The King of War - บทที่ 1861 ตั้งใจแกล้งทรมาน
บทที่ 1861 ตั้งใจแกล้งทรมาน
“ตึง ตึง ตึง!”
ทิคาโนะ ทาเคชิก้าวไปทีละก้าวเข้าหาหยางเฉิน ยืนมองลงไปที่หยางเฉิน สายตาที่มองเหมือนมองซากศพ พูดเสียงหนาวเยือก “มีแกคนเดียวนี้แหละ สามารถใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ทำร้ายข้าได้ แต่ข้าก็ให้เป็นคนสุดท้ายแล้ว!”
กระแสพลังบูโดในตัวเขา สลายหายไปหมดแล้ว
เท่าที่เขาเห็น หยางเฉินก็จะตายแล้ว สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรเหลือที่จะกดดันเขาได้แม้แต่น้อย
เหล่าบรรดานักบูโดจิ่วโจวทั้งหลาย แต่ละคนมีสีหน้าสิ้นหวัง
“คุณหยาง ต้องตายแน่ ๆ แล้วหรือ?”
ข้าง ๆ ตัวตู้จ้ง มีนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนายหนึ่ง พูดออกมาอย่างอึดอัดใจ
ตู้จ้งกำหมัดทั้งสองแน่น พูดตาแดง ๆ ว่า “เป็นเพราะข้าทำลายคุณหยาง ถ้าไม่ใช่เพราะข้าถ่วงเวลารอจนถึงเขามาถึง เขาจะตายได้ยังไง?เป็นเพราะข้าที่ผิดต่อเขา!”
“ผู้เฒ่าตู้ อันนี้โทษคุณไม่ได้ คุณก็ทำเพื่อศักดิ์ศรีของนักบูโดจิ่วโจว คุณหยางถึงแม้กำลังจะต้องตาย แต่เขาทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของนักบูโดจิ่วโจว พวกเราจะไม่มีวันลืมเขาได้!”
“ใช่ พวกเราจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด ครั้งหนึ่งได้มีนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นอายุยังไม่ถึงสามสิบ อาศัยกำลังตัวเองคนเดียว ปกป้องศักดิ์ศรีของนักบูโดจิ่วโจว เขาแค่เพียงมีพลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น บีบบังคับจนนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายต้องทุ่มพลังฝีมือออกมาเต็มที่”
“คุณหยางนี้ เขาเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโดสมัยที่หนึ่งของพวกเรา และก็เป็นวีรบุรุษในหัวใจของพวกเรานักบูโดจิ่วโจว!”
นักบูโดจิ่วโจว แต่ละคนพูดกันด้วยเสียงอันดัง
หยางเฉินถึงจะต้องแพ้ แต่การแพ้นี่ ไม่มีความน่าละอาย
ถ้าหากข่าวนี้ได้แพร่ออกไป สังคมโลกมีแต่จะมองว่านักบูโดประเทศซันต่ำช้าไร้ยางอาย นักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายกลับทุ่มกำลังสุดฤทธิ์ ถล่มฆ่านักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น
และในขณะนั้นเอง อาโอกิ ยามาโตะที่ยืนอยู่ฝั่งค่ายประเทศซัน สายตากวาดมองนักบูโดทางด้านฝั่งค่ายของจิ่วโจว ยิ้มเยาะและพูดออกไปว่า “หยางเฉินก็ใกล้ตายแล้ว ฝ่ายจิ่วโจวก็แพ้ราบคาบแล้ว พวกเจ้าควรจะต้องทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ให้นักบูโดจิ่วโจวทั้งหมดที่มาในวันนี้ คุกเข่าลงขอขมาจากพวกข้า นักบูโดประเทศซันได้หรือยัง?”
นักบูโดจิ่วโจว แต่ละคนสีหน้าแสดงออกในความเคียดแค้น ตู้จ้งจ้องตาอย่างเอาเป็นเอาตายใส่อาโอกิ ยามาโตะ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเค้นเสียงพูดไปว่า “แกวางใจ พวกข้านักบูโดจิ่วโจวรู้จักรักษาสัญญา!”
อาโอกิ ยามาโตะหัวเราะพูดไปว่า “ฮะฮ้า ในเมื่อยอมรักษาสัญญาที่เดิมพันกัน ก็รีบเรียกพวกนักบูโดจิ่วโจวคนอื่น ๆ ที่หนีออกไปอยู่นอกอาคารโรงเทพบู๊เข้ามาให้หมด คุกเข่าโขกหัวขอขมาพร้อม ๆ กันซะ!”
คามิชิโร กุนโตก็พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ข้ายังไม่เคยเห็นเลย กับภาพนักบูโดนับร้อยของจิ่วโจว มาคุกเข่าโขกหัวขอขมาต่อหน้านักบูโดประเทศซันของพวกเรา คิดแล้วก็น่ารู้สึกหยิ่งภูมิใจได้ทีเดียว”
“ไม่เฉพาะเรียกพวกนักบูโดทั้งหมดเข้ามา ยังมีพวกเพื่อนผู้สื่อข่าวทั้งหลายที่หลบออกไปตอนก่อนหน้านี้ ก็ต้องขอให้พวกเขาเข้ามาด้วย เตรียมกล้องกันให้เต็มที่ จัดการเก็บภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เผยแพร่ออกไปให้เห็นกันทั่วโลกเลย”
“ใช่ พวกเราจะต้องให้โลกรับรู้ ถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศซัน จะต้องให้โลกรับรู้ อยู่ต่อหน้าพวกเรานักบูโดประเทศซัน นักบูโดจิ่วโจว ก็คือพวกมดปลวก”
“พวกนักบูโดจิ่วโจว ล้วนแต่กากขยะ คนมีตั้งมากมาย หาคนไหนออกมาสู้ก็ไม่ได้สักคน ถ้าไม่ใช่เพราะท่านนายกทิคาโนะมีเมตตากรุณาออมมือ นักบูโดจิ่วโจว ก็ต้องตายหมดไปในคราวนี้”
……
เวลาขณะนั้น เหล่าบรรดานักบูโดประเทศซัน ต่างพากันโห่ฮากันสนุกสนาน
ก่อนหน้านี้ในขณะที่ทิคาโนะ ทาเคชิกับหยางเฉินทำการต่อสู้กันนั้น แรงกดดันจากกระแสพลังบูโดสูงมาก นอกจากนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดขึ้นไปที่จะรับแรงกดดันนั้นได้จึงอยู่ในอาคารโรงเทพบู๊ได้ นอกนั้นต้องหลบออกไปอยู่ข้างนอกหมด
ที่ต่างไปกับพวกนักบูโดประเทศซันที่กำลังดีใจสุดคลั่ง นักบูโดจิ่วโจว แต่ละคนจมอยู่ในห้วงอารมณ์แสนหดหู่กับการที่หยางเฉินกำลังจะตาย ส่วนเรื่องการที่จะต้องไปคุกเข่าโขกหัวขอขมาอะไรนั้น เทียบกับการที่จะสูญเสียหยางเฉินไป อะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเปรียบ
ถ้าให้หยางเฉินลุกยืนขึ้นมาได้ จะให้พวกเขาคุกเข่าโขกหัว เอากันหัวร้างข้างแตกไปเลย พวกเขาก็ยอม
ทำยังไงได้ สภาพบาดเจ็บของหยางเฉินสุดสาหัสแล้ว อยู่ในขั้นถึงขีดต้องไปแล้ว ตอนนี้คือรอตายเท่านั้น
สุดท้ายทิคาโนะ ทาเคชิก็มองหยางเฉินอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง พูดเสียงหนาวเยือก “ไม่ยอมรับไม่ได้ แกเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายกย่องนับถือคนหนึ่ง ถ้าแกไม่ตาย ให้เวลาแกอีกห้าปี ไม่อ่ะ เพียงสักสามปี แกคนเดียวนี่ จะสยบ นักบูโดได้ทั่วทั้งประเทศซัน!”
“แต่น่าเสียดาย วันนี้ของปีหน้า ต้องเป็นวันครบรอบปีการตายของแก!”
สิ้นเสียงคำพูด เขาก้าวขึ้นหน้าไปหลายก้าวในทันที หยุดลงตรงข้างหน้าหยางเฉิน ยกขาขึ้นเหยียบไปบนอกหยางเฉิน เพียงถ้าใช้แรงเพิ่มลงไป ก็จะฆ่าหยางเฉินในทันทีนั้น
“คุณหยาง!”
นักบูโดจิ่วโจว แต่ละคนเดือดดาลขึ้นกันถึงที่สุด ต่างคนตาทั้งคู่ลุกกลมโต จ้องไปที่ทิคาโนะ ทาเคชิอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ใจแค้นอยากพุ่งเข้าไปฆ่าทิคาโนะ ทาเคชิทิ้ง แต่พลังฝีมือของพวกเขายังอ่อนไปอยู่มาก ต่อให้มีการร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทิคาโนะ ทาเคชิ
อีกประเด็นคือ กติกาการต่อสู้ของหยางเฉินกับทิคาโนะ ทาเคชิ เป็นเดิมพันด้วยชีวิต ถ้ายังไม่เห็นการตาย ถือว่าการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด
“ท่านผู้นี้ดูสง่าสูงศักดิ์จริง!”
ในขณะนั้นเอง เสียงเย็นยะเยือกกระแสหนึ่ง แว่วเข้ามาในทันใด
“ใครกัน!”
นักบูโดประเทศซัน ต่างมองหาเจ้าของเสียงนั้นกันให้วุ่น แต่มองหากันไม่เห็น
ส่วนอาโอกิ ยามาโตะกับคามิชิโร กุนโตที่ออกท่ากร่างกันอยู่เมื่อสักครู่ก่อนนี้ พอได้ยินเสียงนี้เข้า ถึงกับหน้าถอดสีอย่างแรง
“เขาเอง!”
พวกเขาคุ้นกับเสียงนี้เป็นอย่างดี เพราะเพิ่งเมื่อคืนนี้เอง ที่พวกเขาได้สัมผัสกับเจ้าของเสียงนี้
พวกเขากำลังตื่นเต้นกับที่ทิคาโนะ ทาเคชิกำลังจะฆ่าหยางเฉิน ถึงกับลืมคิดถึงผู้แข็งแกร่งที่พวกเขาได้พบที่ยอดเมฆาเมื่อคืนนี้
“เจ้าเป็นใคร?”
เห็นคนที่เข้ามา ทิคาโนะ ทาเคชิขมวดคิ้วย่น สายตาที่มองฝ่ายตรงข้าม มีแววให้เห็นรู้สึกอึ้งหนัก
เขาได้สัมผัสถึงพลังกดดันที่แข็งแกร่ง จากตัวร่างของฝ่ายตรงข้าม
ไป๋หลี่จิงหวินที่ปรากฏให้เห็น ค่อย ๆ ก้าวเดินออกมา ไม่ได้ตอบคำถามทิคาโนะ ทาเคชิ แต่กลับมองไปที่หยางเฉิน แววตาที่เห็นเต็มไปด้วยความสับสน
การมาเยี่ยนตูในครั้งนี้ เขามาด้วยคำสั่ง ให้มาฆ่าหยางเฉิน แต่ที่คิดไม่ถึง ยังไม่ทันรอให้เขามาลงมือ หยางเฉินก็มาถึงใกล้ขีดวาระสุดท้ายแล้ว
ทิคาโนะ ทาเคชิถามย้ำอีกครั้ง “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ในน้ำเสียงของเขา เหน็บไปด้วยความโกรธขึ้งอยู่
ไป๋หลี่จิงหวินเดินไปพูดไปว่า “ไป๋หลี่จิงหวิน!”
พอได้ยินชื่อนี้ ทิคาโนะ ทาเคชิสีหน้าเปลี่ยนไปในฉับพลัน เป็นถึงนายกสมาคมบูโดแห่งประเทศซัน เขามีหรือจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจว?
และในตระกูลบู๊โบราณ หนึ่งในนั้นก็คือตระกูลไป๋หลี่
ชายกลางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้ แซ่ไป๋หลี่ ดูจะมีพลังฝีมือสูงส่ง ฐานะของตัวเขา เห็นอยู่ได้ลาง ๆ
“เป็นคนบ้านตระกูลไป๋หลี่ในตระกูลบู๊โบราณ!”
นักบูโดจิ่วโจว กับแซ่ตระกูลนี้ ยิ่งรู้จักเป็นอย่างดี ถึงกับส่งเสียงร้องขึ้นมาในพลัน
ตู้จ้งมองดูไป๋หลี่จิงหวินด้วยสีหน้าสับสน เขาไม่รู้เป้าประสงค์ในการมาของฝ่ายตรงข้าม แต่เขารู้อยู่ว่า ในไม่กี่วันก่อนนี้ หยางเฉินเพิ่งฆ่านักบูโดคนหนึ่งที่ชื่อไป๋หลี่ฉางคง ก็มาจากบ้านตระกูลไป๋หลี่ในตระกูลบู๊โบราณ
ทิคาโนะ ทาเคชิถามเสียงเย็นเฉียบไปว่า “เจ้าจะมาทำอะไร?”
ไป๋หลี่จิงหวินตอบไร้อารมณ์บนใบหน้าว่า “ข้าเคยรับปากกับเขาไว้ ถ้าเขาตายแล้ว ข้าก็จะต่อสู้เพื่อจิ่วโจวแทนเขา!”
พอคำนี้พูดออกไป นักบูโดจิ่วโจวให้รู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาทั้งหมด
“ยอดเยี่ยมเลย!มีผู้แข็งแกร่งบ้านตระกูลไป๋หลี่ลงมือ พวกเราชนะแน่นอน!”
“คุณท่านไป๋หลี่ พวกนักบูโดประเทศซันเหยียดว่าพวกเราชาวจิ่วโจวในโลกสามัญไม่มีนักบูโดที่มีฝีมือ จึงได้ทำการกดขี่รังแกพวกเรา และยังทำร้ายคุณหยางจนบาดเจ็บสาหัส ท่านต้องไม่ออมมือให้พวกมัน ให้ไอ้พวกผีร้ายประเทศซันพวกนี้รู้บ้าง พวกเราคนจิ่วโจว ไม่ใช่ไร้ซึ่งคนดีมีฝีมือ เพียงแต่ว่าสุดยอดฝีมือแห่งจิ่วโจวนั้น ไม่คิดจะลดตัวลงมาสู้กับพวกมัน”
……
เหล่านักบูโดจิ่วโจว ต่างพากันโอดครวญขอร้อง การปรากฏตัวของไป๋หลี่จิงหวิน ทำให้พวกเขาได้เห็นความหวังอีก
ทิคาโนะ ทาเคชิได้ยินที่ไป๋หลี่ชิงหวินพูดมา สบัดเสียงฮึออกจมูก“แกเป็นตัวอะไร?จะให้ข้าปล่อยมัน แล้วข้าก็ต้องปล่อยมันงั้นหรือ?”
เสียงแค่พูดจบ ขาก็เหยียบขยี้ลงบนอกหยางเฉิน
ใบหน้าของหยางเฉินก็ยิ่งซีดเผือดลง ตาเหลือกโต ดูเหมือนใจจะขาดแล้ว
ไป๋หลี่จิงหวินขมวดคิ้วย่นหนัก หยีตาจ้องทิคาโนะ ทาเคชิพูดว่า “เขามันหมดสภาพแล้ว จะไปทรมานอะไรกันขนาดนั้นทำไม?ปล่อยเขาเถอะ ข้ากับเจ้ามาสู้กันอย่างยุติธรรม (แฟร์ ๆ) !”
“เหอ ๆ!”
ทิคาโนะ ทาเคชิวางท่าอหังการ “ข้าทิคาโนะ ทาเคชิคิดจะทำอะไร ใครจะกล้าขัดขวาง แกไม่ให้ข้าทรมานมัน ข้าก็จะยิ่งทรมานมัน!”
ขาของเขาก็เพิ่มแรงลงไปอีกในทันใด บดขยี้ไปบนหน้าอกของหยางเฉิน