The King of War - บทที่ 2185 หนึ่งกระบี่สังหาร
The king of War บทที่ 2185 หนึ่งกระบี่สังหาร
ตามเสียงนี้ที่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็มองเข้าไป
เมิ่งชิงหลันมองไปยังฝ่ายตรงข้าม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า: “คุณก็ไม่ใช่คนของตระกูลเหอ แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่เห็นด้วย?”
เย่จางกั๋วหัวเราะเยาะ: “เจียงเจี้ยน คุณทำสถานการณ์ในตอนนี้ให้ชัดเจนจะดีที่สุดนะ เดิมทีที่นี่ก็คืออาณาบริเวณของโลกมนุษย์ สมาคมผู้อาวุโสได้อนุญาตให้ตระกูลบู๊โบราณเข้ามาพักที่โลกมนุษย์เป็นการชั่วคราว สำหรับคนของตระกูลบู๊โบราณเหล่านี้ของพวกคุณ มันก็ดีมากพอแล้ว อย่าทำเป็นได้คืบจะเอาศอกไปหน่อยเลย”
เจียงเจี้ยนไม่ได้สนใจคนทั้งสองนี้ สายตาอันเยือกเย็นจ้องมองไปยังเย่เฉิน แล้วเอ่ยปากว่า: “โลกมนุษย์ก็ดี โลกบู๊โบราณล่างก็ดี กระทั่งโลกบู๊โบราณกลางและโลกบู๊โบราณบน ต่างก็เป็นของจิ่วโจวไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อขณะนี้ม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์กับโลกบู๊โบราณล่างได้แตกสลายลงแล้ว เช่นนั้นทั้งสองโลกก็คือโลกเดียวกัน”
“ที่ฉันไม่เห็นด้วย เพราะว่ามันไม่ยุติธรรมโดยสิ้นเชิง ชัดเจนว่าตระกูลเหอได้รับปากว่าจะกลายเป็นกองกำลังบริวารของตระกูลเหอแล้ว ขณะนี้เหอหยวนหงก็ได้ตายไปแล้ว ผู้นำตระกูลเหอคนใหม่ คำพูดเพียงคำเดียวของพวกคุณก็แต่งตั้งได้อย่างมั่นคงแล้ว แล้วตระกูลเหอจะรับปากที่จะกลายเป็นกองกำลังบริวารของตระกูลเจียงได้อย่างไรกัน?”
หยางเฉินขมวดคิ้ว แล้วกล่าวถามด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า: “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
เจียงเจี้ยนกล่าวว่า: “ผู้นำตระกูลเหอก็ตายไปแล้ว ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเราแต่ละคนยอมถอยกันคนละก้าว ตระกูลเจียงไม่ได้บีบบังคับตระกูลเหอให้กลายเป็นบริวารของตระกูลเจียง สมาคมผู้อาวุโสก็ไม่ได้อนุญาตให้แทรกแซงการพัฒนาของตระกูลเจียงของพวกเราในโลกมนุษย์”
หยางเฉินหัวเราะเยาะ: “สมาคมผู้อาวุโสเคยมีการแทรกแซงตระกูลบู๊โบราณไหนในโลกมนุษย์ด้วยเหรอ? ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ ล้วนทำตามกฎระเบียบใหม่ ตราบใดที่โลกบู๊โบราณล่างไม่ทำเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบใหม่ พวกเราก็จะไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง”
กองกำลังตระกูลบู๊โบราณ หลังจากเข้ามาพักบนโลกมนุษย์ ก็ได้ใช้กำลังปราบปรามกองกำลังท้องถิ่นของโลกมนุษย์ทั้งเปิดเผยและแอบแฝง
พวกเขาทำเพื่อให้กองกำลังของตระกูลตัวเองที่อยู่ในโลกมนุษย์ได้รับกำลังการพัฒนาอันมหาศาล และต่างก็ต้องการพึ่งพากองกำลังท้องถิ่นของโลกมนุษย์
ตามกฎระเบียบใหม่ คือไม่อนุญาตให้ตระกูลบู๊โบราณกดดันกองกำลังโลกมนุษย์
เจียงเจี้ยนขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากจ้องมองหยางเฉินอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า: “แล้วถ้าหากฉันยืนกรานที่จะให้ตระกูลเหอยอมสวามิภักดิ์ต่อตระกูลเจียงล่ะ?”
“หืม?”
หยางเฉินรู้สึกเกินความคาดหมาย ไม่คาดคิดว่าเมื่อครู่นี้เจียงเจี้ยนยังต้องการให้ถอยคนละก้าวอยู่เลย แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา
“เช่นนั้นคุณลองดูก็ได้ เพียงแต่ ก่อนที่จะทำอะไร ทางที่ดีก็คิดสักหน่อยว่า คนของตระกูลเจียงเตรียมความพร้อมที่จะไม่อาจเหยียบเข้าสู่โลกมนุษย์แล้วหรือยัง”
หยางเฉินกล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็น ในดวงตาปรากฏเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
เย่จางกั๋วและเมิ่งชิงหลันนำโดยเหล่าผู้แข็งแกร่งของกองยุทธการและทีมนักบูโด ต่างก็จ้องจะเขมือบคนของตระกูลเจียงอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่านักบูโดของตระกูลเจียงจะมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อนับรวมกับเจียงเจี้ยนแล้ว ก็มีเพียงแค่แปดคนเท่านั้น
กลับกันกับทางด้านของหยางเฉิน ที่มีนักบูโดนับร้อยคน ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นแดนนภาขั้นหนึ่ง กระทั่งเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนเหนือมนุษย์ แต่มีหยางเฉินผู้เก่งกาจเช่นนี้ จึงไม่สามารถประเมินศักยภาพต่ำเกินไป
คนของโลกบู๊โบราณล่างต่างก็รู้ดี ในร่างกายของหยางเฉิน ยังคงมีจิตวิญญาณของเทพมารอยู่ สามารถอาศัยเนื้อหนังของหยางเฉินเพื่อต่อสู้ได้ กระทั่งสามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบได้กับแดนนภาขั้นสามชั้นยอด
เพียงแต่ ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ จิตวิญญาณของเทพมารได้ออกไปจากร่างของหยางเฉินแล้ว
ในสถานที่จมดิ่งอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย สายตาของทุกคนรวบอยู่ที่หยางเฉินและเจียงเจี้ยน
ท่ามกลางบรรยากาศ ที่ตลบอบอวลความกดดันของความน่าสะพรึงกลัว นักบูโดบางคนที่มีศักยภาพอ่อนแอ รู้สึหายใจติดขัด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดอำนาจฟ้าที่แข็งแกร่ง ก็กระจายออกมาจากในร่างกายของเจียงเจี้ยน
“ดูเหมือนว่า คุณจะไตร่ตรองดีแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็มาสู้กันเถอะ!”
รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ส่งออกมาจากตัวของเจียงเจี้ยน หยางเฉินจึงกล่าวด้วยสีหน้าอันสงบนิ่ง
สำหรับปฏิกิริยาโต้ตอบของเจียงเจี้ยน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเกินความคาดหมาย แต่ก็ยังอยู่ในความคาดหมายของเขา
นับตั้งแต่เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อาวุโสสี่ และมาที่จงโจว ก็พยายามปราบปรามตระกูลบู๊โบราณอย่างเต็มกำลัง สามารถพูดได้ว่า จงโจวในขณะนี้ ตระกูลบู๊โบราณทำได้เพียงแทรกซึมเข้าไปได้ในขอบเขตอันเล็กน้อยเท่านั้น การพัฒนาในทุกๆ ด้านของเขา ได้รับการจำกัดขอบเขตเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังสามารถอาศัยยาระดับต่ำราคาถูก เพื่อแสวงหาความมั่นคงได้ แต่ตอนนี้ หยางเฉินได้ขายยาระดับต่ำปริมาณมาก อีกทั้งราคาก็ยังถูกถึงที่สุด หากตระกูลบู๊โบราณต้องการที่จะอาศัยการพัฒนายาอย่างรวดเร็วบนโลกมนุษย์ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
หยางเฉินโบกมือ และกำชับสั่งว่า: “นักบูโดภายใต้แดนนภาทุกคน ถอยออกไปหนึ่งร้อยเมตรเดี๋ยวนี้!”
เพียงพูดคำนี้ออกมา นักบูโดส่วนใหญ่ของกองยุทธการจงโจวต่างก็เริ่มถอยออกไป
ส่วนทีมนักบูโด ที่เดิมทีประกอบไปด้วยนักบูโดแดนนภา อีกทั้งส่วนใหญ่ที่เคยเป็นผู้ฝึกฝนอิสระของโลกบู๊โบราณล่าง กลับไม่มีใครถอยออกไปแม้แต่คนเดียว
ไม่นาน ทางด้านของหยางเฉิน ก็เหลือนักบูโดร้อยกว่าคน และต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา ไม่มีข้อยกเว้น
เพียงแต่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักบูโดของแดนนภาขั้นหนึ่ง นักบูโดแดนนภาขั้นสองก็มี แต่ก็น้อยอย่างมาก ไม่ถึงสิบคน
แต่ทางด้านของเจียงเจี้ยน ตัวเจียงเจี้ยนเองก็คือผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง ผู้แข็งแกร่งอีกเจ็ดคนที่อยู่ข้างๆ เขา ล้วนเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นสอง
และด้วยเหตุนี้ เจียงเจี้ยนจึงกล้าที่จะเผด็จการเช่นนี้
“ผู้อาวุโสสี่ ถ้าหากต่อสู้กันเป็นกลุ่ม มันจะเป็นการสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ ให้กับพวกเราทั้งสองฝ่าย ไม่ทราบว่าคุณกล้าที่จะต่อสู้กับฉันไหม? ถ้าหากว่าคุณชนะ ตระกูลเจียงก็จะถอยออกจากจงโจวไป แต่ถ้าหากว่าคุณพ่ายแพ้ นับจากนี้ไป สมาคมผู้อาวุโสจะต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเจียงอีก”
ในขณะที่หยางเฉินกำลังคิดจะต่อสู้แบบกลุ่มกับอีกฝ่าย แต่เจียวเจี้ยนก็เอ่ยถึงข้อเสนอในการต่อสู้กับหยางเฉิน
“เจียงเจี้ยน คุณนี่มันหน้าไม่อายเลยจริงๆ นะ คุณเป็นถึงทายาทของตระกูลบู๊โบราณ มีศักยภาพถึงแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง แต่กลับจะต่อสู้กับผู้อาวุโสสี่ที่มีศักยภาพเพียงแค่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ทางที่ดี ก็ให้ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดต่อสู้กับผู้อาวุโสสี่จะดีกว่า”
เย่จางกั๋วกล่าวด้วยสีหน้าโมโห
เจียงเจี้ยนยิ้มเยาะ: “พวกคุณเคยเห็น นักบูโดแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดล้มด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของแดนนภาขั้นสามชั้นกลางด้วยเหรอ?”
เย่จางกั๋วพูดไม่ออกในทันที
หยางเฉินหรี่ดวงตาทั้งคู่เล็กน้อย ชัดเจนว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่บนซากปรักหักพังของเขาหวังซาน และสามารถล้มฉีเทียนเหอผู้ที่มีศักยภาพแดนนภาขั้นสามชั้นกลางในครอบครองด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ได้ถูกเจียงเจี้ยนรู้เข้าแล้ว
เพียงแต่ คนอื่นๆ ต่างก็คิดว่าจิตวิญญาณของเทพมารยังอาศัยอยู่ในร่างของเขา จึงสามารถล้มฉีเทียนเหอได้
แต่ความหมายของเจียงเจี้ยน การล้มฉีเทียนเหอในวันนั้น ก็คือตัวของหยางเฉินเอง
หยางเฉินก็ไม่ได้กล่าวอธิบาย หรี่ตามองฝ่ายตรงข้าม แล้วกล่าวว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะต่อสู้กับคุณ! เพียงแต่ ถ้าหากว่าคุณพ่ายแพ้ นับจากนี้ไป คนของตระกูลบู๊โบราณเจียง จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เหยียบเข้ามาในโลกมนุษย์เดิมแม้แต่คนเดียว”
“แต่ถ้าหากคุณสามารถโจมตีฉันจนพ่ายแพ้ได้ ตรสบใดที่ตระกูลเจียงไม่ทำเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบใหม่ สมาคมผู้อาวุโสก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆ ของตระกูลเจียงอย่างแน่นอน”
เจียงเจี้ยนขมวดคิ้วแน่น เมื่อครู่นี้เขาพูดว่า ถ้าหากตนเองพ่ายแพ้ ตระกูลเจียงก็เพียงแค่ถอยออกไปจากจงโจว แต่หยางเฉินกลับพูดว่า ถ้าหากเขาพ่ายแพ้ คนของตระกูลเจียงจะไม่สามารถเหยียบเข้ามาในโลกมนุษย์เดิมได้อีก
“ตกลง! ฉันรับปากคุณ!”
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เจียงเจี้ยนก็กล่าวรับปากทันที
ทันใดนั้น พลังความแข็งแกร่ง ก็ส่งกระจายออกจากมาตัวของเขา
เห็นเพียงพื้นที่ปลายเท้าของเขาได้แตกแยกออกไปทั่วสารทิศโดยตรง และรอยแตกร้าวที่หนาเท่าแขน ได้ขยายลุกลามไปยังหยางเฉิน
“หึ!”
หยางเฉินยกมือขึ้นแกว่งไกวเล็กน้อย กระบี่โอรสสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา และเหวี่ยงกระบี่ฟันไปในทิศทางของเจียงเจี้ยน