ตอนที่79 สร้างกับดักแล้วสิ
หลังจากที่เบลซประกาศสิ้นสุดการทดสอบ นักสู้ทั้ง8คนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
เบลซเดินไปหาชนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มหลังจากเห็นว่ารั้วหนามศิลาถูกสร้างขึ้นมาล้อมกําแพงหนามศิลาเป็นแนวป้องกันชั้นที่สอง
“ขอบใจที่เหนื่อยนะช่วยได้มากเลย” เบลซพูดพลางยิ้ม
“นายควรให้ค่าจ้างฉันนะ” ชินตบอกตัวเอง
“ไม่เกี่ยวโว้ยยย” เบลซ์โพล่งทันที
“เอาหละเข้าเรื่องได้แล้ว” เบลซกลับมาพูดแบบปกติเขากระแอมสองครั้งแล้วพูด
“ความจริงแนวป้องกันสองชั้นก็ทําให้อุ่นใจมากขึ้นแต่ว่า….”
ชินหน้าซีดทันทีก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “มะ-ไม่ใช่วะ-ว่านายจะให้ชั้นทําแนวป้องกันอีกชั้นนะ?”
“อืมม จริงๆก็ประมาณนั้นแหละแต่ว่ารอบนี้เป็นกับดัก” เบลซพูดถึงแบบกับดักที เขาจะให้ชินช่วยสร้าง
“ไอเดียดี!” ในอดไม่ได้ที่จะชมหลังจากฟังกับดักที่เบลซ์บอก
“งั้นก็ไปกันดีกว่า หุหุ” เบลซ์ตอบอย่างมีนัยยะ
ทั้งคู่เดินออกมานอกแนวป้องกันที่สองจากนั้นเบลซทําการมาร์คตําแหน่งแล้วเริ่มทําการขุด โดยตําแหน่งที่เบลซ่เลือกคือใต้แนวป้องกันที่สอง
ชินเอาพลัวมาด้วยและด้วยความคุ้นเคยกับดินซึ่งเป็นพลังธาตุประจําตัวทําให้เขาสามารถขุดเดินได้อย่างง่ายได้และรวดเร็ว ในขุดรูขนาดเล็กเอาไว้จํานวนมาก มันเป็นรูที่ชันและลึกหากตกลงไปหละก็ไม่มีทางขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
“ในช่วงที่พวกมันบุกเข้ามาทําลายแนวป้องกันจะต้องแออัดและชุลมุนแน่ ดังนั้นถ้าเกิดเราขุดรูเล็กๆเอาไวใต้รั้วหนามศิลา เมื่อพวกมันพังรั้วลงมา รั้วจะมีส่วนช่วยในการปิดบังรูเอาไว้ เมื่อสัตว์อสูรถูกเบียดๆกัน ก็จะต้องเผลอเหยียบลงรูหรือไม่ก็ถูกผลัดบ้างดันบ้างจนเหยียบลงรูแน่ แต่ก็จะไม่เกิดอะไรและเดินผ่านไปเฉยๆ แต่สําหรับสัตว์อสูรตัวเล็ก โดยเฉพาะพวกลูกสัตว์อสูรที่ชอบซน นั้นหาร่วงลงไปด้วยขนาดตัวของพวกมันอย่าหวังว่าจะได้ขึ้นมา แถมสัตว์อสูรใหญ่ๆก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะท่ารูเอาไว้เล็กนี้เรียกได้ว่า เป็นกับดักที่คุ้มค่ามาก ไม่ต้องลงทุน ขณะป้องกันฐานก็ยังได้รับสัตว์อสูรมาด้วย พวกเขาสามารถขุนให้มันโตเพื่อเอามากินได้ และถ้าเกิดว่าพวกมันเป็นวันเด็กมากๆขนาดยังไม่ลืมตา พวกมันก็พอจะมีโอกาสเป็นสัตว์อสูรสงครามของผู้วิวัฒนาการบางคนหรือว่าเลี้ยงไว้หาผลประโยชน์ใช้สอยบางอย่างด้วย หากจับได้ลูกสัตว์อสูรสมบัติ” เบลซยิ้มที่มุมปากเมื่อคิดถึงจํานวนของสัตว์อสูรที่เขาจะดักจับได้หลังจากการป้องกันฐานเสร็จเรียบร้อย
เบลซเดินกลับมาในฐานเบลซก็เก็บรายละเอียดบนกําแพงอีกเล็กน้อย เช่นจุดกําบัง จุดที่จะยิงส่วน ความกว้างเวลาเดิน ฯลฯ เพื่อให้กาแพงหนามศิลามีประสิทธิภาพสูงสุด
“เอาหละเท่านี้ก็ครบแล้วยังไงก็ขอบคุณมากนะ” เบลซกล่าว เค้าต้องขอบคุณจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีชิ้นเกรงว่างานสร้างแนวป้องกันคงจะยังไม่คืบหน้าไปไหน
“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนแต่พาชั้นไปปั้มระดับหน่อยสิ”
“ได้ยังไงฉันว่าจะเคลียร์ฝูงจํานวนราวๆ50ตัวที่อยู่รอบๆอีกสองสามฝูงอยู่แล้ว มาด้วยกันเลยก็ได้ เนื่องจากพวกเอลลี่กับเรย์ลินที่พึ่งออกไปนอนพักอยู่ ไปบอกจางมู่กับอิโนะให้เฝ้าฐานไปก่อน”
“อ็ม” จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปบอกจางมู่กับอิโนะแล้วก็ขี่เจ้าดาบน้อยออกไปจากฐาน
“มีสัตว์อสรบินได้นี้มันดีจริงๆโว้ยย ฉันอยากจะได้ซักตัวบ้าง” ชินบ่นพลางอ้าแขนรับลมเย็นที่เขามาปะทะอย่างสบายใจ
“นั้นแล้วแต่โชคของนาย” เบลซ์ตอบขณะที่เอนตัวนอนอยู่บนหลังของเจ้าดาบน้อย
“กรู้ววว” ซีฟอสร้องเสียงต่ําๆ
“ถึงแล้ว” เบลซบอกจางมู่ทั้งคู่มองลงไปข้างล่างที่อยู่ห่างออกทางซ้ายไปราวๆ200เมตร
เป็นบึงอีกครั้งแต่ครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่ดูพิเศษเอามากๆ ในบึงๆนี้มีดอกบัวอยู่ราวๆ50ดอก
แต่เอ๋? ดอกบัวมันผิดปกติยังไง?
เบลซ์และชิ้นมองไปที่ดอกสีชมพูบัวแทนที่พวกมันจะกระจายๆออกไปทั่วบึง แต่กลับรวมอยู่แค่ที่เดียวแล้วพวกมันก็เคลื่อนที่ได้
ถ้าสังเกตดีๆอีกหละก็จะพบว่าตรงกลางที่ควรจะเป็นเกสรบัวและฝักบัวสีเหลืองสวยกลับเป็นสีเขียวและมีจุดกลมๆสีเหลืองอยู่สองจุด
หน้าของกบ!! เมื่อมันขึ้นมาจากน้ําเบลซ์และชิ้นก็เห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัด
เจน
มันเป็นกบตัวใหญ่ราวๆ1เมตร มีสีเขียวและรูปร่างปกติเหมือนกบทั่วๆไปแต่แค่ตัวใหญ่เฉยๆแต่ที่พิเศษก็คือพวกมันมีกลีบดอกบัวเรียงกันเป็นแผงคอที่เหมือนกับราชสีห์ประมาณ1-2ชั้น
“ประเมิน” เบลซยื่นมือออกไปทางพวกสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกบทันที
“โลตัสฟร็อก ระดับ8”
“โลตัสฟร็อก ระดับ7”
“โลตัสฟร็อก ระดับ8”
“โลตัสฟร็อก ระดับ6-8 x63 ตัว”
“เหมือนฝูงจะไม่มีหัวหน้าฝูงนะ” เบลซพูดด้วยความสบายใจเพราะสัตว์อสูรฝูงนี้ยังเป็นเพียงกลุ่มสัตว์อสูรธรรมดาๆเท่านั้นยังไม่ตัวที่วิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนจะว่าไป
ยังไม่มีตัวที่มีพลังธาตุเลยด้วยซ้ํา แต่ก็อย่างว่าเพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่สายเลือดธรรมดาๆ
“พวกนี้แทบไม่มีผลอะไรกับระดับของฉันกับเจ้าดาบน้อยแล้วนายไล่จัดการได้เลย” เบลซ่บอก
“งั้นขอบใจมาก ค่าเลื่อนระดับของช้านนนน” แล้วชินก็กระโดดลงจากหลังของเข้า ดาบน้อยลงไปในบึงและเริ่มทําการสังหารหมู่ในทันที
ผ่านไปราวๆ20นาที่ชิ้นโบกมือบอกเบลซว่าจัดการหมดแล้ว
เจ้าดาบน้อยก็บินลงมารับเบลซมองไปที่บึงที่ตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงซากที่ถูกทุบบี้แบนจนไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นส่วนไหนแต่ว่าในบึงน้ําสีแดงนั้นเองเบลซก็สังเกตเห็นจุดสีด่าเล็กๆหลายจุดติดกันลอยเป็นแพอยู่ซึ่งเบลซก็สามารถเดาได้ทันทีว่ามันคืออะไร
ไข่กับ! ไข่สัตว์อสูร!!
เบลซ์เข้าไปใกล้และก็ใช่อย่างที่เค้าคิดเป็นไข่ใส่ๆที่มีขนาดเท่าไข่ไก่และภายในก็มีจุดสีดํา
แต่แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับไข่กบปกติไข่กบที่ขนาดเท่าไข่ไกนี้ก็ถือว่าเป็นไข่กบยักษ์!
เบลซสามารถเห็นด้วยลูกอ๊อดที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจนและเขาก็พบกับข่าวร้ายอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่าสัตว์อสูรเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งแต่ธรรมชาติย่อมมีกฎของมันเมื่อมันแข็งแกร่งขึ้นอัตราการเกิดของมันก็จะน้อยลงหรือพูดง่ายๆว่าให้กาเนิดตัวอ่อนยากนั้นแหละ
ถึงแม้ว่าจะเป็นกบที่ปกติจะออกไข่7000-8000ฟองและครั้งหนึ่งจะมีลูกๆของพวกมันจะฟักออกมาราวๆ 70%หรือ4900-5600ตัว
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เมื่อกะจากสายตาเบลซกลับเห็นไข่เพียงแค่ประมาณ1000ฟองเท่านั้นและเมื่อมองเขาไปที่นัยตาของพวกตัวอ่อนกลับพบว่าตาของพวกมันเป็นสีขาวโพลนไร้ซึ่งพลังชีวิต หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือไข่ที่ฟักออกมาน่าจะไม่สมบูรณ์และตัวอ่อนก็ตายไปก่อนแล้ว
แต่เบลซยังคงไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นทุกฟองหลังจากควานหาอยู่นานเบลซก็พบกับไข่ฟองหนึ่งที่ตัวอ่อนตาเป็นสีดําใสแจ๋วเต็มไปด้วยพลังชีวิต เบลซยิ้มที่มุมปากทันทีที่เห็นมัน
หลังจากคุยหาอยู่นานจนแต่ใจว่าครบแล้วเบลซสามารถหาไข่ที่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง20ฟอง! ซึ่งก็ถือว่าปกติในบรรดาสัตว์อสูรที่ให้กําเนิดตัวอ่อนครั้งละมากๆ
แต่ถึงจะน้อยขนาดนั้นในโลกของจางหลงก็ยังถูกคลื่นของสัตว์อสูรถล่มจนดับสูญไปอยู่ดี เพราะว่าสัตว์อสูรหนึ่งตัวก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากแล้ว แค่ตัวเดียวก็สามารถสังหารมนุษย์ไปได้หลายคนและถึงแม้ว่าอัตราการให้กําเนิดจะน้อยแล้วแต่จํานวนที่มนุษย์ฆ่าไปได้ก็ยังนับว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการเกิดของพวกมันอยู่ดี
ส่วนสาเหตุที่พวกเบลซสามารถจัดการกับพวกมันได้มากและน่าจะพอๆกับอัตราการให้กําเนิดของรอบๆบริเวณฐานก็รู้ๆอยู่ว่าเค้าต้องสะสมความแข็งแกร่งมากขนาดไหนและการที่มนุษย์คนอื่นจะมาถึงระดับพวกเค้าจะมีซักกี่คนกันเชียว? เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่มีอยู่ทุกที่บนโลก
MANGA DISCUSSION