The King of War - บทที่ 1779 มันไม่ง่าย
บทที่ 1779 มันไม่ง่าย
เมืองหวยเฉิง จวนเมืองหวยเฉิง
หวยเจิ่นนั่งในตำแหน่งหัวหน้า มองลงไปด้านล่างด้วยท่าทางไร้ความรู้สึก
“เจ้าเมือง ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย จวนเมืองหวยเฉิงสูญเสียครั้งใหญ่ ผู้มีอำนาจจำนวนมากต่างจองจับตามองมาที่พวกเรา และพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ พวกเราสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว หากยังคงสู้ต่อไป เกรงว่าทุกคน คงจะตายที่นี่”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งจากจวนเมืองหวยเฉิง มองไปที่หวยเจิ่นและพูด
นับตั้งแต่เจ้าเมืองหวยเฉิงหายตัวไป หวยเจิ่นได้สืบทอดตำแหน่งของเจ้าเมือง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ หวยเจิ่นที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หวยเจิ่นตัวจริง แต่เป็นหุ่นเชิด
ตัวจริงของหวยเจิ่น ได้ถูกดอกเตอร์แบล็กฆ่าตายไปแล้ว
“ท่านเจ้าเมือง ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง ท่านสั่งการได้เลย ให้ทุกคนออกจากจวนเมืองหวยเฉิง! ขอเพียงคนของจวนเมืองหวยเฉิงยังมีชีวิตอยู่ ต้องมีสักวันหนึ่ง เมื่อพวกเรามีกำลังพอที่จะยึดจวนเมืองหวยเฉิงกลับคืน ค่อยกลับมาอีกครั้ง พวกเรามาฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของจวนเมืองหวยเฉิงให้กลับมาอีกครั้ง!”
“เจ้าเมือง ตอนนี้มีเพียงไปจากเมืองหวยเฉิงเท่านั้น พวกเราถึงจะมีทางรอด และจวนเมืองหวยเฉิงก็จะมีความหวังเช่นกัน”
……
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนของจวนเมืองหวยเฉิง ต่างพากันพูด ทุกคนมีความคิดแบบเดียวกัน ก็คือไปจากเมืองหวยเฉิง
“พูดจบแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้น เสียงที่ไม่แยแส เปล่งออกจากส่วนลึกในลำคอของหวยเจิ่น
ทุกคนต่างพากันเงียบ และมองไปที่หวยเจิ่น
ดวงตาของหวยเจิ่นหดหู่ และพูดอย่างเย็นชา “ห้ามใครออกจากจวนเมืองหวยเฉิง ทุกคนเตรียมพร้อม เตรียมพร้อมในการต่อสู้ทุกเวลา!”
เมื่อได้ยินดังนี้ ทุกคนก็ตกใจ
วันนี้ ภายในจวนเมืองหวยเฉิง ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าที่ยังมีชีวิตอยู่ เหลือไม่ถึงสิบคน
ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเมืองหวยเฉิงใช้กำลังปราบปราม จนทำให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์เหล่านั้นยอมจำนน แต่หลังจากที่จวนเมืองหวยเฉิงเผชิญวิกฤตเกิดการเปลี่บนแปลง ต่างก็จากไปทีละคน ในวันนี้ผู้ที่ยังเหลืออยู่ในจวนเมืองหวยเฉิง ล้วนเป็นญาติที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดโดยตรง
แต่ตอนนี้ รอบนอกจวนเมืองหวยเฉิง ก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าหลายสิบคน ทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่จวนเมืองหวยเฉิงเพื่อประสงค์ร้าย พร้อมที่จะเคลื่อนไหวทุกเมื่อ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หวยเจิ่นยังต้องการต่อสู้ นี่ไม่ใช่การสู้กับคู่ต่อสู้ แต่ต้องการให้พวกเขาไปตาย!
“หวยเจิ่น คุณบ้าไปแล้วหรือ?”
อาวุโสท่านหนึ่ง พูดอย่างโกรธเคือง “คุณรู้ไหมว่า เมื่อเริ่มการต่อสู้ มันหมายถึงอะไร? นั่นคือความหวังสุดท้ายของจวนเมืองหวยเฉิง ถ้าสู้ก็ต้องตาย”
หวยเจิ่นเลิกคิ้ว และมองไปที่ชายชราที่กำลังพูดอยู่ ดวงตาทั้งคู่ปรากฏแววพิฆาต รี่ตาลงและพูดว่า “ถึงแม้ทุกคนสู้จนตาย ก็ต้องต่อสู้!”
“ฉันไม่เห็นด้วย!”
ชายชราพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าคุณต้องการไปตาย ก็ไปเอง ฉันไม่เต็มใจไปด้วย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไป
คนอื่นก็เตรียมตัวที่จะจากไป
แต่ในเวลานี้ ร่างกายของหวยเจิ่นก็กลายเป็นเงาเพชฌฆาตในทันที เหมือนชั่วพริบตา ก็พุ่งไปข้างหลังชายชราที่กำลังจะจากไป
“ตูม!”
หวยเจิ่นยกมือขึ้น กระแทกหมัดอย่างหนักหน่วง ลงบนแผ่นหลังชายชรา
ด้วยความตกใจของญาติทางสายเลือดของจวนเมืองหวยเฉิง ชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางคนนั้น พ่นเลือดออกมาเต็มปาก ร่างก็พุ่งกระเด็นออกไป และกระแทกลงสู่พื้นอย่างแรง ร่างกายก็หมดลมหายใจ
ฉากนี้ ทำให้ทุกคนตกใจ
หวยเจิ่นมีความแข็งแกร่งระดับไหน พวกเขารู้ดีกว่าใครๆ อย่างมากที่สุดก็มีความแข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะต้นแต่ตอนนี้ หวยเจิ่นสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือนมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางด้วยหมัดเดียวอย่างง่ายดาย
ตั้งแต่ตอนไหน ความแข็งแกร่งของหวยเจิ่นถึงแข็งแกร่งเพียงนี้?
หวยเจิ่นกวาดสายตาไปทั่ว และพูดอย่างเย็นชา “ใครกล้าออกจากจวนเมืองหวยเฉิง ฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”
ห้องประชุมขนาดใหญ่ ชั่วขณะก็เงียบอย่างกะทันหัน และตอนนี้ทุกคนก็ยังตั้งสติไม่ได้กับฉากตกตะลึงเมื่อกี้
แค่พริบตาหวยเจิ่นก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลาง นั่นหมายความว่า ความแข็งแกร่งของเขา น่าจะอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะปลาย หรือแม้แต่ระดับสูงสุด?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ญาติสายเลือดโดยตรงของจวนเมืองหวยเฉิงที่สูญเสียความหวังไปแล้ว ในแววตาทุกคนต่างก็เริ่มมีความหวัง
ตอนที่เจ้าเมืองเก่ายังอยู่ เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งและในปัจจุบันความแข็งแกร่งของหวยเจิ่น น่าจะอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด จากการลงมือของเขาเมื่อครู่นี้ แค่พริบตาเดียวก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลาง ก็สามารถเห็นและเข้าใจเค้าเงื่อนอย่างชัดเจน
หากหวยเจิ่นได้นำของอาถรรพ์ออกมา ความแข็งแกร่งจะสูงกว่าผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งหรือ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ญาติทางสายเลือดของจวนเมืองหวยเฉิง ไม่มีใครกล้าพูดว่าจะไปจากจวนเมืองหวยเฉิงอีก และทุกคนมองไปที่หวยเจิ่นด้วยความตื่นตระหนก
ในขณะนี้ คนใช้คนหนึ่ง รีบวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “เจ้าเมือง แย่แล้ว หยางเฉินได้พาผู้แข็งแกร่งของจวนมู่มาแล้ว”
“หยางเฉิน!”
ดวงตาของหวยเจิ่นหรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าที่เย็นชาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เหล่ตาและพูดว่า “ฉันรอวันนี้ มานานมากแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ญาติทางสายเลือดของจวนเมืองหวยเฉิง ต่างก็ประหลาดใจ
หวยเจิ่นรอหยางเฉินมาตลอดเหรอ?
ในเวลานี้ ด้านหลังหยางเฉินมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าสิบกว่าคน คนพวกนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือของจวนมู่ ชั่วขณะถูกส่งตัวออกมาพร้อมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของนักดาบเงาเพชฌฆาต
และที่อยู่ข้างๆหยางเฉิน ยังมีร่างคนหนุ่มคนหนึ่ง และข้างหลังยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคน
“ไม่นึกเลยว่า จะมีผู้คนจำนวนมากคอยจ้องจวนเมืองหวยเฉิง”
จู่ๆซ่งอี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที เขาสัมผัสได้ว่า มีออร่าจำนวนมากที่แอบซ่อนตัวอยู่ เห็นได้ชัดว่กำลังคาดหวังอยากได้พลังอำนาจของจวนเมืองหวยเฉิง เพียงแต่ว่าต่างพากันมอง ยังไม่มีใครกล้าลงมือกับจวนเมืองหวยเฉิง
หยางเฉิงมองไปที่ซ่งอี้และพูดว่า “ทางฝั่งพวกเรา ได้เตรียมพร้อมแล้ว ฝั่งพี่ซ่งล่ะ?”
มุมปากของซ่งอี้ยกขึ้นเล็กน้อย และโบกมือ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าทั้งยี่สิบคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ ก็พุ่งออกมาโดยตรงและคุกเข่าด้วยขาข้างหนึ่ง
“ข้าน้อยเฉาเจิ้ง เข้าพบเจ้าเมืองน้อย!”
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นหัวหน้า พูดเสียงดัง
“ขอคารวะเจ้าเมืองน้อย!”
กลุ่มผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าที่อยู่ด้านหลังเฉาเจิ้งต่างพากันพูดเสียงดัง
หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจ ผู้แข็งแกร่งยี่สิบคนที่มีเฉาเจิ้งเป็นผู้นำล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า
เฉาเจิ้งที่เป็นผู้นำ ออร่าในร่างกายนั้นแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม หยางเฉินไม่สามารถรับรู้และสัมผัสได้ แต่เขามีความรู้สึกว่า ความแข็งแกร่งของเฉาเจิ้งนั้น สูงกว่าผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ซ่งอี้
ผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ซ่งอี้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเฉาเจิ้งยังคงเหนือกว่าพวกเขา หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางเฉินก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
เขารู้ว่าซ่งอี้มีภูมิหลังที่ดี เพียงแต่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับจวนซ่งเดิมทีคิดว่าจวนซ่งมีพลังอำนาจที่เท่าเทียมกับจวนเมืองหวยเฉิงกับจวนมู่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาจะประเมินความแข็งแกร่งของจวนซ่งต่ำเกินไป
ก็ดูจากกลุ่มคนที่ยอดเยี่ยมทั้งยี่สิบคนซึ่งมีเฉาเจิ้งเป็นผู้นำ ก็เก่งกว่าจวนเมืองหวยเฉิงกับจวนมู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนเหล่านี้ เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยของจวนซ่งที่เปิดเผยออกมา
ถ้าเช่นนั้น ตัวตนที่แท้จริงของจวนซ่งจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
ซ่งอี้พยักหน้าเล็กน้อย และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันทีแล้วโบกมือ “ลงมือได้!”
ในขณะที่เขาออกคำสั่ง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้ายี่สิบคนจากจวนซ่ง ต่างพากันวิ่งเข้าไปในจวนเมืองหวยเฉิง
หยางเฉินก็ออกคำสั่ง “ลงมือ!”
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ก็รีบวิ่งเข้าไปในจวนเมืองหวยเฉิง
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สามสิบคน วิ่งเข้าไปในจวนเมืองหวยเฉิงพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาพที่น่ามองมาก
เดิมทีผู้แข็งแกร่งจากทุกทิศทุกทางที่ซ่อนตัวแอบมองอยู่ ตอนนี้สีหน้าแต่ละคนดูแย่มาก เดิมทีพวกเขาคิดว่า จากความโกลาหลในจวนเมืองหวยเฉิงจะมีโอกาสได้ผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขาไม่มีความหวังแม้แต่นิดเดียว
จากผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สามสิบคนที่จวนซ่งกับจวนมู่ร่วมมือกันส่งออกมา จวนเมืองหวยเฉิงไม่มีพลังอำนาจต่อต้านใดๆ แม้ว่าผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวและคอยจ้องจับตามองจวนเมืองหวยเฉิงมาโดยตลอด ก็คิดว่าคงจะไม่มีใครกล้าลงมือกับซ่งอี้