The King of War - บทที่ 1018 เป็นแผนการเพาะพันธุ์
หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ พูดกับเสี้ยวเสี้ยวด้วยเสียงนุ่มนวล “เสี้ยวเสี้ยว หล่อนคือคุณอาเสียวหว่านของลูก และเป็นน้องสาวของปะป๊า รีบทักทายเร็ว!”
ได้ยินหยางเฉินให้เสี้ยวเสี้ยวเรียกตนเองว่าอา และยอมรับว่าตนเองเป็นน้องสาวของเขา ในใจเฝิงเสียวหว่านยิ่งอบอุ่น หน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้ม
เสี้ยวเสี้ยวมองทางคุณอาแปลกหน้าคนนี้อยู่ เรียกทีหนึ่งแบบเขินอาย “สวัสดีค่ะคุณอา!”
“สวัสดีจ้ะเสี้ยวเสี้ยว!”
เฝิงเสียวหว่านยิ้มหวาน จากนั้นหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งออกมา ยื่นให้เสี้ยวเสี้ยวบอกว่า “อาให้ลูกอมหนูกินนะ!”
ถึงแม้หน้าตาภายนอกของเฝิงเสียวหว่านจะสวยหวานมาก แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตกใจเสียขวัญที่ตระกูลซุน เสี้ยวเสี้ยวจึงยังหวาดกลัวอยู่มาก ได้แต่มองทางหยางเฉิน
เห็นท่าทางตื่นกลัวนี้ของลูกสาว ในใจหยางเฉินเต็มไปด้วยการตำหนิตนเองและปวดใจ จูบตรงหน้าผากของเสี้ยวเสี้ยวเบาๆ สักหน่อย พูดจาอย่างอ่อนโยนเท่าที่จะเป็นไปได้ “เสี้ยวเสี้ยว คุณอาเสียวหว่านก็เหมือนกับคุณอาหม่าชาว เป็นคนสนิทของปะป๊า ลูกไม่ต้องกลัวหล่อนนะ!”
“อ่อ!”
เสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าแล้ว จากนั้นถึงรับลูกอมที่เฝิงเสียวหว่านยื่นเข้ามาให้เอาไว้ พูดแบบมีมารยาท “ขอบคุณค่ะคุณอาเสียวหว่าน!”
“มา อาจะแกะกระดาษห่อลูกอมให้หนู!”
หลังเฝิงเสียวหว่านแกะกระดาษห่อลูกอมไป หยิบ“ลูกอม”สีดำเม็ดหนึ่งออกมา ชั่วขณะนั้นกลิ่นยาจีนที่ฉุนแรงลอยออกมาแล้ว
จนกระทั่งวินาทีนี้ หยางเฉินถึงเข้าใจ สิ่งที่เฝิงเสียวหว่านให้เสี้ยวเสี้ยวกินไม่ใช่ลูกอมอะไร แต่เป็นยา
“อ่า……เสี้ยวเสี้ยวอ้าปาก รีบกินลูกอมเร็ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่อร่อยเอานะ”
เฝิงเสียวหว่านยื่นเม็ดยาเข้าไปแล้ว
เสี้ยวเสี้ยวกิน“ลูกอม”เข้าไปอย่างเชื่อฟังมาก เพียงแต่เพิ่งกินยาลงไป ยังไม่ทันถึงหนึ่งนาที เสี้ยวเสี้ยวก็หลับลึกลงไปอยู่ในอ้อมอกของหยางเฉินแล้ว
“พี่หยางไม่ต้องเป็นห่วง นี่คือยาจีนที่ฉันพัฒนาขึ้นมา มีสรรพคุณทำให้จิตใจสงบ วันนี้เสี้ยวเสี้ยวได้รับการกระทบกระเทือนหนักเกินไป ถึงแม้ตัวคนจะฟื้นมา แต่ในความเป็นจริงสมองกับร่างกายล้วนเหนื่อยล้ามากๆ ร่างกายก็อ่อนแรงลงมากเช่นกัน”
เฝิงเสียวหว่านถึงเอ่ยปากพูดว่า “ตอนนี้ให้หล่อนนอนหลับดีๆ สักตื่น รอตื่นขึ้นมาแล้ว หล่อนก็จะกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักที่มีชีวิตชีวาคนนั้นแบบเมื่อก่อนแล้ว”
“เสียวหว่าน ขอบใจเธอนะ!”
หยางเฉินพูดอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจ
ถึงแม้เขาจะเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของฉินต้าหย่ง แต่ในใจกังวลต่อเสี้ยวเสี้ยวมากกว่า กลัวเสี้ยวเสี้ยวจะได้รับการกระทบกระเทือนมากเกินไป ต่อไปจะกลายเป็นลักษณะนี้
ก่อนหน้านี้เสี้ยวเสี้ยวสดใสร่าเริงมากแค่ไหน เขารู้ชัดมาก แต่ว่าวันนี้ หลังฟื้นขึ้นมาจากตระกูลซุน ก็เอาแต่เกาะอยู่บนตัวเขา และไม่พูดไม่จา หยางเฉินกลัวมากจริงๆ
“ฉันเป็นถึงคุณอาของเสี้ยวเสี้ยว พี่พูดแบบนี้ เห็นเป็นคนนอกไปหน่อยมั้ง” เฝิงเสียวหว่านหัวเราะบอกไป
หยางเฉินหัวเราะแบบกระอักกระอ่วนแล้ว “ต่อไปจะไม่พูดอีกแล้ว!”
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ฉินต้าหย่งถูกเข็นเข้าไปห้องฉุกเฉินสองชั่วโมงได้ แต่ว่ายังไม่ถูกเข็นออกมา
นี่ยิ่งทำให้หยางเฉินเพิ่มความร้อนใจขึ้นมา ถ้าฉินต้าหย่งมีอันเป็นไปจริงล่ะก็ เขาจะอธิยายกับฉินซีและฉินยีอย่างไร?
“พี่เฉิน ค้นเจอแล้วครับ!”
ในเวลานี้เอง หยางเฉินรับโทรศัพท์สายหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เขาให้คนตรวจสอบเรื่องของวันนี้ ในที่สุดตอนนี้ก็มีความคืบหน้าแล้ว ในดวงตาทั้งสองของหยางเฉินมีความเย็นเฉียบนิดๆ แวบผ่าน “ว่ามา!”
“คนที่พาพ่อตากับลูกสาวของท่านเข้าไปตระกูลซุน คือคนที่ชื่อฉินชางครับ เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลฉินแห่งเมืองคิงเฉา ความสามารถเป็นรองแค่ตระกูลคิงเฉาครับ”
ในลำโพงมือถือของหยางเฉินมีเสียงลอยออกมาไม่ขาดสาย “ไม่เพียงแค่นี้ครับ สถานะของฉินต้าหย่งพ่อตาของท่าน เขาเป็นสมาชิกหนึ่งในแผนการเพาะพันธุ์ของตระกูลฉินด้วยครับ!”
“แผนการเพาะพันธุ์?”
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินตกใจ เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าฉินต้าหย่งยังมีสถานะแบบนี้ด้วย
เขารู้มาโดยตลอดว่า ฉินต้าหย่งไม่ใช่คนของตระกูลฉินแห่งเจียงโจว แต่ว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกตระกูลฉินแห่งเจียวโจวรับเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก
และเพราะเหตุนี้เอง ดังนั้นจึงไม่ได้รับการต้อนรับของตระกูลฉินแห่งเจียงโจวเรื่อยมา แม้กระทั่งฉินซีและฉินยี ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ
แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงคือ ฉินต้าหย่งเป็นคนของตระกูลมหาเศรษฐีแห่งเมืองคิงเฉา
เพียงแต่ แผนการเพาะพันธุ์อันนี้ มันหมายความว่าอะไร?
“แผนการเพาะพันธุ์คือแผนการลับอันหนึ่งของตระกูลฉินครับ คนที่รู้เรื่องนี้อย่างแท้จริง มีเพียงบุคคลระดับสูงไม่กี่คนของตระกูลฉินครับ”
“ทุกสิบปี ตระกูลฉินจะแอบจัดส่งลูกหลานสายเลือดตระกูลฉินชุดหนึ่งออกไป แบ่งไปแต่ละพื้นที่ของจิ่วโจว แม้กระทั่งประเทศอื่นด้วยครับ”
“เป้าหมายของตระกูลฉินมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือภายในคนเหล่านี้ จะพยายามค้นหาคนที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ออกมา จากนั้นแผ่ขยายตระกูลฉินให้ยิ่งใหญ่ครับ”
“ส่วนพ่อตาของท่าน นั่นคือเมื่อห้าสิบปีก่อน สมาชิกคนหนึ่งในแผนการเพาะพันธุ์ตระกูลฉิน ก่อนหน้านี้ฉินชางเคยมาหาเขา พยายามให้เขาเอาเยี่ยนเฉินกรุ๊ปกลับคืนสู่ตระกูลฉิน”
“เพราะโดนพ่อตาท่านปฏิเสธ ดังนั้นฉินชางถึงพาตัวพ่อตาและลูกสาวของท่านไปด้วยกันครับ เพื่อบีบบังคับฉินต้าหย่งให้รับปากกลับสู่ตระกูลฉินครับ”
ในลำโพงมือถือมีข้อมูลลับดังขึ้นต่อเนื่องกัน ทำให้ในใจหยางเฉินหนักหน่วงไร้ที่เปรียบ
ว่าตามผลลัพธ์ที่เขาให้คนตรวจสอบมา ฉินต้าหย่งรู้สถานะของตนเอง แต่ว่าก่อนหน้าตอนที่อยู่ตระกูลซุน ฉินต้าหย่งกลับเงียบปากไม่พูด
นี่ได้เพียงอธิบายว่า ฉินต้าหย่งไม่อยากมองเห็นการต่อสู้ของหยางเฉินและตระกูลฉิน ดังนั้นถึงปิดบังทุกอย่างนี้กับหยางเฉิน
จากรูปแบบการทำงานของหยางเฉิน การกระทำทุกอย่างของฉินชาง ควรจะต้องชดใช้อย่างสาสม
แต่ว่ามีความสัมพันธ์ระดับนี้ของฉินต้าหย่งอยู่ เขากลับไม่อาจทำแบบนี้ได้
“อีกอย่าง ผมยังค้นหาเจอว่า เมื่อคืนวานนี้ เฉาจื้อยังพาซุนจื้อเจียวไปกินข้าวด้วยกันกับฉินชาง หลังสองสามคนนี้กินข้าวเสร็จ ซุนจื้อเจียวก็นัดเจอกับฉินชางตามลำพังครับ”
“ที่หลบภัยใต้ดินตระกูลซุนเป็นความลับของตระกูลซุนครับ คนที่รู้มีไม่มากนัก มีความเป็นไปได้ว่า คือซุนจื้อเจียวที่บอกฉินชาง เรื่องวิธีเข้าสู่ที่หลบภัยใต้ดินของตระกูลซุน”
ในลำโพงมือถือมีเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“ซุนจื้อเจียว?”
หยางเฉินขมวดคิ้ว มักรู้สึกว่าคุ้นหูชื่อนี้ เพียงแค่นึกไม่ออก
“หล่อนคือหลานสาวของซุนซวี่ครับ ก่อนหน้านี้ตอนที่ซิงเฉินมีเดียยังเป็นของตระกูลซุน หล่อนเป็นผู้จัดการใหญ่ของซิงเฉินมีเดียครับ ก่อนหน้ายังเคยลงมือกับเซี่ยเหอเพื่อนของท่านด้วยครับ”
ฝ่ายตรงข้ามพูดขึ้นอีกทันใด
หยางเฉินถึงจำผู้หญิงคนนี้ได้ ซุนจื้อเจียวชื่อนี้ เขาเกือบจะใกล้ลืมไปแล้ว นึกไม่ถึงผู้หญิงคนนี้มีความสามารถแบบนี้ สามารถทำให้เฉาจื้อพาหล่อนไปกินข้าวด้วยกันกับฉินชาง
ฝ่ายตรงข้ามถามอีกว่า “พี่เฉินครับ ข้อมูลที่หาได้ในตอนนี้มีแค่พวกนี้ ต้องการให้ลงมือกับตระกูลฉินแห่งเมืองคิงเฉามั้ยครับ?”
“ไม่ต้อง!”
หยางเฉินตอบนิ่งๆ
“พี่เฉินครับ เกิดเรื่องอะไรแล้ว?”
หลังหยางเฉินวางสายโทรศัพท์ หม่าชาวรีบสอบถามทันที
ในฐานะพวกพ้องใกล้ตัวของหยางเฉิน ดูจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหยางเฉิน เขาก็รู้ทันทีว่าหยางเฉินในเวลานี้ อารมณ์ย่ำแย่มากๆ
หยางเฉินส่ายหน้าแล้ว และไม่ได้อธิบายอะไร แต่ว่ามองทางหม่าชาวแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้ ภารกิจของนายคือรักษาตัวดีๆ เรื่องอื่นฉันจะจัดการด้วยตัวเอง”