The King of War - บทที่ 1873
บทที่ 1873
ฉันให้โอกาสนาย
ในเวลานี้เอง มีขบวนรถโรลส์รอยซ์มาหยุดอยู่ที่ด้านหนึ่ง
ออร่าของ ว่านฉีถูกเก็บกลับในทันที เขาขมวดคิ้วและมองไปยังเงาร่างหนึ่งที่เดินลงมาจากรถ
หนิงเทียนเหอ ก็มองไปยังขบวนรถนั้นเช่นกัน เมื่อเขาเห็นติงเหวินจัวที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้แข็งแกร่งหลายคน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด
“ทำไมนายมาที่นี่ได้?”
หนิงเทียนเหอ มองไปที่ติงเหวินจัว และถามอย่างเย็นชา
การเสนอแนวคิดรวบรวมนักบู๊ชั้นนำในจิ่วโจวเพื่อสร้างสมาพันธ์บูโดก็ถือกำเนิดมาจากติงเหวินจัว และเมื่อแนวคิดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาก็ได้รับการสนับสนุนจากนักบู๊ชั้นนำในจิ่วโจว
เมื่อสมาพันธ์บูโดก่อตั้งขึ้นในช่วงแรก ติงเหวินจัวแต่เดิมคิดจะใช้พลังของตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่มาเพื่อควบคุมสมาพันธ์บูโด แต่เมื่อหยางเฉินปรากฏตัว มันก็ได้ทำลายจินตนาการของเขาลงไป
กล่าวได้ว่า ติงเหวินจัวและหยางเฉินมีความเกลียดชังกันอย่างสุดซึ้ง ตอนนี้หยางเฉินยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติอยู่ ส่วนตู้จ้งก็ไม่ได้อยู่ในสมาพันธ์บูโด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ติงเหวินจัวปรากฏตัวขึ้น ก็อดทำให้คนคิดมากไม่ได้
ประเด็นสำคัญคือ ติงเหวินจัวยังนำผู้แข็งแกร่งมาหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบู๊สองคนที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งทำให้ หนิงเทียนเหอ รู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างกะทันหัน
หนิงเทียนเหอ เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง หากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันของผู้แข็งแกร่ง อีกฝ่ายก็จะต้องเหนือกว่าเขาแน่ กล่าวคือในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่ติงเหวินจัวนำมา ความแข็งแกร่งของสองคนนั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย
ติงเหวินจัวยิ้ม เขามองไปที่ หนิงเทียนเหอ และพูดว่า “แต่เดิมสมาพันธ์บูโดก็เป็นฉันที่ก่อตั้งขึ้นมา วันนี้ฉันพานักบู๊ 30 คนกลับมายังสมาพันธ์ นี่มีอะไรน่าแปลกหรือไง?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น คิ้วของหนิงเทียนเหอก็ขมวดมากขึ้น
นักบู๊ทั้ง 30 คนที่ติงเหวินจัวพามานั้นแข็งแกร่งมาก และผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
ตระกูลติงเป็นเพียงหนึ่งในห้าตระกูลชนชั้นสูงในภาคเหนือ แม้จะอยู่ในระดับท็อป แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังแค่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายเท่านั้น เหตุใดติงเหวินจัวถึงนำนักบู๊ที่แข็งแกร่ง 30 คนและยังมีแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายอีกสองคนมาได้?
นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีเหตุมีผลเลยสักนิด แต่ไม่นานนัก หนิงเทียนเหอ ก็พบเหตุผลแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลติงจะผลิตนักบู๊ชั้นนำมากมายขนาดนี้ในคราวเดียว นักบู๊เหล่านี้ จะต้องเป็นตระกูลบู๊โบราณที่อยู่เบื้องหลังตระกูลติงเป็นผู้จัดการ อีกทั้งเบื้องหลังตระกูลติงก็คือตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่นักบู๊ทั้ง 30 คนนี้ล้วนมาจากตระกูลไป๋หลี่
ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้งสมาพันธ์บูโด ไป๋หลี่ฉางคงของตระกูลไป๋หลี่ต้องการเป็นผู้นำของสมาพันธ์บูโด เห็นได้ชัดว่าตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ยังไม่ยอมล้มเลิกความคิดนี้ไป
หากตระกูลไป๋หลี่ควบคุมสมาพันธ์บูโดจริงๆ อย่างนั้นสมาพันธ์บูโดก็จะไม่ใช่กองกำลังแนดับหนึ่งของจิ่วโจวแล้ว แต่จะกลายไปเป็นโฆษกของตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ในโลกฆราวาสแทน
ซึ่งนี่แตกต่างจากความตั้งใจเดิมของนักบู๊โลกฆราวาสในจิ่วโจวในการจัดตั้งสมาพันธ์บูโด
หนิงเทียนเหอ แค่นเสียงและกล่าวว่า “ติงเหวินจัวนายถูกไล่ออกจากสมาพันธ์บูโดไปแล้ว นายยังจะมีคุณสมบัติให้พาคนเข้าร่วมสมาพันธ์บูโดอีก?”
ติงเหวินจัวหรี่ตาลงเล็กน้อยและจ้องไปที่ หนิงเทียนเหอ แล้วพูดว่า “นายนับเป็นตัวอะไร มีคุณสมบัติอะไรมาไล่ฉันออกจาก สมาพันธ์บูโด?”
“นาย…”
หนิงเทียนเหอ โกรธมาก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
นักบู๊สามสิบคนที่อยู่เบื้องหลังติงเหวินจัวต่างจ้องมองไปที่ หนิงเทียนเหอ อย่างเย็นชา โดยเฉพาะนักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายสองคนนั้นที่ในตาถึงกับมีจิตสังหารปรากฏขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขอแค่ติงเหวินจัวออกคำสั่ง ทั้งสองก็จะลงมือกับ หนิงเทียนเหอ ทันที
ในเวลานี้ ว่านฉีก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน เดิมทีเขาต้องการเป็นหัวหน้าสมาคม ขอแค่ฆ่า หนิงเทียนเหอ เขาก็ทำได้สำเร็จแล้ว
และเมื่อความสำเร็จมาถึงตรงหน้า แต่จู่ๆ ในเวลานี้กลับดันมีตัวแปรเข้ามาขัดขวาง
แม้ว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายจริงๆ อาศัยเขาเพียงลำพัง ก็แทบไม่มีทางที่จะรับมือกับผู้แข็งแกร่ง 30 คนที่ติงเหวินจัวนำมา
สิ่งที่ทำให้เขากังวลก็คือนักบู๊สองคนที่อยู่เบื้องหลังติงเหวินจัวนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ตองเป็นนักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย ส่วนเรื่องที่ว่าคนทั้งสองก้าวไปถึงจุดสูงสุดของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายแล้วหรือยัง เรื่องนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจ
ในเวลานี้เอง ติงเหวินจัวก็มองไปที่ ว่านฉีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสว่าน ฉันคิดมาตลอดว่าคุณต่างหากที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการเป็นรองหัวหน้าสมาพันธ์บูโด ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสว่านคิดอย่างไร?”
ว่านฉีตกใจครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าติงเหวินจัวจะพูดกับตนแบบนี้
อย่างไรก็ตามเขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ติงเหวินจัวตั้งใจจะดึงเขาเข้าเป็นพวก และเอ่ยปากออกมาว่าจะให้เขาเป็นรองหัวหน้าสมาพันธ์บูโดส่วนตำแหน่งหัวหน้านั้นมีเพียงตำแหน่งเดียวและติงเหวินจัวก็คิดจะเก็บมันเอาไว้เอง
ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหงต่างก็หน้าซีดขาว เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาแล้วในการเลือกหนิงเทียนเหอ แต่ผลคือติงเหวินจัว กลับนำคนมา
ว่านฉีไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ติงเหวินจัวเองก็ไม่ได้รีบร้อน เขายิ้มและรอคำตอบของ ว่านฉี
ในเวลาเดียวกัน ที่ สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด ห้องผู้ป่วยของแผนกการแพทย์
หยางเฉินนอนเงียบ ๆ บนเตียงในโรงพยาบาล บนตัวมีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายสำหรับตรวจสอบสัญญาณชีพจรที่เชื่อมต่อกับร่างกายของเขา
เขาไม่ได้เคลื่อนไหว ถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจของเขายังเคลื่อนไหว คนเห็นเข้าก็อาจถึงกับคิดว่าเขาตายไปแล้ว
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออกอย่างกะทันหัน หญิงสาวชุดดำมาที่เตียงผู้ป่วยและมองไปที่หยางเฉินซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
หลังจากจ้องมองที่หยางเฉินครู่หนึ่ง เธอก็หยิบขวดหยกออกมาแล้วเทเม็ดยาสีดำกลมเม็ดหนึ่งออกมาจากขวดหยก
ทันทีที่ยาเม็ดถูกเทออกจากขวดหยก ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นของโอสถอันเข้มข้น
หญิงชุดดำรีบป้อนยาเข้าปากหยางเฉิน
ทันทีที่เม็ดยาเข้าปาก มันก็กลายเป็นของเหลวอุ่นไหลเข้าไปในท้องของหยางเฉิน
ในไม่ช้า ข้อมูลบนเครื่องมือที่เฝ้าติดตามสัญญาณชีพของหยางเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ค่าปกติ
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ข้อมูลสัญญาณชีพจรที่อ่อนแอมากก็ค่อยๆ เข้าสู่ค่าปกติทีละรายการ
หญิงชุดดำก้มศีรษะ จากนั้นก็มองไปยังใบหน้าที่คุ้นเคย จู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปและลูบหน้าหยางเฉินเบา ๆ ดวงตาสีแดงของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
“ลาก่อนพี่เขย!”
หลังจากพูดจบ หญิงชุดดำก็หันหลังเดินจากไป
เธอมาและไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครล่วงรู้
ผู้หญิงชุดดำคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนอกจากฉินยีที่กลายเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเซิ่งกงไปแล้ว
ในเวลานี้ บรรยากาศภายนอกสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโดกำลังเคร่งเครียดอย่างมาก
ติงเหวินจัวนำนักบู๊ชั้นนำ 30 คนมาเป็นพวก ส่วนหนิงเทียนเหอ ผู้อาวุโสเว่ยและผู้อาวุโสหง ก็เป็นอีกพวกหนึ่ง ว่านฉีก็อีกพวกหนึ่ง จนทำเอานักบู๊ของสมาพันธ์คนอื่นๆ แทบจะไม่มีทางเลือกได้เลย
ติงเหวินจัวจ้องที่ ว่านฉีด้วยรอยยิ้ม และรอคำตอบของเขาโดนตลอด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุด ว่านฉีก็พูดว่า “ฉันจะเป็นแค่หัวหน้าสมาคม!”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ติงเหวินจัวก็หัวเราะในทันใด “ว่านฉีฉันนำนักบู๊ในแดนเหนือมนุษย์ 30:black” มาคนเข้าสมาพันธ์บูโด ก็ถือว่าได้ทำประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับสมาพันธ์แล้วไม่ใช่หรือ? นายอาศัยอะไรมาแย่งตำแหน่งหัวหน้าสมาคมกับฉัน?”
“ถ้านายเชื่อฟังฉัน ฉันก็จะให้นายเป็นรองประธานของสมาพันธ์บูโด หากนายไม่เชื่อฟัง อย่างนั้นนายก็จะไม่เหลืออะไรเลย”
“ว่านฉี ฉันตัดสินใจให้โอกาสนายอีกครั้ง บอกฉันมา ว่าตำแหน่งรองหัวหน้าสมาพันธ์บูโดนี้นายจะเอาหรือไม่เอา?”