The King of War - บทที่ 1309 ตกเป็นเป้าหมาย
“ลู่ชวน แกรีบติดต่อลู่ฉิงเสว่เดี๋ยวนี้ ดูว่าเธอสามารถติดต่อคุณหยางได้หรือเปล่า”
ลู่หยวนทงรีบหันไปออกคำสั่งลู่ชวน
จะออกไปตอนนี้ก็ไม่กล้า ทำได้แต่โทรศัพท์เท่านั้น
ลู่ชวนโทรหาลู่ฉิงเสว่ทันที หลังจากนั้นรีบถาม “ฉิงเสว่ เธอสามารถติดต่อคุณหยางได้หรือเปล่า? ถ้าหากได้ บอกให้เขารีบมาช่วยตระกูลหยางของพวกเราภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้นตระกูลลู่ของเราจบสิ้นแน่”
“พ่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ลู่ฉิงเสว่ได้รับโทรศัพท์จากลู่ชวนอย่างกะทันหัน บอกว่าต้องการพบหยางเฉิน ชั่วขณะเธอก็เริ่มรู้สึกร้อนใจด้วยจึงรีบถาม
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ต้องให้คุณหยางกลับมาในเวลาสิบนาที!”
ลู่ชวนเริ่มตะคอกด้วยความโกรธ “เลิกพูดไร้สาระ รีบติดต่อเขาเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ เขากดวางสายทันที
“ฉิงเสว่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เห็นท่าทางที่มึนงงของลู่ฉิงเสว่ โม่เชียนเชียนรู้สึกร้อนใจจึงรีบถาม
ลู่ฉิงเสว่ตั้งสติได้ รีบพูดกับโม่เชียนเชียน “เกิดเรื่องแล้ว เชียนเชียน เธอสามารถติดต่อคุณหยางหรือเปล่า? ต้องให้เขามาถึงตระกูลลู่ภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้นตระกูลลู่จบแน่”
เธอรู้ดี พ่อของตนเองไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน ในเมื่อบอกว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากอย่างแน่นอน
“ฉิงเสว่ ฉันก็ไม่มีช่องทางการติดต่อของพี่ชาย!”
โม่เชียนเชียนรีบพูด
เห็นท่าทางที่ร้อนใจของลู่ฉิงเสว่ เธอรีบพูดเสริม “คุณใจเย็นก่อน ฉันจะลองดูว่าสามารถตามหาพี่ชายเจอหรือเปล่า”
พูดจบ โม่เชียนเชียนกดโทรหาใครบางคน “ฉันต้องการช่องทางการติดต่อของหยางเฉินภายในสามนาที”
โม่เชียนเชียนในตอนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีกลิ่นอายของความสูงศักดิ์แผ่ซ่านอยู่รอบตัว
ในขณะเดียวกัน หยางเฉินออกจากตระกูลลู่แล้ว ในแววตาของเขามีความเย็นชาปะปนอยู่หลายส่วน “ในเมื่อตระกูลเย่และตระกูลหลงต้องการเอาชีวิตของฉัน ฉันไปหาตระกูลเย่ก่อนก็แล้วกัน”
ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวออกเดินทาง เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“สวัสดี ไม่ทราบว่า……”
ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากถาม ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยสายหนึ่งดังขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร้อนใจมาก “พี่หยาง ขอร้องคุณช่วยตระกูลลู่ด้วย ถ้าหากคุณมาไม่ถึงตระกูลภายในเวลาสิบนาที ตระกูลลู่ต้องล่มสลายแน่”
“อะไรนะ?”
หยางเฉินเพิ่งขึ้นรถแท็กซี่ที่ไปสนามบิน หลังจากได้ยินคำพูดของลู่ฉิงเสว่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที รีบหันไปพูดกับโชเฟอร์ “กลับรถ ไปบ้านตระกูลลู่”
“วันนี้คนไปบ้านตระกูลลู่เยอะจริงๆ”
หลังจากโชเฟอร์แท็กซี่กลับรถ เขาหัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด
คำพูดประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของหยางเฉินทันที “ก่อนผม มีคนไปบ้านตระกูลลู่?”
“ใช่ ผมรับแขกคนเมื่อกี้มาจากสนามบินไปบ้านตระกูลลู่นี่แหละ หลังจากนั้นรับคุณขึ้นรถระหว่างทางกลับจากตระกูลลู่ ปรากฏว่าคุณจะไปตระกูลลู่อีกคน”
โชเฟอร์แท็กซี่หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด “แต่คนก่อนหน้านี้ที่ไปบ้านตระกูลลู่เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน การแต่งตัวก็ดูแปลกประหลาด ดูแล้วน่าจะอายุประมาณห้าสิบกว่า แต่กลับสวมชุดฮั่นฝูที่กำลังนิยม”
“ก็ไหนบอกว่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้นิยมใส่ชุดฮั่นฝูไม่ใช่เหรอ? ผู้ใหญ่วัยกลางคนก็สนใจชุดฮั่นฝูด้วยเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของโชเฟอร์ รูม่านตาของหยางเฉินหดเล็กลง
เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ในจิ่วโจว ยังมีตระกูลโบราณที่ถูกสืบทอดต่อกันมานับร้อยปี พวกเขาอาศัยอยู่ในขอบเขตของตนเองมาโดยตลอด
และที่ผ่านมา ตระกูลโบราณพวกนี้หลบซ่อนตัวไม่เคยออกสู่โลกภายนอก การแต่งตัวของพวกเขาก็สืบทอดต่อกันมานับร้อยปี หรือแม้กระทั่งอาจจะพันปี
เมื่อกี้นี้เอง ลู่ฉิงเสว่โทรศัพท์มาบอกว่าตระกูลลู่กำลังจะล่มสลาย หรือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งของตระกูลโบราณ?
อีกฝ่ายบอกชื่อต้องการพบตนเอง หรือว่า เขาตกเป็นเป้าหมายของผู้แข็งแกร่งตระกูลโบราณแล้ว?
นึกถึงตรงนี้ หยางเฉินยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้น อีกฝ่ายต้องการมาหาเขาโดยเฉพาะ แต่กลับไปบ้านตระกูลลู่
ถ้าอีกฝ่ายเริ่มเปิดการสังหารในบ้านตระกูลลู่ เกรงว่าทุกคนที่อยู่ในบ้านตระกูลลู่ต้องตายหมดแน่นอน!
“เร็วเร็วเร็ว! ต้องไปถึงบ้านตระกูลลู่ภายในห้านาที!”
หยางเฉินรู้สึกร้อนใจแล้ว เริ่มตะคอกด้วยความโกรธ หยิบเงินหลายพันหยวนออกจากกระเป๋าทั้งหมด
ถึงแม้โชเฟอร์แท็กซี่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากเห็นเงินหลายพันหยวน รีบเร่งความเร็วจนถึงขีดสุดทันที
“โห่ง”
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังขึ้น รถแท็กซี่พุ่งตรงไปทางบ้านตระกูลลู่อย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยงของตระกูลลู่ หลงเยว่กำลังกินอย่างเมามันในขณะที่ทุกคนรู้สึกตกใจ อาหารเลิศรสบนโต๊ะถูกหลงเยว่กินไปแล้วกว่าครึ่ง
ตกลงคนคนนี้หิวมากแค่ไหนกันแน่?
“อาหารของโลกภายนอกไม่เลว เมื่อเทียบกับเมืองหวยเฉิง แตกต่างกันราวกับฟ้าดิน”
หลงเยว่เรอเสียงดัง ก้มมองเวลาแวบหนึ่ง กวาดสายตามองผู้คน “ยังเหลือสองนาทีสุดท้าย!”
คำพูดของเขา เหมือนเป็นการเตือนความตายจากยมทูต ทำให้ทุกคนตกใจจนหน้าซีด
“ลู่หยวนทง ตกลงติดต่อคุณหยางเฉินได้หรือเปล่า?”
“ถ้าเขายังไม่มา พวกเราตายกันหมดแน่!”
“ลู่หยวนทง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา ตระกูลของพวกเราร่วมมือกัน ตระกูลลู่ของพวกคุณรับมือไม่ไหวแน่นอน!”
……
ทุกคนโกรธจนถึงขีดสุด พวกผู้นำของตระกูลใหญ่ที่เอาอกเอาใจลู่หยวนทงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถึงขั้นมีคนชี้หน้าด่าลู่หยวนทงโดยตรง
สีหน้าของลู่หยวนทงเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด ไม่ว่าคนพวกนี้จะโวยวายยังไงเขาก็ไม่สนใจ
ตอนนี้ ถึงจะร้อนใจยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวของหยางเฉิน
ยังเหลือเวลาอีกสองนาทีไม่ใช่เหรอ?
เวลาผ่านไปทีละนิด ถึงเวลาสองนาทีอย่างรวดเร็ว
หลงเยว่ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ถึงเวลาที่ผมให้พวกคุณแล้ว ดูเหมือน หยางเฉินไม่กลับมาแล้ว”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ผมคงต้องฆ่าพวกคุณทุกคนให้หมด ทำให้เขารู้ว่าผลลัพธ์ของการกล้าล่วงเกินราชวงศ์หลงร้ายแรงแค่ไหน!”
หลังพูดจบ มีแรงกดดันวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกจากตัวของเขา
วินาทีนี้ ภายในห้องจัดเลี้ยงที่กว้างใหญ่ ทุกคนรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกกดทับด้วยภูเขาลูกใหญ่
“กึก!”
“กึก!”
……
เพียงแค่พริบตาเดียว ทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น
ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องการคุกเข่าคำนับหลงเยว่ แต่เป็นเพราะแรงกดดันวิถีบู๊ของหลงเยว่แข็งแกร่งเกินไป กดดันจนพวกเขาไม่กล้าหายใจแรง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลุกขึ้นยืน
ผู้แข็งแกร่งบางคนที่ความแข็งแกร่งค่อนข้างด้อย สีหน้าแดงก่ำ และถึงขั้นมีคนถูกแรงกดดันวิธีบู๊ที่แข็งแกร่งสายนี้กดดันจนกระอักเลือดหมดสติไปโดยตรง
“นายท่านไว้ชีวิตด้วย!”
“พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ แค่ถูกเชิญมางานเลี้ยงเท่านั้น ได้โปรด นายท่านปล่อยพวกเราไปเถอะ”
“นายท่าน ทุกเรื่องย่อมต้องมีคนรับผิดชอบ หยางเฉินของตระกูลลู่ล่วงเกินคุณ คุณไปตามหาหยางเฉินล้างแค้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย!”
……
มีเสียงร้องคร่ำครวญดังก้องในห้องจัดเลี้ยง
ดวงตาของลู่หยวนทงก็แดงก่ำเช่นกัน ในแววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
คุณฉีผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลลู่ก็คุกเข่าอยู่ข้างกายของลู่หยวนทง พูดด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง “คนคนนี้แข็งแกร่งมาก ไม่แน่ อาจจะทะลวงแดนเทพชั้นยอดแล้ว”
“อะไรนะ? ก้าวข้ามแดนเทพชั้นยอด?”
ลู่หยวนทงตกตะลึง
คุณฉีพยักหน้า “ผมเคยเจอผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอด แต่กลิ่นอายวิถีบู๊ที่สัมผัสได้จากตัวของพวกเขา สู้กลิ่นอายวิถีบู๊ของคนคนนี้ไม่ได้เลยสักนิด”