The King of War - บทที่ 1809 หม่าเชาฟื้นแล้ว
บทที่ 1809 หม่าเชาฟื้นแล้ว
เห็นอาการในอารมณ์ของเซี่ยเหอ หยางเฉินถึงกับขรึมไป
ที่เขาพูดเรื่องเหล่านี้กับเซี่ยเหอ ก็เพื่อหลบเลี่ยงที่จะให้เซี่ยเหอถลำลงลึก เขาเองไม่ใช่ซื่อบื้อ รู้ได้อยู่แล้วถึงความในใจของเซี่ยเหอที่มีต่อเขา
แต่ว่า จิตใจของเขา นอกจากฉินซีแล้ว เขาไม่สามารถรับหญิงอื่นเข้ามาได้อีกเลย
เซี่ยเหอพูดตาแดง ๆ “ฉันเข้าใจความหมายของคุณดี และก็รู้อยู่ว่าตัวฉันเองกับคุณไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน คุณวางใจได้ ฉันไม่เกาะตื๊อติดอยู่กับคุณหรอก ไว้ให้งานประชาสัมพันธ์ที่กำลังทำให้บริษัทคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็อย่าได้พบกันอีกเลยจะดีกว่า”
พูดจบ หล่อนเปิดประตูออก เดินหายไปจากสายตาหยางเฉินอย่างรวดเร็ว
หยางเฉินเจ็บใจจนอยากตบปากตัวเองสักฉาด เซี่ยเหอก็ไม่ได้มีความหมายในการที่จะระบายความในใจอะไร ที่สุดกลับเป็นตัวเองปากเปราะ พูดอะไรที่ไปทำร้ายจิตใจเซี่ยเหอ
เขายืนอยู่ที่หน้าบ้านพักหรูของเซี่ยเหอพักหนึ่ง ที่สุดก็ถอนหายใจ แล้วหันกลับตัวจากไป
ในสภาพแบบนี้ ถ้าเขาจะไปหาเซี่ยเหอเพื่อขอโทษ น่ากลัวผลจะออกมากลับกัน ไม่สู้ปล่อยให้เซี่ยเหอได้ตั้งสติสงบคนเดียวเงียบ ๆ ดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ตอนถ่ายทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ครีมยั้งอายุ แล้วค่อยไปขอโทษก็ไม่ใช่จะสายไป
เซี่ยเหอรออยู่ในบ้านหรูหวังว่าหยางเฉินจะตามมาขอโทษ ใจก็นึกอยู่ว่า ขอให้หยางเฉินมาขอโทษ หล่อนก็จะยกโทษให้ แต่รอไปถึงสิบนาที ก็ไม่เห็นหยางเฉินตามเข้ามาขอโทษ แต่กลับเห็นรถหยางเฉินได้ขับจากออกไปแล้ว
มองลิบ ๆ ท้ายรถที่ค่อย ๆ ห่างออกไป เซี่ยเหอมีน้ำตาที่หักห้ามไม่ได้ทะลักออกมา มือคว้าหมอนข้างมาได้หนึ่งหมอน พอให้ได้เป็นที่ระบาย สองมือระดมอัดใส่หมอนข้างนั้น มืออัดไป ปากด่าไป “เจ้าหยางเฉินบ้า!เจ้าหยางเฉินบ้า!ฉันจะสาปแช่งแกพอจะกินหมี่สำเร็จแต่ไม่มีเครื่องปรุงมาให้ แช่งให้แกขับรถไปเครื่องเสียไป…”
พูดจบ หล่อนฉุกคิดขึ้นมาได้ เลยพูดกลับใหม่ “ขับรถเครื่องดับกลางทางมันจะอันตรายไปหน่อย ขอแช่งให้กินบะหมี่สำเร็จไม่มีเครื่องเติมก็พอ!”
หยางเฉินออกจากที่ไปส่งเซี่ยเหอ ก็กลับไปที่ยอดเมฆา
ดูแล้วว่าการนัดประลองยุทธกับพวกแชโบลจากประเทศซันใกล้จะถึงแล้ว ในช่วงก่อนที่จะถึงนี้ เขาต้องหาวิธีจัดการทำให้ยี่ห้อของครีมยั้งอายุดังขึ้นมาให้ได้
“หม่าชาวทำไมยังไม่เห็นมีอะไรขยับ?”
หยางเฉินพอกลับถึงยอดเมฆา ก็ตรงเข้าไปดูหม่าชาว ที่เห็นก็เหมือนหลายวันก่อน เพียงแต่สัญญาณชีพกลับสู่ปกติแล้ว เพียงแต่ยังไม่ยอมฟื้นกลับมา
นี้คือที่หยางเฉินร้อนใจ
ก็ทั้งหมดที่ผ่านมา หม่าชาวก็อยู่ในสภาพสลบไสลมานานถึงครึ่งปีแล้ว ใจเขาก็ห่วงอยู่สุด ๆ
เฝิงเสียวหว่านพูดว่า “พี่หยาง พี่วางใจเถอะ พี่หม่าจะต้องฟื้นกลับมาได้แน่นอน และคงในวันสองวันนี้แหละ”
“ได้งั้นก็ดีสิ!”
ได้เสียงจากเฝิงเสียวหว่าน หยางเฉินก็สบายใจไปอีกมาก ๆ
หวยหลานก็เดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เขามีสายเลือดไป๋หลี่ของตระกูลบู๊โบราณ ภายในร่างกายยังมีลูกแก้วดูดเลือดของราชวงศ์ไป๋หลี่ฝังอยู่ ตามตำนานขานกล่าวกันว่า ลูกแก้วดูดเลือดที่แสนวิเศษนั้นก็มีความหมายถึงการดูดกลืนอยู่แล้ว ต่อให้ตอนนี้มีแก้ววิเศษจรัสราตรีที่มีฤทธิ์อุ่นเป็นคุณสมบัติ โดยศักยภาพของแก้ววิเศษจรัสราตรีนั้น อย่างมากก็สามารถคงอยู่ได้เป็นเวลาครึ่งปี”
“ก็หมายถึงว่า ถึงแม้เขาจะฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ อย่างมากก็ทนอยู่ได้เพียงครึ่งปี หลังจากที่พลังของแก้ววิเศษจรัสราตรีถูกใช้หมดแล้ว ก็จะไม่มีอะไรมาสยบลูกแก้วดูดเลือดได้อีก ถึงเวลานั้น สถานะของเขา ก็จะยิ่งน่าอันตรายหนักมากยิ่งขึ้น”
ฟังเรื่องที่หวยหลานพูด ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก
อ้ายหลินยิ่งลนลานใจขึ้นมาทันที รีบถามไปว่า “ที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
หวยหลานผงกหัว “ฉันเคยอ่านพบในตำราโบราณเล่มหนึ่ง ได้อ่านเจอบันทึกเกี่ยวกับลูกแก้วดูดเลือด ในลูกแก้วดูดเลือดจะเก็บบรรจุพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ สามารถทำเอาพลังฝีมือของผู้แข็งแกร่งเพิ่มอย่างระเบิด ถึงเวลานี้ ก็ยังไม่มีของวิเศษอะไรที่จะมาควบคุมลูกแก้วดูดเลือดนี้ได้”
“ในตำราโบราณบันทึกไว้ว่า ในโลกนี้ จะมีเพียงสิ่งเดียว ที่สามารถดึงเอาลูกแก้วดูดเลือดออกมาจากตัวของคนที่มีสายเลือดไป๋หลี่ได้ มีแต่เพียงจะต้องเอาลูกแก้วดูดเลือดออกจากตัวเขา จึงจะแก้ปัญหายุ่งยากทั้งหมดนี้ได้”
อ้ายหลินรีบถาม “คืออะไรหรือ?”
หวยหลานเอ่ยปาก “สุดยอดวิเศษของตี้ชุน ไม้เท้าตี้!”
หยางเฉินมองไปที่หวยหลานอย่างตื่นใจ คิดไม่ถึงว่าหวยหลานก็รู้จักไม้เท้าตี้
ในครั้งนั้นที่หม่าชาวโดนลูกแก้วดูดเลือดหลุดเข้าไปในตัว หลังจากที่เขาหมดสติไป ก็มีคนลึกลับในชุดคลุมดำ ใส่หน้ากากสีทองเงาวาวปรากฏตัวมา ทำการปิดผนึกฝังลูกแก้วดูดเลือดไว้ในตัวหม่าชาว
ตอนนั้น คนลึกลับนั้นก็มีบอกกับหยางเฉินไว้ ว่ามีแต่ไม้เท้าตี้เท่านั้น ที่จะถอนเอาลูกแก้วดูดเลือดออกจากตัวของหม่าชาวได้ จะต้องเอาลูกแก้วดูดเลือดนี้ออกจากตัวให้ได้เท่านั้น หม่าชาวจึงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้
แต่ว่า ไม้เท้าตี้เป็นของสุดวิเศษของตี้ชุน แม้ว่าหยางเฉินตอนนี้ได้เป็นคิงแห่งเยี่ยนตูแล้ว ว่ากันตามหลัก เขาก็ได้เป็นผู้สืบทอดของตี้ชุนแล้ว แต่ว่า ตี้เทียนผู้แข็งแกร่งแห่งตี้ชุนที่เคยปรากฏตัวมาได้บอกเขาไว้ว่า การคิดจะเข้าไปตี้ชุน อย่างน้อยต้องให้พลังฝีมือของเขาเข้าถึงแดนนภา
มีแต่หยางเฉินที่จะเข้าไปถึงตี้ชุน และรับไม้เท้าตี้มาได้ จึงจะช่วยหม่าชาวได้
แต่ว่าตอนนี้ เขาได้อยู่ที่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด ห่างจากขั้นแดนนภา ยังต้องไปอีกยาวไกล
และหวยหลานก็ได้บอกแล้ว ด้วยพลังฤทธิ์ของลูกแก้วจรัสราตรี อย่างมากก็สยบลูกแก้วดูดเลือดไว้ได้เพียงครึ่งปี
ถ้าหากภายในครึ่งปีนี้ เขาไม่สามารถนำเอาไม้เท้าตี้มาได้ หม่าชาวก็ต้องมีอันตรายเป็นแน่
“ไม้เท้าตี้คืออะไร?พวกเราต้องทำยังไงถึงจะได้ไม้เท้าตี้นั้นมา?”
อ้ายหลินงงอึ้งไปพักหนึ่ง ถามไปที่หวยหลานด้วยความตื่นตระหนก
หวยหลานมองไปที่หยางเฉิน เห็นชัดเจนได้ว่า หล่อนรู้อยู่ว่าหยางเฉินเป็นผู้สืบทอดของตี้ชุน
หยางเฉินเอ่ยขึ้นว่า “ไม้เท้าตี้เป็นของวิเศษสุดของตี้ชุน เวลานี้ตี้ชุนอยู่ที่ไหน ข้าก็ยังไม่รู้จัก เคยมีผู้อาวุโสของตี้ชุนปรากฏตัวมาท่านหนึ่ง ท่านบอกข้าไว้ ขอให้ถึงวันนั้น เมื่อพลังฝีมือของข้าก้าวถึงขั้นแดนนภา ข้าก็จะมีคุณสมบัติเข้าสู่ตี้ชุนได้”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด ทุกคนต่างตะลึงงง
มีแต่ต้องให้พลังฝีมือหยางเฉินเข้าถึงขั้นแดนนภา จึงจะได้มีคุณสมบัติพอในการเข้าไปที่ตี้ชุนงั้นหรือ?
หยางเฉินกำหมัดทั้งสองแน่น ขอเพียงข้าได้เข้าไปในตี้ชุนได้ ก็มีทางที่จะได้ไม้เท้าตี้มา ถึงเวลานั้นก็สามารถแก้ปัญหาแก้วดูดเลือดในตัวหม่าชาวได้อย่างถอนราก
อ้ายหลินถึงแม้ไม่ได้อยู่ในวงการผู้แข็งแกร่ง แต่ก็เข้าใจดีอยู่ พลังฝีมือขั้นแดนนภานั้นสูงล้ำขนาดไหน ตัวหยางเฉินเองเวลานี้พลังฝีมืออยู่แค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด คิดจะใช้เวลาเพียงภายในครึ่งปี ก้าวขึ้นไปให้ถึงขั้นแดนนภา เป็นเรื่องยากดั่งไปสวรรค์
แต่หล่อนก็รู้ดี เวลานี้ก็มีเพียงหยางเฉิน ที่จะเป็นความหวังในการช่วยหม่าชาว
“หยางเฉิน ขอบใจเจ้ามากนะ!”
อ้ายหลินตาแดงมองหน้าหยางเฉินอยู่พักใหญ่ จึงได้เอ่ยปากพูด
“พี่เฉิน!”
ในขณะนั้นเอง เสียงที่คุ้นหูกันมากเสียหนึ่ง ดังขึ้นมาในทันใด
นาทีนั้นเอง สายตาของทุกคน ต่างพากันหันไปที่เสียงนั้น
หยางเฉินก็หันมองไป ตัวของหม่าชาวที่นอนบนเตียงที่เดิม จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น ตาทั้งคู่มองตรงไปที่หยางเฉิน