The King of War - บทที่ 1097 เรื่องกังวลของกลุ่มพันธมิตร
“ไอ้เจ้าหลิวเหล่าก้วยผู้นี้ มันจะโอหังมากไปมั้ง?ถึงแม้เขาจะเป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นแดนเทพ คิดจะสูบเลือดผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสี่ให้แห้งไป หรือเขาคิดว่าตัวเองนั้นเหนือเกินกว่าขั้นเทพที่มีอยู่หรือไง?”
กษัตริย์เซวพูดเสียงขรึมทันที แต่พอพูดถึงคำหลังนั้น พลันมีสีหน้าสะท้านกลัว “ไม่น่าใช่มัง หลิวเหล่าก้วยจะคิดว่าตัวเองก้าวข้ามผู้แข็งแกร่งแดนเทพที่มีอยู่เชียวหรือ?”
กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เฉาก็มีสีหน้าเปลี่ยน ต่างใช้สีหน้าที่ไม่อยากเชื่อมองไปที่กษัตริย์ไป๋
กษัตริย์ไป๋หัวเราะแล้วส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ลูกศิษย์คนโตของเขาถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ แต่ฝีมือในระหว่างเขาทั้งสอง ก็มีความห่างกันอยู่ไม่น้อย”
“จะว่าไป ช่วงห่างในระหว่างผู้แข็งแกร่งแดนราชาด้วยกัน ยังทิ้งช่วงห่างกันอยู่มาก ยิ่งในผู้แข็งแกร่งแดนเทพด้วยกันน่ากลัวจะทิ้งห่างกันมากยิ่งไปกว่า”
“หลิวเหล่าก้วยให้แข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะก้าวข้ามขั้นเทพไปได้ ถ้าหากเขาแข็งแกร่งเทียบเท่าข้าได้จริง มีหรือจะถูกจำกัดบริเวณอยู่ในเมืองเหมียว?”
ได้ยินที่กษัตริย์ไป๋พูด กษัตริย์องค์อื่น ๆ สีหน้าค่อยดูดีขึ้นอีกมาก
ในสายตาพวกเขา ระดับขั้นเทพนี่ก็สูงชนเพดานแล้ว ที่ว่ากันมีสูงกว่าขั้นเทพนั้น ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แต่ว่า ที่หลิวเหล่าก้วยได้อ้างถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพสี่คนนั้น เวลานี้ที่เห็นก็มีหยางเฉินอยู่คนเดียว พวกเราจะไปหาที่ไหนมาได้อีกสามผู้แข็งแกร่งขั้นเทพ?”
กษัตริย์เฉาขมวดคิ้วถาม
หลิวเหล่าก้วยไม่มีความคิดทะเยอทะยานในตี้ชุน นั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ทว่า ที่เขาอยากได้ผู้แข็งแกร่งแดนเทพถึงสี่คน ความคิดนี้ ดูจะบ้าไปหน่อยไหม?
นัยน์ตากษัตริย์ไป๋ฉายแววเป็นประกาย พูดขึ้นมาในทันใด “หรือพวกท่านคิดเป็นจริงว่า เรื่องการชิงตี้ชุนในเวลานี้ จะมีเพียงแค่กลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงและกองกำลังยุทธการเท่านั้นหรือ?”
“หรือจะว่า ยังมีกลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแทรกอีก?”
กษัตริย์หม่าพูดหน้าตื่น
กษัตริย์ไป๋ผงกหัว “เท่าที่ข้ารู้ ราชวงศ์ตระกูลหลงได้มีการเตรียมพร้อมอยู่ สามารถส่งคนเข้าเยี่ยนตูได้ทุกเมื่อ”
กษัตริย์อื่น ๆ ได้ยินข่าวนี้เข้า แต่ละกษัตริย์มีสีหน้าผวาตื่นขึ้นมาในฉับพลัน “ตระกูลราชวงศ์ก็จะมาร่วมวงด้วยหรือ?”
“กองกำลังยุทธการส่งแต่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพหยางเฉินออกมา แค่นี้ก็ยากที่พวกเราจะรับมือแล้ว หากตระกูลราชวงศ์ก็ลงมาเล่นด้วย แล้วส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพมาอีกหลายคน กองกำลังแนวร่วมตระกูลคิงของพวกเรา ยังจะมีโอกาสอีกหรือ?”
ข่าวเรื่องนี้ สำหรับกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิง เป็นภัยพิบัติแท้
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังยุทธการ หรือตระกูลราชวงศ์ ต่างก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเทพอยู่ มีก็แต่กลุ่มพันธมิตร เท่าที่มีจัดว่าแข็งกล้าที่สุดก็แค่ระดับกึ่งแดนเทพ
ความห่างของกึ่งแดนเทพกับขั้นแดนเทพ มันไม่ใช่เพียงแค่ขั้นครึ่งขั้น ต่อให้ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตรที่มีอยู่เข้าไปอยู่ในเยี่ยนตู คิดว่าก็ยังไม่มีโอกาสที่จะเข้ายึดตี้ชุนได้
“ข้ารู้แล้ว!”
คิงเซวพูดขึ้นมาในทันใดนั้น “กษัตริย์ไป๋ ที่ท่านพูดเมื่อครู่นี้ว่า หลิวเหล่าก้วยเขาจะร่วมมือกับพวกเรา แต่ต้องให้พวกเราหาผู้แข็งแกร่งขั้นเทพให้เขาสี่คน”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด กษัตริย์ไป๋ท่านคงหมายถึง โยนไฟใส่ให้กับการแก่งแย่งชิงกันในเยี่ยนตู ให้ตระกูลราชวงศ์กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วใช่ไหม?”
“เพราะมีแต่ทางนี้ จึงจะทำให้หลิวเหล่าก้วยหาผู้แข็งแกร่งแดนเทพได้อีกสามคน”
กษัตริย์ไป๋หัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดัง “สมแล้วที่เป็นคิงเซว ฉลาดปราดเปรื่องจริง ๆ!มิผิด นั่นคือความคิดของข้า ตระกูลราชวงศ์จ้องหวังตี้ชุนมานานแล้ว เพียงแต่กฎบัญญัติที่คนผู้นั้นวางไว้ตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน พวกเขาไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน”
“เวลานี้ กลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงเข้าครองเยี่ยนตู ก็ยังไม่เห็นมีใครขัดขวาง ถ้าจะให้ผลเป็นการฝ่าฝืนกฎบัญญัติ มันก็เป็นปฏิบัติการเริ่มต้นของพวกเรากลุ่มพันธมิตรตระกูลคิง”
“ก็ในเมื่อกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงของพวกเราเริ่มต้นเข้ามายึดครองแล้วไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ตระกูลราชวงศจะเข้ามายึด ก็ต้องไม่มีปัญหาอะไร”
“พวกท่านลองว่ามาซิ สถานะภาพเป็นถึงขั้นนี้ ตระกูลราชวงศ์ยังจะวางตัวอยู่นอกวงอีกหรือ?”
ได้ยินกษัตริย์ไป๋แยกแยะให้ฟัง เหล่าคิงทั้งหลายก็ผงกหัวเห็นด้วยกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ช่วยกันเติมไฟใส่ให้ตี้ชุน ให้ตระกูลราชวงศ์เร่งส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพออกมา พอเมื่อมีได้ถึงสี่คน ก็เป็นเวลาที่หลิวเหล่าก้วยจะลงมือแล้ว”
กษัตริย์ไป๋เก็บสีหน้ายิ้มแย้มของเขาลงไปในทันใด หยีตาพูดไปว่า “หลิวเหล่าก้วยในเมื่อกล้าที่จะเอาเลือดพวกสี่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพมาเลี้ยงแมลงพิษกู่ของเขา ถ้างั้นแล้วไม่ว่าจะตระกูลราชวงศ์หรือกองกำลังยุทธการ หากพวกผู้แข็งแกร่งขั้นเทพของพวกเขา กล้าเหยียบเข้ามาในเยี่ยนตู ก็มีแต่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ไม่มีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพเข้ามายุ่งด้วย อีกทั้งข้างหลังพวกเรายังมีหลิวเหล่าก้วยที่แข็งกล้าแบบนี้หนุนหลังอยู่ นอกจากกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงพวกเรานี่ ยังมีใครจะมาชิงตี้ชุนไปได้?”
เหล่าคิงทั้งหลายสีหน้าดูแดงฉ่ำชุ่มชื่น ตื่นเต้นกันหาใดเปรียบได้ไม่
“ท่านกษัตริย์เฉา ในเมืองคิงเฉาของท่าน ใช่มีตระกูลฉินอยู่ไหม?”
กษัตริย์ไป๋จู่ ๆ ก็ถามกษัตริย์เฉาขึ้นมา
กษัตริย์เฉาอึ้งขึ้นมานิด ไม่รู้กษัตริย์ไป๋จู่ ๆ ถามถึงตระกูลฉินทำไม ผงกหัวตอบไป “ตระกูลฉินในเมืองเฉา เป็นตระกูลอันดับหนึ่งรองจากตระกูลเฉา ผู้นำตระกูลพวกเขาคือฉินหรูเฟิง หลายปีที่ผ่านมา พลังฝีมือก้าวถึงขั้นสุดท้ายแดนราชา ครั้งก่อนที่ได้พบกับเขา ขนาดข้า ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากภายในตัวเขา”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ระดับขั้นพลังฝีมือของเขา น่ากลัวต้องไปถึงขั้นสุดยอดแดนราชาแล้ว!”
“กษัตริย์ไป๋ จู่ ๆ ท่านก็มาถามถึงตระกูลฉินทำไมหรือ?”
กษัตริย์ไป๋ส่ายหน้า “ด้วยลูกศิษย์ของหลิวเหล่าก้วยมาบอกข้าเอง ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมานี้ ฉินหรูเฟิงตายแล้ว!”
“เขาให้ข้ามาถามท่าน การตายของฉินหรูเฟิงเกี่ยวอะไรกับท่านหรือไม่ ถึงยังไงกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงก็ได้ตกลงร่วมมือกันกับหลิวเหล่าก้วยแล้ว พวกเขาเกรงว่าระหว่างพวกเราจะเกิดมีเรื่องบาดหมางกันเอง”
กษัตริย์เฉาขณะที่ได้รับข่าว อึ้งงงขึ้นมา ตื่นตระหนกอย่างสุด ๆ “ฉินหรูเฟิงตายแล้ว?เป็นไปได้ยังไง?ในเมืองเฉา กำลังของตระกูลฉินแค่เพียงรองจากตระกูลคิงเฉาเท่านั้น”
“ส่วนตัวของฉินหรูเฟิงเอง แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกกดดัน เวลาอยู่ใกล้ตัวเขา นอกเสียแต่จะมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ไม่งั้นเขาจะตายไปได้ยังไง?”
ได้ยินที่กษัตริย์เฉาพูดดังนั้น กษัตริย์ไป๋ขมวดคิ้วย่น “ในเมื่อลูกศิษย์หลิวเหล่าก้วยเป็นคนบอกมา เชื่อว่าไม่ใช่ข่าวปลอมเป็นแน่ ดูท่า ในตระกูลฉินต้องเกิดเหตุอะไรแน่ ท่านน่าจะรีบสืบความให้รู้ชัดนะ”
“ได้ ข้าจะรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
สีหน้ากษัตริย์เฉาดูว้าวุ่น รีบออกจากการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
ขณะที่พระองค์กำลังพูดถึงฉินหรูเฟิง เท็จจริงแล้วก็มีเก็บงำอะไรบางอย่างอยู่
ขณะอยู่เบื้องหน้าฉินหรูเฟิง พระองค์ไม่เพียงมีความรู้สึกมีอะไรกดดัน อีกทั้งได้รู้สึกอย่างชัด ๆ ถึงพลังอานุภาพในตัวของฉินหรูเฟิง ที่แข็งแกร่งยิ่งไปกว่าพระองค์เองอีก
เป็นที่ชัดเจนว่า พลังฝีมือของฉินหรูเฟิง ได้ทิ้งห่างจากพระองค์ไปอย่างมาก
หากว่าฉินหรูเฟิงถูกฆ่าจริง นั่นหมายถึงว่า คนที่สังหารฉินหรูเฟิงนั้น สามารถจะสังหารพระองค์ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
“กษัตริย์ไป๋ ตระกูลคิงเฉาคงไม่มีเหตุการณ์อะไรนะ?”
ในห้องประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ กษัตริย์เซวถามด้วยสีหน้าห่วงใย “เวลานี้ในกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิง ขาดไม่ได้แม้แต่หนึ่งตระกูล ถ้าขาดตระกูลคิงเฉาไป จะเป็นผลกระทบกับพันธมิตรตระกูลคิงอย่างใหญ่หลวง”
กษัตริย์หม่าและกษัตริย์ไป๋ก็มีสีหน้าหนักใจ นิ่งอึ้งกันไปครู่หนึ่ง กษัตริย์ไป๋เอ่ยขึ้น “กษัตริย์เฉาน่าจะไม่เกิดเหตุอะไร หากเกิดมีอะไรขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่น่าจะรออยู่มาถึงเวลานี้แล้ว”
“พวกเราใช้ความสงบรอดูการผันแปรดีกว่า!ถึงถ้าจะเกิดเหตุอะไรกับตระกูลเฉาจริง พวกเราก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรได้”
กษัตริย์หม่ากับกษัตริย์เซวฟังจากน้ำเสียงกษัตริย์ไป๋ ก็ให้รู้สึกถึงความน่าหนักใจของเหตุการณ์
แต่ก็ต้องยอมรับที่จะต้องเข้าใจเรื่องที่พูด หากแม้นเกิดเหตุกับตระกูลคิงเฉา พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
คนที่มีความสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับขั้นเดียวกันกับกษัตริย์เฉาอย่างง่ายดาย มีหรือจะเป็นคนธรรมดา?
ถ้ามีการสังหารกษัตริย์เฉาได้จริง ต่อให้กลุ่มพันธมิตรจัดส่งสุดยอดฝีมือไปเมืองกษัตริย์เฉา น่ากลัวว่าคนยังไม่ทันถึง กษัตริย์เฉาก็ถูกสังหารไปแล้ว