน?”
สีหน้าของเย่จางกั๋วเต็มไปด้วยความร้อนรน จากนั้นก็มองไปยังเจียงจิ่วสง แล้วกล่าวว่า: “ผู้นำเจียง ถึงอย่างไรคุณก็เป็นหางเสือของตระกูลบู๊โบราณคนหนึ่ง ไม่ควรทำเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เมิ่งชิงหลันก็กล่าวว่า: “ไม่ว่าอย่างไร หยางเฉินก็เป็นผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสจิ่วโจว ถ้าหากท่านผู้อาวุโสจะพาหยางเฉินไปจริงๆ จะไม่เกรงกลัวการมีอยู่ของสมาคมผู้อาวุโสเหล่านั้นเลยเหรอ?”
ในคำพูดของดขา ยังแฝงไปด้วยการใช้อำนาจบีบบังคับอย่างรุนแรง
ดวงตาทั้งคู่ของเจียงจิ่วสงหรี่ลงเล็กน้อย ในดวงตาแฝงไปด้วยเจตนาสังหาร
หยางเฉินสามารถรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน และกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที จึงรีบกล่าวกับเย่จางกั๋วและเมิ่งชิงหลันว่า: “พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ตอนนี้พาคนออกไปเถอะ”
ไม่รอให้เย่จางกั๋วและเมิ่งชิงหลันได้พูด เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า: “นี่คือคำสั่ง! ปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”
เห็นสีหน้าท่าทีที่จริงจังของหยางเฉิน เย่จางกั๋วและเมิ่งชิงหลันก็กัดฟันแน่น แต่ไม่อาจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของหยางเฉินได้
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสี่ของจิ่วโจว จะเป็นเย่จางกั๋วก็ดี หรือเมิ่งชิงหลันก็ดี พวกเขาทำได้เพียงเชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำพูดของหยางเฉิน
เย่จางกั๋วกวาดสายตามองทุกคน แล้วกล่าวเสียงดังว่า: “กองยุทธการจงโจว ทุกคน กลับกองทัพเดี๋ยวนี้!”
เมิ่งชิงหลันก็ตะโกนเสียงดังว่า: “ทีมนักบูโด ทุกคน กลับศูนย์ทีมเดี๋ยวนี้!”
ตามคำสั่งของพวกเขา คนของกองยุทธการจงโจวและทีมนักบูโด ก็ออกจากสถานที่แห่งนี้ในชั่วพริบตา
เมื่อหยางเฉินมองไปยังเซี่ยเหอที่ไม่ยอมจากไปอยู่คนเดียว ไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก เซี่ยเหอก็กล่าวด้วยตาที่แดงก่ำว่า: “คุณอย่าได้คิดที่จะออกคำสั่งกับฉันเลย ฉันไม่ใช่คนของกองยุทธการจงโจวและทีมนักบูโด จึงไม่ต้องทำตามคำสั่งของคุณ”
“เซี่ยเหอ ออกไปเดี๋ยวนี้ นี่ไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นคำสั่ง!”
หยางเฉินขมวดคิ้ว จ้องมองเซี่ยเหออย่างเย็นชา แล้วกล่าวว่า: “ไม่อย่างนั้น ก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจคุณก็แล้วกัน!”
เป้าหมายที่เจียงจิ่วสงต้องการคือเขา ต่อให้คนอื่นๆ อยู่ต่อ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น และจะกลายเป็นภาระเสียเปล่าๆ