The King of War - บทที่ 1310 ล้างแค้นให้น้องชาย
“เดิมทีคุณหยางก็เป็นถึงบุคคลที่อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ามาหาคุณหยาง แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์เช่นกัน”
สีหน้าของลู่หยวนทงยิ่งซีดขาวเข้าไปอีก “นี่มันสวรรค์กำลังจะทำลายตระกูลลู่!”
ในใจของเขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง มันไม่ง่ายเลยที่ตระกูลลู่จะกลายเป็นเจ้าแห่งหนิงโจวในปัจจุบัน แต่ปรากฏว่านี่เพิ่งจะวันแรกก็ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์คนหนึ่งแล้ว
อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งก็สามารถทำลายตระกูลลู่
เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ ตระกูลลู่มีแต่ตายสถานเดียว
“คุณหยาง ตกลงคุณอยู่ไหนกันแน่!”
ลู่หยวนทงเงยหน้าขึ้นคร่ำครวญใส่ท้องฟ้า ดวงตาทั้งคู่แดงเก่า เต็มไปด้วยอารมณ์ของการอ้อนวอน
ปัจจุบัน คนที่สามารถช่วยตระกูลลู่มีเพียงหยางเฉินเท่านั้น!
“ไปตายซะ!”
หลงเยว่คำรามอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นมีกลิ่นอายวิถีบู๊ที่รุนแรงกว่าสายหนึ่งระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ ตะเกียบคู่นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ ไปรวมกันที่ตรงหน้าของเขา
“ฆ่า!”
ได้ยินเพียงหลงเยว่ตะคอกด้วยความโกรธ กลิ่นอายวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกไปทุกสารทิศทาง
ในขณะเดียวกัน ตะเกียบนับร้อยข้างที่มารวมอยู่ตรงหน้าของเขาพุ่งเข้าไปหาผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นราวกับกระสุน
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ทำหน้าเหมือนเห็นผี ในแววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“บูม!”
ในช่วงของความเป็นความตาย มีเสียงระเบิดที่รุนแรงดังขึ้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ พวกตะเกียบที่พุ่งเข้ามาหาทุกคน ในขณะที่กำลังจะทะลวงร่างกายของคนพวกนั้น หยุดชะงักตกลงพื้นอย่างกะทันหัน
ตอนที่ทุกคนก้มลงมอง ความตกใจของพวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เห็นเพียงตะเกียบทุกข้างแทงใส่บนใบไม้
หรือก็คือ ใบไม้หยุดตะเกียบที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง?
มันเป็นไปได้ยังไง?
ในหัวของทุกคนมีความคิดที่เหมือนกันปรากฏขึ้น เพียงแต่ความจริงวางอยู่ตรงหน้า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
“คุณหยาง!”
ในที่สุดลู่หยวนทงก็มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขาดีใจจนร้องไห้ทันที
หลังจากได้ยินคำพูดของลู่หยวนทง ทุกคนเพิ่งตั้งสติได้ แต่ละคนเงยหน้าขึ้นมองร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลงเยว่ ในแววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
มีผู้คนมากมายไม่รู้ว่าคุณหยางเป็นใคร เดิมทีคิดว่าเป็นคนแก่ที่มีอายุค่อนข้างเยอะคนหนึ่ง แต่พวกเขาเพิ่งจะรู้ตอนนี้ คุณหยางที่ตระกูลลู่พูดถึง ที่แท้เป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง
เมื่อกี้ คนที่ช่วยพวกเขาเอาไว้ก็คือชายหนุ่มคนนี้เหรอ?
ตอนนี้ ในแววตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ สายตาจ้องหลงเยว่ไม่กระพริบตา กัดฟันแน่นพูด “คุณเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ แต่กลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับคนธรรมดา แบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า?”
“คุณก็คือหยางเฉิน?”
สีหน้าของหลงเยว่เต็มไปด้วยความทะนงตน ตอนที่มองไปทางหยางเฉิน ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
สำหรับคำถามของหยางเฉิน เขาไม่คิดจะตอบ
“คุณเป็นใคร?”
หยางเฉินก็ไม่สนใจคำถามก่อนหน้านี้ แต่รู้สึกสงสัยมากว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องมาหาตนเองที่บ้านตระกูลลู่
“เมืองหวยเฉิง หลงเยว่!”
หลงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“หวยเฉิง?”
สำหรับเมืองหวยเฉิง หยางเฉินเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก แต่ฟังจากชื่อแซ่ของอีกฝ่าย หยางเฉินพอคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว
“คุณเป็นคนของราชวงศ์หลง!” หยางเฉินเข้าใจทันที
หลงเยว่ยิ้มอย่างดูถูก “สำหรับผม ผมมีญาติเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลงเคอน้องชายของผม และสถานะของผมในตอนนี้คือลูกเขยของจวนเจ้าเมืองหวยเฉิง!”
วินาทีนี้ ในที่สุดหยางเฉินก็เข้าใจแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงมาหาตนเอง
หลงเยว่พูดแล้ว ในราชวงศ์หลง เขายอมรับน้องชายของเขาหลงเคอเพียงคนเดียว นั่นก็หมายความว่าที่เขามาเพื่อออกหน้าแทนหลงเคอ?
เพียงแต่ ในเมื่อหลงเย่บอกว่าหลงเคอเป็นน้องชายของเขา แสดงว่าเป็นคนของราชวงศ์หลง แล้วทำไมฟังจากน้ำเสียงของเขาเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์หลง?
เขายังบอกอีกด้วย ตนเองเป็นลูกเขยของจวนเจ้าเมืองแห่งเมืองหวยเฉิง แล้วจวนเจ้าเมืองหวยเฉิงเป็นสถานที่แบบไหน?
หรือว่าจวนเจ้าเมืองหวยเฉิงก็เป็นตระกูลโบราณเหมือนกัน?
เพียงแต่ บุญคุณความแค้นระหว่างเขาและหลงเคอ มันไม่ได้หนักหนาถึงขั้นนี้หรอกมั้ง?
ก่อนหน้านี้เขาฆ่าคนของราชวงศ์หลงไปหลายคน แต่คนที่ถูกฆ่าล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์หลง ไม่ใช่หลงเคอ!
“คุณมาเพื่อออกหน้าแทนหลงเคอ?”
หยางเฉินถาม
เห็นสีหน้าที่นิ่งสงบของหยางเฉิน หลงเยว่ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “คุณฆ่าหลงเคอน้องชายของผม ถึงขั้นยังกล้ามาถามว่าผมมาเพื่อออกหน้าแทนเขาใช่หรือเปล่า?”
“อะไรนะ? หลงเคอตายแล้ว?”
หยางเฉินได้รับรู้ข่าวเรื่องนี้อย่างกะทันหัน รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
“หรือคุณไม่ได้เป็นคนฆ่าน้องชายของผมเหรอ?”
หลงเยว่กัดฟันแน่นพูด “ถ้าคุณไม่ได้เป็นเพราะคุณฆ่าน้องชายของผม ทำไมผมต้องออกจากเมืองหวยเฉิง เดินทางมาหาคุณในสถานที่ห่างไกลอย่างจิ่วโจวแบบนี้?”
“ไอ้หนู ยอมรับความตายซะเถอะ!”
หลงเยว่คำรามด้วยความโกรธ เขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน พุ่งตรงเข้าไปหาหยางเฉินโดยตรง
เพียงแค่พริบตาเดียว บนตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายวิถีบู๊ของแดนเหนือมนุษย์ สิ่งที่ทำให้หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจคือ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเป็นถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสอง
“ไสหัวไป!”
สำหรับการลงมือไม่รู้จักแยกแยะของหลงเยว่ หยางเฉินไม่มีความปราณีแม้แต่นิดเดียว เข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งในพริบตา ชกหมัดออกไป
“ปัง!”
กำปั้นทั้งคู่ปะทะเข้าหากัน ระเบิดกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งออกมาอย่างกะทันหัน กวาดต้อนออกไปโดยรอบทุกสารทิศ
ผู้คนในห้องจัดเลี้ยง ภายใต้การปะทะกันครั้งนี้ แต่ละคนโดนสะเทือนจนร่างกายสั่นสะท้าน ลอยกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของวิถีบู๊ กวาดต้อนไปทั่วทุกสารทิศภายในห้องจัดเลี้ยง ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด
ทุกคนตกใจจนมองตาค้าง ด้วยวิสัยทัศน์ของพวกเขา ปกติได้เห็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลายก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว ส่วนผู้แข็งแกร่งแดนเทพ พวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้เห็นด้วยซ้ำ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ ตอนนี้พวกเขารู้สึกเพียงเลือดลมภายในปั่นป่วน ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส
นี่เป็นเพียงการปะทะกันครั้งเดียวของผู้แข็งแกร่งสองคน กลิ่นอายที่ระเบิดออกมายังน่ากลัวถึงเพียงนี้
หลังจากการโจมตีของหยางเฉินและหลงเยว่ ไม่มีใครถอยหลัง คนทั้งสองยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม เพียงแต่พื้นที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาจมลึกลงไปแล้ว
“เป็นอย่างที่คิด วิถีบู๊ของคุณ ก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์แล้ว!”
ผ่านไปสักพักใหญ่ หลงเยว่หรี่ตาลง ในแววตาปรากฏให้เห็นความตกใจหลายส่วน
แม้แต่เขาที่มีสถานะเป็นลูกเขยของจวนเจ้าเมืองหวยเฉิง สามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ในช่วงอายุสี่สิบกว่า ปัจจุบันอายุห้าสิบห้า ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสองเท่านั้น
ถึงเขาอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสอง แต่อยู่ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามไม่ไกล เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา โดยทั่วไปถึงเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ตอนนี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุเพียงยี่สิบเจ็ดแปด ถึงขั้นสามารถระเบิดพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสองเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย
ในเมืองหวยเฉิงที่ซึ่งวิถีบู๊เฟื่องฟู ถึงเป็นจวนเจ้าเมืองก็ไม่เคยมีคนที่สามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ในระหว่างอายุสามสิบปี
“คุณเป็นใครกันแน่?”
หลงเยว่ถามอย่างกะทันหัน
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “ผมเป็นใคร คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว แต่ผมขอบอกคุณ การตายของหลงเคอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม”
“ด้วยระดับแดนวิถีบู๊ของคุณน่าจะรู้ดี ด้วยระดับแดนวิถีบู๊ของผม ถ้าหากต้องการฆ่าหลงเคอสามารถหลบเลี่ยงทุกคน”
“คุณต้องกำลังถูกใครบางคนหลอกใช้ ถึงโยนการตายของหลงเคอมาที่ตัวผม”
หลังจากได้ยินหยางเฉินพูดแบบนี้ หลงเยว่ขมวดคิ้ว เขารู้ หยางเฉินไม่ได้พูดโกหก