The King of War - บทที่ 1898 งั้นก็เริ่มกันเถอะ
ตู้ป๋อถึงจะตื่นใจกับพลังฝีมือที่เก่งกาจของหยางเฉิน แต่ในสายตาไม่มีความรู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย กลับส่อให้เห็นถึงความอยากรู้ พลังฝีมือจริง ๆ ของหยางเฉิน จะเก่งกาจไปถึงขนาดไหนแน่
“หมิงเหวี่ยน เจ้าใช้พลังฝีมือเท่าที่มีสู้ไปให้เต็มที่เลย!”
ได้ยินตู้ป๋อสั่งมา ตู้หมิงเหวี่ยนถึงกับเซ่อ สีหน้าแสดงออกอย่างไม่อยากยอมด้วย สองหมัดกำแน่นขึ้นมา
เขาก็รู้ชัดเจนอยู่ว่า ถ้าเขาควบคุมพลังฝีมือของเขาให้อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย เขาไม่มีทางจะสู้หยางเฉินได้ นั่นหมายถึงว่า ความอัจฉริยะบูโดของหยางเฉิน เหนือไปไกลกว่าผู้สืบทอดสำนักบู๊อย่างเขานี่
ถึงจะไม่อยากยอม แต่เขาก็รู้ดี มีแต่จะต้องใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด จึงจะเอาชนะหยางเฉินได้
“บรึม!”
พลังบูโดในตัวของเขา ระเบิดขึ้นในทันใด ฉับพลันนั้นก็ขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นยอด
ผู้แข็งแกร่งสำนักบู๊หลายคน ได้รับรู้ถึงกระแสพลังที่หนักหน่วงนี้ ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบรุดเข้าไปในที่พักของเจ้าสำนัก
“ท่านเจ้าสำนัก เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ผู้แข็งแกร่งทรงคุณวุฒิหลายท่าน เข้ามาถึงห้องพักของตู้ป๋อพร้อมกัน ต่างก็เอ่ยปากถามไป
ตู้ป๋อพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “หมิงเหวี่ยนกับคุณหยางกำลังแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกัน ทุกท่านคอยดูกันอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”
ทั้งหมดถึงได้รู้ว่า กระแสพลังบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นยอด ระเบิดออกมาจากตัวของตู้หมิงเหวี่ยนนั่นเอง
แต่ทว่า คุณหยางที่ตู้ป๋อพูดถึงนั้น เป็นใครมาจากไหนกันหนอ?
ในเวลานั้น ตำแหน่งที่ยืนของหยางเฉินกับตู้หมิงเหวี่ยนนั้น พอดีว่าตัวหยางเฉินยืนหันหลังให้กับประตู ส่วนตู้หมิงเหวี่ยนยืนหันหน้ามาทางประตู ฉะนั้นทุกคนที่เข้ามาจึงมองไม่เห็นหน้าของหยางเฉิน
และบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักบู๊ เมื่อได้ยินคำที่ตู้ป๋อพูด ในใจต่างก็เกิดความรู้สึกตื่นใจ ตู้หมิงเหวี่ยนเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ผู้ที่สามารถว่ามาคุยแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกับตู้หมิงเหวี่ยนได้ ต้องพูดได้ว่า คุณหยางคนนี้ ก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าขั้นยอดด้วยกันงั้นหรือ?
ตู้หมิงเหวี่ยนคำรามเสียงลั่น “เจ้าหนู ให้ข้าดูหน่อยเถอะ ว่าเจ้าเก่งกาจไปถึงขนาดไหน?”
ใบหน้าหยางเฉิน เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างไม่เคยมีมาก่อน สองตาจ้องเขม็งไปที่ตู้หมิงเหวี่ยน ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นรองลงมาจากชั้นยอด เขามีความมั่นใจจะเอาชนะได้ แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าขั้นยอด ถ้าเขาคิดจะต้านรับให้ได้ ก็ต้องนำเอามีดโลหิตออกมาใช้
ถ้าไม่มีของอาถรรพ์อยู่ในมือ เขาก็เพียงแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด?
พลังบูโดที่บ้าคลั่งกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากตัวของหยางเฉิน คนที่ไม่รู้จริงในแดนบูโดของเขา จะต้องเข้าใจว่า เขาเป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุด
“เอ๊ะ?เจ้าหนู?”
มีคนไปสังเกตุถึงคำพูดของตู้หมิงเหวี่ยน ก็ให้สงสัยอยู่ว่า จากสรรพนามที่ใช้เรียกขานหยางเฉินของตู้หมิงเหวี่ยน มันให้ความรู้สึกที่แปลกมาก
ผู้ที่จะเข้าไปแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกับตู้หมิงเหวี่ยนได้นั้น มีผู้แข็งแกร่งคนไหนหรือที่จะอายุต่ำกว่าหก-เจ็ดสิบปีบ้าง?
ถึงยังไงก็ยังไม่มีใครจะเหมือนอย่างตู้หมิงเหวี่ยน เป็นประเภทตัวประหลาดพิสดารบูโด ที่ช่วงอายุห้าสิบในตอนนั้น พลังบูโดก็สามารถก้าวไปถึงแดนหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดแล้ว
หยางเฉินจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่คับแคบเกินไป พวกเราออกไปสู้กันข้างนอกดีกว่า!”
เสียงพูดจบ เขาก็หันหลังกลับนำหน้ามุ่งออกไปข้างนอก
ตอนที่เขาหันหน้ากลับในทันทีนั้น บรรดาผู้แข็งแกร่งสำนักบู๊ต่างตะลึงงง จนหยางเฉินกับตู้หมิงเหวี่ยนเดินพ้นออกไปจากห้องกันแล้ว พวกเขาก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
ดูแล้วอายุของหยางเฉิน น่าจะอยู่ที่สามสิบก็ยังจะไม่ถึงเลยมั้ง?
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านแน่ใจหรือ คุณหมิงเหวี่ยนจะแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกันกับเด็กหนุ่มคนนี้?”
“ท่านเจ้าสำนัก ใช่หรือไม่ว่าคุณหมิงเหวี่ยนต้องกดบังคับขั้นบูโดลงมาให้ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า?”
“คุณหมิงเหวี่ยนคงต้องกดบังคับขั้นบูโดลงเป็นแน่ ไม่งั้นจะไม่เป็นการไปข่มรังแกนักบูโดเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบอย่างนั้นหรือ?”
……
บรรดาผู้แข็งแกร่งทรงคุณวุฒิ ต่อปากต่อคำพูดกันไป
ตู้ป๋อหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ “พวกเราออกไปดูการต่อสู้กันเถอะ!”
คนทั้งหมด ตามตู้ป๋อออกไปข้างนอก
หยางเฉินยืนประจันหน้ากับตู้หมิงเหวี่ยนอยู่ กระแสพลังบนตัวของตู้หมิงเหวี่ยน ขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดแล้ว แต่ก็เป็นแค่ระดับเพิ่งจะก้าวถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด เห็นชัดได้ว่าเหมือนมีการกดบังคับลดพลังจริงเล็กน้อย
ส่วนกระแสพลังในตัวของหยางเฉิน ก็ขึ้นไปสูงมาก ดูเหมือนจะไปถึงขั้นกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด
เหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งทรงคุณวุฒิข้างตัวตู้ป๋อ ต่างให้รู้สึกตื่นใจกันอย่างมาก
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนหนุ่มที่ว่ามาแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกันกับตู้หมิงเหวี่ยน จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนี้ นี่แหมงจะเป็นตัวประหลาดพิศดารบูโดที่คุ้ยหาออกมาจากตระกูลบู๊โบราณมัง?
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมจะลงมือต่อสู้กันนั้น ทันทีนั้นตู้ป๋อก็ตะโกนพูดไปด้วยเสียงอันดัง “หยางเฉิน ถ้าเจ้าแพ้ ตู้จ้งก็จะต้องตาย!”
คำนี้พูดออกไป หยางเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที จ้องมองหน้าตู้ป๋อพูดด้วยความโกรธว่า “เอาแค่ไหน จึงจะจัดว่าข้าชนะ?”
ตู้ป๋อพูดด้วยสีหน้าสงบเรียบ “สิบนาที!เพียงเจ้าไม่ล้มลงจากที่โดนตู้หมิงเหวี่ยนถล่ม ก็ถือว่าเจ้าชนะ!”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ตู้หมิงเหวี่ยนพูดว่า “ไม่ต้องออมพลังจริงแล้ว ข้าให้เจ้าใช้พลังฝีมือทั้งหมดเข้าต่อสู้!”
“คุณพ่อ!”
ตู้หมิงเหวี่ยนสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างหนัก เขาก็ได้เก็บเอาความรู้สึกดูถูกหยางเฉินออกแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่า ตอนที่หยางเฉินต่อสู้กับเขาเมื่อครู่นี้นั้น ก็ถึงขีดสุดแล้ว
เวลานี้เขาระเบิดเอาพลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดแบบระดับเพิ่งเข้าถึงออกมาใช้นี้ ก็รู้สึกเป็นการเหลือเฟือแล้ว เพราะหยางเฉินก็อยู่แค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น
พอถึงทีที่เขาระเบิดพลังออกมาเต็มที่ หยางเฉินไม่มีทางต้านรับได้ถึงสิบนาทีแน่นอน
ตู้ป๋อไม่ใช่ว่าเพียงต้องการให้พวกเขาแลกเปลี่ยนทักษะบูโดกันไม่ใช่หรือ?หรือจะให้เอาชีวิตของหยางเฉินเลย!
บรรดาผู้แข็งแกร่งทรงคุณวุฒิที่ยืนอยู่ข้างหลังตู้ป๋อ ต่างก็มีสีหน้าแปลกใจ พลังฝีมือตู้หมิงเหวี่ยนเก่งกาจขนาดไหน พวกเขารู้จักกันดี คิดได้ว่าต่อให้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาอันดับหนึ่ง ก็ยังมีคุณสมบัติพอที่จะสู้กันได้
ตู้ป๋อกลับต้องให้ตู้หมิงเหวี่ยนระเบิดพลังออกทั้งหมดในการต่อสู้ นี่ไม่ใช่หมายถึงว่า หยางเฉินจะใช้พลังฝีมือที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง สู้กับผู้แข็งแกร่งเทียบชั้นกึ่งแดนนภาอันดับหนึ่งอย่างงั้นเลยหรือ?
ถึงแม้ให้ยืนหยัดได้เพียงแค่สิบนาที แต่หยางเฉินอยู่เพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น!
“เข้าใจที่ข้าพูดมั้ย?”
เห็นสีหน้าไม่พอใจของตู้หมิงเหวี่ยน ตู้ป๋อหน้านิ่วพูดออกไป
ตู้หมิงเหวี่ยนสะดุ้งขึ้นมาทั้งตัว จึงได้กัดฟันตอบรับไปว่า “ครับ!”
ถึงเขาจะเป็นลูกชายของตู้ป๋อ แต่ตั้งแต่เล็กมา ตู้ป๋อเข้มงวดกับเขามาก เขาก็ไม่เคยกล้าขัดคำสั่งของตู้ป๋อ
“เจ้าหนู แกพร้อมหรือยัง?”
ตู้หมิงเหวี่ยนมองไปที่หยางเฉินอีกครั้งหนึ่งนั้น แววตาเข้มข้นด้วยประกายถล่มศึก พูดต่อไปว่า “ถ้าแกรู้สึกต้านรับการโจมตีของข้าไม่ไหวแล้ว บอกยอมแพ้ได้เลยนะ”
ในตาของหยางเฉินก็เข้มข้นด้วยการสู้ศึก เขาสัมผัสได้ถึง พลังฝีมือที่เก่งกาจมากของตู้หมิงเหวี่ยน เทียบกับเจ้าเมืองหวยเฉินครั้งที่เคยพบมา น่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่กับครั้งที่เขาต่อสู้กับเจ้าเมืองหวยเฉิงนั้น เขาอยู่ในสถานะพยายามหนีเอาชีวิตรอดมากกว่า ไม่ได้ประจันหน้าสู้กัน
ในครั้งนี้ เขาเป็นการสู้กันซึ่ง ๆ หน้า กับตู้หมิงเหวี่ยน
เขารู้ชัดเจนอยู่ การที่เขาจะเอาชนะตู้หมิงเหวี่ยนนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจำเป็นต้องยืนหยัดให้ได้ ขอเพียงยืนหยัดให้ได้ถึงสิบนาที ตู้จ้งถึงจะไม่ต้องตาย
หยางเฉินมองไปที่ตู้ป๋อ พูดเสียงหนาวเยือก “หวังว่าคุณจะรักษาสัญญา!”
ตู้ป๋อพูดตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “วางใจได้ ข้าตู้ป๋อพูดอะไร ก็คือคำพูดของระดับเจ้าสำนัก คงไม่มีการไปตระบัดสัตย์กับเด็กรุ่นหลังอย่างเจ้า เพียงให้เจ้ายืนหยัดได้สิบนาที จากการถล่มใส่เต็มที่ของตู้หมิงเหวี่ยน ก็ถือว่าเจ้าชนะ ตู้จ้งก็ไม่ต้องตาย”
หยางเฉินก็ไม่ไปใส่ใจกับตู้ป๋ออีก ค่อย ๆ ชักมีดสีดำเมื่อม ออกมาจากฝักทอง มองหน้าตู้หมิงเหวี่ยน เอ่ยปากพูดไปว่า “เริ่มกันเถอะ!”