หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - 885 ร่วมมือกำจัดปีศาจ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 885 ร่วมมือกำจัดปีศาจ
หลังจากทำข้อตกลงกับจินไถหลิวหลี
มู่เฉินก็ไม่ลังเล เขาเหลือบมองหญิงสาวนิ่งโดยไม่มีคำพูดก่อนจะทะยานตัวออกไป
เขาพุ่งเข้าไปในพื้นที่ที่มืดมิด ยามนี้ร่างปีศาจกำลังชักเย่อกับโซ่ตรวนเพื่อพยายามทำให้ตัวเองเป็นอิสระและหลบหนีจากค่ายกลที่กักขังเอาไว้นี้
แต่เมื่อมันเห็นมู่เฉินทะยานใกล้เข้ามา ประกายแสงชั่วช้าก็วาบขึ้นในดวงตา ลิ้นแลบเลียริมฝีปากช้าๆ ไอสังหารที่น่าขนลุกอัดแน่นเต็มใบหน้า
“ไอ้เวร รนหาที่ตายเองเลยนะ!”
ร่างปีศาจหัวเราะเสียงหลอนแล้วยกมือขึ้น รัศมีสีดำเหนียวหนืดที่รวมอยู่รอบตัวก็พุ่งออกไป ดูราวกับควันหมุนรัศมีปีศาจพวยพุ่งเข้ามาห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้
วาบ!
เมื่อเห็นการโจมตีของร่างปีศาจ มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้ออกกระบวนท่าป้องกันแต่อย่างใด แผ่นหลังของเขากระเทือน ปีกหงส์ฟ้าสีม่วงทองคู่ใหญ่กางออกมา ด้วยการกระพือรุนแรง ร่างของเขาก็พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วเหนือแสง
เมื่อยืมปีกจากลวดลายหงส์ฟ้าแท้จริงมาใช้ ความเร็วของมู่เฉินก็มาถึงจุดที่น่าทึ่ง เป็นความเร็วที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่สามารถเทียบได้
แม้ว่าควันหมุนปีศาจจะมีการเคลื่อนไหวรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสร่างมู่เฉินได้ ในทางตรงกันข้ามขณะที่มันไล่ตามมาก็ค่อยๆ เจือจางลงไป
นั่นเป็นเพราะพลังงานที่กักเก็บอยู่ภายในกำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพนี้ ดวงตาของมู่เฉินก็วาววับ ดูเหมือนว่าร่างปีศาจจะถูกยับยั้งเอาไว้เป็นอันมากในความมืดมิดนี้ กระทั่งการโจมตีที่ปล่อยออกมาก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากค่ายกลที่ปกคลุมเอาไว้
ดูเหมือนว่าด้วยการใช้ค่ายกลศึกปราบปราม ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะถ่วงเวลาร่างปีศาจไว้
“ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้เด็กที่รู้แต่วิธีวิ่งหนีเหมือนหนู!”
เมื่อเห็นความเร็วในการหลบหนีของมู่เฉิน ร่างปีศาจก็ประหลาดใจไป แต่แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างน่าขนลุก เขาเหยียดนิ้วห้านิ้วที่เหี่ยวแห้งและซีดเซียวแล้วเคาะลง “ในเมื่อแกชอบวิ่ง งั้นข้าจะให้แกวิ่งต่อไปจนพอเลย!”
ตู้ม!
พร้อมกับที่นิ้วทั้งห้าชี้ออก รัศมีสีดำรอบตัวก็พลุ่งพล่านรุนแรง ก่อร่างเป็นอสรพิษปีศาจสีดำห้าตัวที่มีขนาดใหญ่ร้อยจั้ง ลำตัวมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่ดูน่าขยะแขยง อัดแน่นไปด้วยกลิ่นกัดกร่อน ทำให้เกิดรอยเบี้ยวบนมิติที่อยู่ในเส้นทางผ่านของพวกมัน
ฟ่อ!
ทันทีที่อสรพิษปีศาจทั้งห้าปรากฏขึ้นก็ส่งเสียงขู่ฟ่อดัง ทะลุผ่านมิติด้วยความเร็วสูง จากนั้นพวกมันก็กวาดร่างมาหามู่เฉินด้วยการล้อมกรอบเขาเอาไว้
เมื่อเห็นอสรพิษปีศาจทั้งห้า สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นผันผวนคุกคามมาจากพวกมัน แม้ว่าจะถูกกักขังไว้ที่นี่นับหมื่นปี พลังก็เหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจุดสุดยอด แต่จักรพรรดิเทียนเจิ้นก็เหมือนกับภูเขาตั้งตระหง่านที่มู่เฉินไม่อาจข้ามไปได้ หากไม่ใช่เพราะพลังถูกควบคุมไว้โดยโซ่ ร่างปีศาจนี้ก็ฆ่ามู่เฉินด้วยการพลิกมือไปแล้ว
แต่ถึงกระนั้นเมื่อร่างปีศาจเริ่มใช้พลังแท้จริง มู่เฉินก็ยังรู้สึกถึงภัยคุกคาม
ฟิ้ว!
ดังนั้นปีกด้านหลังของมู่เฉินจึงสั่นสะท้าน ผลักความเร็วไปถึงขีดสุด ทิ้งภาพลวงตาไว้ข้างหลังขณะที่เสียงลมบาดแก้วหูดังกึกก้องตามมา
เขารู้แล้วว่าพลังของร่างปีศาจจะอ่อนแอลงในค่ายกลศึกนี้ ดังนั้นเขาแค่บินเป็นวงกลม การโจมตีก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อลดลงจนถึงระดับที่สามารถรับมือได้ มู่เฉินก็จะออกกระบวนท่าทำลายการโจมตีเหล่านั้น
แผนของมู่เฉินถูกต้อง แต่เขาดูถูกการโจมตีของร่างปีศาจครั้งนี้ไปมาก ความเร็วของอสรพิษปีศาจทั้งห้าเกินความคาดหมายของเขา พวกมันราวกับสามารถทะลวงผ่านมิติ พุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง ไม่กี่อึดใจก็ทะยานเข้ามาหมายสังหารเขา
ครืน!
มิติทางด้านขวาของมู่เฉินแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่อสรพิษร้ายจะกระโจนออกมา หางราวกับกับหอกปีศาจคมชัดปรากฏต่อหน้ามู่เฉินตามด้วยเสียงกรอบแกรบดังขึ้นเล็งเป้ามาที่หัวใจเขา
มู่เฉินชะงักตัวกึก จากนั้นจิตใจก็เคลื่อนไหว แสงสีทองปะทุออกร่าง เกราะทองมังกรหงส์ปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังที่ไม่สามารถทำลายได้กระจายออกไป
มู่เฉินไข้วแขนเป็นรูปกากบาทที่เบื้องหน้า เมื่อแสงสีทองกวาดออกไปก็เหมือนมีโล่ทองคำขวางหางอสรพิษที่เหวี่ยงเข้ามา
เคร้ง!
พลังงานสองสายปะทะกัน ทำให้เกิดประกายไฟแล่นเปรียะ เสียงปะทะกันของโลหะดังกึกก้อง มิติตรงนั้นเกิดการสั่นสะท้านมองเห็นระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว
ฟิ้ว!
มู่เฉินถลากลับไปหลายร้อยจั้ง แขนของเขาซึ่งได้รับการปกป้องด้วยเกราะทองถึงกับยุบลง ความเจ็บปวดบาดลึกพล่านออกมาจากลำแขน ทำให้เขารู้สึกสะดุ้งในหัวใจ แค่การโจมตีจากหางอสรพิษก็ทรงพลังมากถึงเพียงนี้
แต่ด้วยการยืมแรงต้านจากการโจมตีนี้ มู่เฉินก็หนีออกจากขอบเขตการโจมตีของอสรพิษไปได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถอนหายใจ มิติด้านหลังก็ถูกฉีกออกอสรพิษปีศาจตัวอื่นๆ ชูคอพุ่งออกมาอย่างดุร้าย
ความเร็วนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินที่มีปีกหงส์ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน
“ใกล้แล้ว!”
ดวงตามู่เฉินกะพริบรวดเร็ว เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปพลังของอสรพิษปีศาจเหล่านี้ก็ไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรก นอกจากนี้เขายังไม่มีเวลามากพอที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีแล้วเหมือนกัน
ตู้ม!
เมื่อความคิดแวบเข้ามาในหัว มู่เฉินก็ไม่ลังเล คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกราวกับพายุพร้อมกับความตั้งใจมุ่งมั่น คลื่นหลิงก็แผ่กว้างขณะที่ร่างแสงขนาดมหึมาปรากฏขึ้น
ร่างนั้นมีดวงตะวันส่องแสงอยู่ด้านหลังศีรษะราวกับรัศมีของพระพุทธรูปทองคำ กระเพื่อมไหวโดยรอบด้วยคลื่นหลิงทรงพลัง
นี่คือร่างเทพสุริยะ
“เปิดคลื่นสามตะวัน!”
มือทั้งสองของมู่เฉินวาดตราประทับ ดวงตะวันสีทองอร่ามสามดวงก็ลุกโชนขึ้นจากร่างเทพสุริยะแล้วระเบิดออก แสงสีทองกวาดออกมาราวกับของเหลวสีทอง ทำให้ร่างเทพสุริยะเจิดจรัสยิ่งกว่าที่เคย
ครืน!
ร่างเทพสุริยะเหวี่ยงฝ่ามือออกไป กลั่นแสงสีทองก่อร่างเป็นผลึกสีทองที่แขน แรงกดของฝ่ามือราวกับว่าสามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้
ปัง!
ฝ่ามือใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยผลึกอัญมณีสีทองปะทะกับอสรพิษปีศาจอย่างดุร้าย ช่วงเวลาที่ปะทะกันมิติก็กระเพื่อมไหว คลื่นกระแทกป่าเถื่อนกระจายออกสร้างความหายนะไปทั่ว
ร่างเงาใหญ่โตของร่างเทพสุริยะถอยกลับไปทันทีจากคลื่นกระแทก ทั้งฝ่ามือระเบิดออกเป็นจุดแสง
แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะจ่ายด้วยฝ่ามือ แต่อสรพิษปีศาจก็ถูกทำลายกลายเป็นประกายแสงสีดำเช่นกัน
ภายในร่างเทพสุริยะ มู่เฉินเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก สายตาเคร่งเครียดลงหลายส่วน เขาใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในการโจมตีกระบวนท่าก่อนหน้า แต่กระนั้นก็ยังต้องเสียฝ่ามือไปข้างหนึ่ง ซ้ำเขายังได้รับผลกระทบอีกด้วย แม้จะจ่ายราคาขนาดนี้ออกไป เขาก็ทำได้เพียงกำจัดอสรพิษปีศาจตัวเดียวเท่านั้น
แต่ตอนนี้ยังมีอสรพิษอีกสี่ตัวกำลังเลื้อยไปมาก่อแนวปราการ บังคับให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
เมื่อร่างปีศาจออกกระบวนท่า ก็ทำให้มู่เฉินตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช ช่องว่างพลังระหว่างพวกเขาเผยออกมาอย่างชัดเจน
ครืน!
ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้ม มิติโดยรอบมีอสรพิษปีศาจสีดำสี่ตัวเลื้อยพันโอบล้อมร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง
“ยิ่งสู้พวกเจ้ายิ่งอ่อนกำลังลง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้!”
แม้ว่าจะถูกกดด้วยอันตราย คนอย่างมู่เฉินก็ไม่กลัว ตรงกันข้ามดวงตาของเขากลับโชนแสงดุดัน ทันใดนั้นร่างเทพสุริยะก็วาดกระบวนท่า เสาปีศาจปรากฏขึ้นในพริบตาพร้อมด้วยรัศมีร้ายกาจ ดวงตะวันโชติช่วงทั้งสามดวงในร่างกายก็เปล่งประกายยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มู่เฉินเร้าพลังออกมาทุกหยาดหยดแล้ว
ตู้ม!
ร่างเทพสุริยะทะยานไปข้างหน้า เสาปีศาจแผ่รัศมีน่ากลัวหลอมรวมกันห่อหุ้มอสรพิษปีศาจตัวหนึ่งไว้
การต่อสู้รุนแรงระเบิดขึ้น
ทุกกระบวนท่าระหว่างมู่เฉินกับอสรพิษปีศาจนั้น จะทำให้เกิดรอยร้าวบนร่างเทพสุริยะ มากจนเขายังได้รับผลกระทบ เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปาก
แต่ขณะที่มู่เฉินอยู่ในสภาพน่าสมเพช อสรพิษทั้งสี่ก็จ่ายราคามหาศาลเช่นกัน เสาปีศาจกระแทกร่างพวกมัน กระจายรัศมีสีดำรอบตัวออกอย่างต่อเนื่อง
ตู้ม!
เมื่อเสาปีศาจกระหน่ำลงมาอีกครั้ง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ครางกระหึ่ม อสรพิษปีศาจตัวสุดท้ายก็ต้านรับไม่ไหว มันส่งเสียงขู่ฟ่อแล้วแตกสลายลง แต่ก่อนที่มันสลายตัว ก็ใช้หางกระแทกหน้าอกร่างเทพสุริยะอย่างหนักหน่วง
ปัง!
ร่างเทพสุริยะที่ปกคลุมไปด้วยรอยร้าว ไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้ก็พังทลายลงเช่นกัน ร่างพลังงานสูญสลายเงาร่างของมู่เฉินก็กระเด็นออกไปอย่างน่าสมเพช
อ็อก!
เลือดไหลกบปาก ใบหน้าเขาซีดเซียวลง ร่างปลิวออกไปพันจั้งก่อนที่จะทรงตัวได้
ลึกลงไปในความมืดเมื่ออสรพิษปีศาจทั้งห้าสลายไป ร่างปีศาจที่ดิ้นรนจากพันธนาการของโซ่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่าง สายตามืดมนจ้องไปยังมู่เฉิน
ตอนแรกเขาคิดว่าการโจมตีกระบวนท่านี้เพียงพอที่จะจัดการกับมู่เฉิน แต่ใครจะคิดว่ามดที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้นจะสามารถต้านการโจมตีจากเขาได้
การโจมตีนี้สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าได้เลยทีเดียว!
“เจ้าชักทำให้ข้าสนใจแล้ว!”
ร่างปีศาจแสยะยิ้มน่ากลัวให้มู่เฉิน อักขระปีศาจบนใบหน้าเต้นยุบยับ เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่นสีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกถึงความผันผวนคุกคามรุนแรงในขณะนี้
ตู้ม!
อักขระปีศาจร้ายบนใบหน้าปริออกครึ่งหนึ่งกลายเป็นลำแสงสีดำยิงเข้าใส่มู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เขาผลักความเร็วให้ถึงขีดสุด เวลาเดียวกันใบหน้าก็เขียวคล้ำลงหลายส่วน จินไถหลิวหลียังไม่คิดลงมืออีกเรอะ?
หรือว่านางจะใช้แผนฆ่าเขาโดยยืมมือร่างปีศาจจริงๆ? ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้ต้องจ่ายราคามหาศาล เขาก็จะฆ่านางที่นี่!
ขณะที่มู่เฉินเริ่มล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง สายตาของจินไถหลิวหลีที่ด้านนอกค่ายกลก็วูบไหวเล็กน้อย นางลังเลอยู่อึดใจ สุดท้ายก็พรูลมหายใจเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน
นางกัดนิ้วหยดเลือดสีแดงเข้มตกลงบนป้ายหิน จากนั้นมือก็วาดตราประทับอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนลั่น “ระเบิด!”
ตู้ม!
พร้อมกับเสียงจบลง ป้ายหินโบราณในมือนางก็ระเบิดออก!