ตอนที่74 โจมตีรอบๆป่าแล้วสิ
“ก่อนอื่นในเรื่องของทีมต่อสู้ มันค่อนข้างจะแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องการฝึก จางม่ดู เรื่องพลธนูและพลโจมตีระยะไกล ชินดูแลพลโจมตีอาวุธในระยะประชิด เรย์ดินดูแล เรื่องพลเคลื่อนที่เร็วและสายลับ เอลลี่ดูแลพลต่อสู้ทั่วไป ส่วนฉันจะเป็นพลทหา รม้าพลบินแล้วก็พวกเบ็ดเตล็ดให้ แต่ว่าลาออกไปสํารวจให้ไปเป็นทีมโดยพวกนาย จะเป็นหัวหน้าหน่วย1 2 3 4 ตามลำดับ แน่นอนว่าหากฆ่าสัตว์อสูรได้เหรียญชีวิตและ วัตถุดิบจะเป็นของคนที่ฆ่าแต่ว่าเหรียญและวัตถุดิบ 10%จะต้องแบ่งกับพวกเราเข้า กองกลาง ส่วนคริสตัลให้เก็บไว้ก่อน”
“ส่วนพวกอาชีพอื่นๆ ถ้าเกิดพวกเขาสามารฝึกเป็นนักปรุงยาฝึกหัดหรือช่างตีเหล็ก ฝึกหัดได้พวกเขาก็สามารถหาผลิตของขายได้เองก็ไม่ต้องห่วงมาก ส่วนอาชีพที่ใช้ แรงงานอย่างตัดไม้กับขุดหิน นอกจากข้าวสามมื้อแล้วให้จ่ายเป็นเหรียญชีวิตต่อไม้ หรือหิน5หน่วย ส่วนคนปลูกพืชให้จ่ายเป็นวันละ 3 เหรียญชีวิตถ้าทําได้ดีก็ค่อยเพิ่มคนครัววันละ 1 เหรียญชีวิต ส่วนคนที่จะสมัครช่วยจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสารของเอมิเลีย 2 วันละเหรียญชีวิต ส่วนถ้าเกิดว่ามีคนเสนอจะทํางานอย่างอื่นก็ค่อยคิดอีกที ส่วนคนไม่ทํางานก็สามารถมารับอาหารได้จานละ1เหรียญชีวิต”
“มีใครมีความเห็นอะไรไหม?” เบลซถาม
“ความจริงตัวเลขมันก็ค่อนข้างจะดีนะแต่ว่า มันจะพอหรอ? ของแต่ละอย่างในร้านค้าราคาสูงมาเมื่อเทียบกับของพวกนั้น พวกเขาทํางานเดือนนึงเต็มๆยังซื้อของที่อยู่ในร้านค้าแทบจะไม่ได้ด้วยซ้ํา” เอลลี่ถาม
“ใช่นั้นสิ” เซลินเสริม
“ความจริงฉันคิดเรื่องนั้นไว้แล้ว ความจริงของพวกนั้นคนที่มีกําลังซื้อจริงๆ คือคนที่ ฆ่าสัตว์อสูรบ่อยๆไม่งั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจ่ายที่ให้พวกเขาไปก็เพื่อในแทนเงินชั่วคราวเฉยๆ ให้ง่ายต่อการค้าขายหรือแลกเปลี่ยน” เบลซอธิบาย
“เอาหละเข้าใจแล้ว ฉันเห็นด้วย” เอลลี่พูด
“อื่ม!” คนอื่นพยักหน้าตาม
“แล้วก็ยังมีอีกเรื่องนึ่งที่สําคัญอีกสองวันบาเรียที่ฐานจากถึงช่วงพักแล้ว ดังนั้นพรุ่งนี้เราจะต้องกวาดล้างฝูงสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆให้ได้มากที่สุด เพื่อลดความรุนแรงของคลื่นสัตว์อสูร” เบลซกล่าวความจริงนี้เป็นโจทย์ที่ยากสําหรับเขา เพราะในโลกของจางหลงกว่าผู้รอดชีวิตจะยึดฐานได้ ก็ห่างจากวันแห่งหายนะร่วมเดือนผู้คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะต่อสู้เป็นและรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแล้วทําให้การป้องกันไม่ลาบากมาก ต่างกับเขาที่ในฐานยังมีคนจํานวนไม่มากและต่อสู้ไม่ค่อยเป็นไม่สิเรียกว่าไม่เป็นเลยจะดีกว่า
“อืม งั้นพรุ่งนี้แสดงว่าหลังจากจัดการเรื่องงานเสร็จแล้วจะต้องออกไปล่าตั้งแต่เช้า เลยสินะ” เรย์ลินกล่าวสรุป
“ใช่” เบลซ์ตอบ
“ปัญหามันเยอะจริงๆเลยแฮะ” จางม่พูดด้วยความเหนื่อยใจ
“เอาหละงั้นก็สรุปว่าตามนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะบอกพวกเขา แล้วมาฟังค่าตอบกัน กินข้าวกันเถอะฉันหิวแล้ว” เบลซพูดพวกเขาว่าจะกินข้าวเย็นตั้งแต่กลับมาจากฐาน แล้ว
“นั้นสิกินกันเถอะ!” เมิ่งหยิ่งหยิ่งพูดด้วยท่าทางร่าเริง เธอและรินช่วยกันยกหม้อใบ ใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้าวต้มออกมาและตักใส่ชามแจกเพื่อนที่ละคน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า
แล้ววันต่อมาก็มาถึง พวกเบลซปลูกผู้รอดชีวิตตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเริ่มแผนการที่วางไว้ของวันนี้ทันที
“เอาหละเริ่มกันเลยดีกว่าก่อนอื่นมีใครอยากจะรู้บ้าง”
เป็นไปตามคาดมีเพียง 10 คนที่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้ ส่วนอีก19คนที่เหลือต่างสมัคร ไปทํางานต่างๆ มีสองคนที่โชคดีได้รับการฝึกเป็นนักปรุงยาฝึกหัดกับช่างก่อสร้างตา มลําดับและมีคนหนึ่งขอทํางานประมง
“เอาหละพวกนายทั้งสิบคนมาทางนี้ ฉันจะพาไปโรงฝึกเพื่อทดสอบความสามารถ ของพวกนาย” เบลซพาผู้มีความกล้าทั้งสิบไปโรงฝึกและฝากงานนี้ไว้ให้กับเหล่าโฮมุนครูส แน่นอนว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเล็กน้อยหละนะแต่ว่าแค่การทดสอบสมรรถภาพ ก็จ่ายเพียงคนละ 2 เหรียญชีวิต
“เดี๋ยวตอนเที่ยงฉันจะกลับมารับพวกนายได้ลองสู้จริงดู” เบลซพูดก่อนจะกลับไปดู คนที่สมัครงานอื่นๆ
“หวังว่าจะไม่มีปัญหามากนะ” เบลซ่หวังลึกๆในใจเพราะยังไงการอยู่ร่วมกันก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาได้แต่ก็ให้มันแค่เล็กน้อยๆ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ก็เพียงพอ
“ไปกันได้แล้ว” เบลซเรียกเจ้าดาบน้อยมาเนื่องจากในป่าไม่สามารถเอารถบัสเข้า ไปได้ดังนั้นพาหนะหลักก็คือสัตว์อสูร เนื่องจากซีฟอสค่อนข้างตัวใหญ่เลยสามารถ ได้สามคน มีเบล เอลลี่ และแอฟฟรา
ส่วน เรย์ลินกับเซลินแน่นอนว่าขี่สเกียไป ส่วนเอมิเลียและคนอื่นๆ…ช่วยไม่ได้ เธอต้องเฝ้าฐานกับจางมู่ชินและอิโนะไปก่อนโดยเฉพาะยิ่งมีผู้รอดชีวิตเข้ามาใหม่ พวกเขาจะได้สู้ก็ต่อเมื่อเจอสัตว์อสูรอยู่ใกล้ๆฐาน ที่พวกเขาสามารถเดินมาได้ด้วย ระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป
“พรึบๆ” ซีฟอสสยายปีกบินไปบนท้องฟ้าโดยมีสเกียวิ่งตามอยู่บนพื้นดิน
แน่นอนว่าในเรื่องของมุมมองซีฟอสย่อมจะเห็นได้กว้างกว่าเพราะบินอยู่บนฟ้า นอกจากนี้เบลซยังเอากระดาษมาเขียนแผนที่และบันทึกจุดต่างๆลงไปด้วยเช่นที่ ราบ บึง ป่าทึบ รวมไปถึงชนิดพืชผักผลไม้หรือดอกไม้ และยังจดบันทึกตําแหน่งขอ งกลุ่มสัตว์อสูรกลุ่มเล็กอีกด้วย
สาเหตุที่เค้าไม่จัดการกับกลุ่มเล็กๆพวกนี้เพราะมันไม่ค่อยมีแรงพอที่จะคุกคาม ฐานของเขาได้กลับกันในอนาคตพวกมันอาจจะได้เป็นสัตว์อสูรสงครามของกองกำลังของเขา
แต่ในขณะเดียวกันถ้าเป็นในเรื่องของระยะการสารวจหละก็สเกียนั้นทําได้ดีกว่า มันสามารถรับกลิ่นของสัตว์อสูรและสมุนไพรที่มีค่าได้ โดยเฉพาะฝูงของสัตว์อสูรที่มี หลายๆกลิ่นรวมกันมาจากตาแหน่งเดียวกัน นั่นทําให้ลดระยะเวลาในการสํารวจไปได้ มาก ทันทีที่มันได้กลิ่นมันก็จะบอกทางให้ซีฟอสล่วงหน้าไปสํารวจก่อน
“โอ๊ะ เจอฝูงขนาดร้อยตัวแล้วหรอ” เบลซพูดหลังจากเห็นเรย์ลินทําสัญญาณมือ
“ไปกัน” แล้วไวเวิร์นสีแดงกับหมาป่าสีดาก็เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าตรงไปยังที่ๆหนึ่ง
สิบนาทีต่อมาเบลซ่เห็นบึงน้ําจากระยะไกล
มันเป็นบึงที่มีน้ําใสสะอาดมันก็ดูปกติทั่วๆไปแต่ที่ไม่ปกติคือมีหมาป่าขนสีเท่ามัน วาวสะท้อนแสงสีฟ้าอ่อนตัวสูงราวๆ 1.5 เมตรประมาณหนึ่งร้อยตัว มีตัวที่มีไฟฟ้าสีเหลืองแลบไปแลบมาตามล่าตัวอยู่สองตัวและตัวมีตัวหนึ่งที่ใหญ่เป็นสองเท่าจากตัว ปกติมันมีสายฟ้าสีเหลืองแดงแลบสลับไปมาบนหัวมีแฉกสีแดงงอกขึ้นมาเรียงกันเป็นรูปวงกลมคล้ายๆมงกุฎ
“ประเมิน
“หมาป่าไฟฟ้า(ขาว)ระดับ8”
“หมาป่าไฟฟ้า(ขาว)ระดับ7”
“หมาป่าไฟฟ้า(ขาว)ระดับ8”
“หมาป่าสายฟ้าเดือด<สายฟ้า>(ขาว)ระดับ14”
“หมาป่าสายฟ้าเดือด<สายฟ้า>(ขาว)ระดับ15”
“หมาป่ามงกุฎวชิระโลหิต<สายฟ้า เลือด>(เขียวอ่อน)ระดับ16”
“ไม่ใช่เล่นๆนะเนี่ย หนักเอาการ” เบลซคิดในใจจํานวนของพวกมันมีประมาณร้อย เศษๆ เพื่อนๆของเขามีระดับราวๆ13-14 มีแค่ เรย์ลิน จางมู่ชิน เอลลี่ เอมิเลีย คงต้องใช้ 2-3คนในการจัดการหมาป่าสายฟ้าหนึ่งตัว รวมกับว่าเขาจะต้องจัดการหมาป่า มงกุฎสายฟ้าคนเดียว แล้วพวกหมาป่าประจุไฟฟ้าที่เหลือหละ? เพื่อนๆคนอื่นของเค้า พึ่งจะมาอยู่ระดับ 8-10 เท่านั้นยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการพวกมัน เพราะว่าถ้าเกิด ว่าเค้าเข้าไปโจมตีจ่าฝูงหรือรองจ่าฝูงตรงๆก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ต้องปะทะกับ สมาชิกในฝูงของพวกมัน จําเป็นจะต้องมีกองกําลังจานวนหนึ่งที่จะมารับหน้าที่ในการ ต้านเจ้าพวกนี้ไว้ ระหว่างที่พวกเขากําลังจัดการกับหมาป่าสายฟ้าและหมาป่ามงกุฎ สายฟ้า
“บรู๊วววววว” ในตอนนั้นเองหมาป่ามงกุฎสายฟ้ามาเงยหน้ามองมาทางเบลซ มันอ้าปาก บอลสายฟ้าสีแดงพุ่งมาทางเบลซทันที
MANGA DISCUSSION