ตอนที่ 72 สลายฝูงสัตว์อสูรแล้วสิ
เบลซมองลงไปข้างล่างเขาเห็นฝูงหนูกลายพันธ์รวมกลุ่มกันสองสามตัวซึ่งถึงสิบตัวฝูงพวกนี้ไม่มีตัวที่มีธาตุแม้แต่ตัวเดียว และขนาดของมันเล็ก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ว่าเมื่อเขามองไปอีกทางไกลๆ เขาเห็นฝูงหนูกลายพันธ์ประมาณร้อยตัว ในนั้นมีตัวที่มีธาตุไฟหนึ่งตัว ธาตุลมอีกหนึ่งตัว
“ตรงนั้น!” เบลซชี้นิ้วไปทางฝูงหนูกลายพันธ์ร้อยตัวทันที
“โกร็วววว” ซีฟอสคํารามก่อนจะบินลงไป
“จ๊ดดดดดดดด
“จี๊ดดดดดด”
“จี๊ดดดดด”
ฝูงหนูกลายพันธ์ร้องระงมและเริ่มกระจายตัวออกไปเนื่องจากพวกมันรู้สึกได้ถึงรังสีของสัตว์อสูรที่วิวัฒนาการเหนือกว่าพวกมันกําลังมุ่งหน้ามาหา
“ฟูววววว” แต่ว่าแน่นอนว่าไม่ทัน ทันทีที่ซีฟอสบินลงมามันเปิดปากพ่นเพลิงอเวจีกว้างๆเผาหนูกลายพันธ์ไปสามสิบสี่สิบตัวในทันที
“ฉีก ฉีก” เบลซโบกมือ เถาพิษโลหิตจัดการตัวที่มีธาตุทั้งสองในทันที เบลซยื่นคริสตัลธาตุลมให้เอลลี่แล้วบอกเธอว่า “ดูดซับมันซะ”
“ขอบใจนะ” เธอตอบก่อนจะยื่นมือออกมาดูดซับมัน
หลังจากการสลายฝูงมีหนูกลายพันธ์หลายตัวที่หนีกระจายออกไป แต่ว่าเป้าหมายของเบลซก็ลุล่วงแล้ว ตัวที่มีพลังธาตุถูกกําจัดและพวกมันไม่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ถึงพวกมันมีแนวโน้มว่าจะกลับมารวมกันแต่ก็คงอีกนานเพราะขาดตัวที่เป็นผู้จ่าฝูงไป
“เธอมีแต้มวิวัฒนาการเท่าไหร่แล้ว”
เบลซถาม
“ดูเอาเองสิ” เอลลี่ตอบก่อนจะยื่นหน้า จอระบบให้
ชื่อ เอลลี่ ชาล็อตเต้ เหรียญชีวิต85เหรียญ
ระดับ12
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว(25/100) พลังธา ตุ <ลม น้ําแข็ง>
อาชีพนักดาบฝึกหัด
อาชีพเสริม ไม่มี
ฉายา ไม่มี
Strength(แรงกาย) : 13
Agility(ความว่องไว) : 18
Vitality(พละกําลัง) : 12
Stamina(ความทรหด) : 13
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 12ทักษะ
<เชี่ยวชาญดาบขั้น1(ขาว)> <ร้อยคมเหมันต์(เขียวอ่อน)>
“พึ่ง25เองหรอเนี่ย”
“ก็ใครให้มันไม่เจอคริสตัลธาตุลมบ่อยๆกันเล่า!” เอลลี่เถียงทําท่าแก้มป่อง
“เฮ้ออ เธอเนี่ยน่ะป่านนี้คนอื่นไปถึงไหนกันหมดแล้วมั้ง เธอน่าจะล่าเองได้นะ”
“ก็ใครใช้ให้ฉันอยากอยู่กับนายตลอดเวลาเล่า” เอลลี่บ่นอุบอิบ
“อะไรนะ?” เบลซรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ตอบทําเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
“มะ ไม่มีอะไร” เอลลี่อายม้วนก่อนจะไม่พูดอะไรอีก
“ป้าป๋าคุยอะไรกันนะ?” ซีฟอสคิดในใจ แต่ก็ยังบินต่อไปเรื่อยๆภายใต้การกําหนดทิศทางของเบลซ
“จ็บๆ จิบๆ จิบๆ” เสียงของนกหลายตัวดังขึ้น เบลซมองไปรอบๆมองลงข้างล่าง ก่อนจะมองขึ้นข้างบน
เบลซเห็นฝูงนกพิราบสีเทาขนาดใหญ่ พวกมันตั้งแต่หัวจรดปลายหางตัวละ ราวๆ5ฟุต(-150ซม.)ประมาณยี่สิบตัว และหนึ่งในพวกมันมีตัวหนึ่งที่ใหญ่เป็นสามเท่าจากพวกขนมีสีเขียวศิลานวล
สวยประเมิน
“นกพิราบวายุ(ขาว) ระดับ7-9 ยี่สิบตัว”
“นกพิราบหยกวายุ<ลม>(เขียวอ่อน) ระดับ 12”
“ถ้าปล่อยให้พวกมันมีจํานวนมากกว่านี้คงจะไม่ดี แถมพวกนี้ก็บินได้ด้วย ถ้าโชคร้ายเจอกับพวกมันตอนที่พักบาเรียฐานพอดีน่าจะยุ่ง จัดการพวกมันไปเลยดีกว่า” เบลซคิดก่อนจะตัดสินใจจิตสังหารถูกปล่อยออกมา “ฆ่ามันซะ!”
“กร้าววววว” ซีฟอสคํารามเสียงใหญ่ ก่อนจะบินขึ้นไปหาฝูงนกพิราบวายุทันที
“จิบๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฝูงนกพิรายวายุร้องระงมแต่ว่าพวกมันก็บินเข้าหาพวกเบลซเหมือนกัน เนื่องจากหัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้อ่อนแอ
“จิบ!!” นกพิราบหยกวายุสะบัดปีกคมมีดสายลมสองสายซัดมาทางเบลซ
“แครั้ง แครั้ง” ซีฟอสหุบปีกทั้งสองข้างบังร่างของตัวเองและเบลซกับเอลลี่ที่อยู่บนหลัง
คมวายุปะทะเข้ากับปีกสีแดงไม่เกิดแม้แต่รอยขีดข่วน
“ดูจากความแรงแล้วเหมือนจะเป็น ทักษะระดับขาวแต่ก็ไม่แน่ว่ามันจะไม่มี” เบลซคิดในใจก่อนจะพูดว่า “เอลลี่ เธอจัดการนกพิราบธรรมดาที่เข้ามาใกล้ๆหละ เจ้าดาบน้อยนายยื่อจ่าฝูงไว้ซะ”
“อื้อ!”
“โกรัว”
“เถาโลหิต” เบลซสะบัดมือเรียกเถาพิษโลหิตคู่ใจทั้งเจ็ดออกมา ก่อนจะสะบัดไปจัดการกับนกพิราบวายุตัวอื่น ขณะที่ซีฟอสกําลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับนกพิราบหยกวายุ
“แครงๆๆ” กรงเล็บของสัตว์อสูรทั้งสองตัวปะทะกันก่อนะผละออกจากกันอีกครั้ง
“ควัน ควับ” ซีฟอสกางปีกออกปีกของมันเต็มไปด้วยออร่าสีเขียวดาบสายลมสีเขียวอ่อนยาวสองคมซัดไปทางนกพิราบหยกวายุ
“ปีกสายลม!”
“จิ๊บ! จิ๊บ!” คมสายลมฟันเข้าไปที่ลําตัวของนกพิราบหยกวายุแผลรูปกากบาทยาว60เซนติเมตรอยู่บนลําตัวของมันเปลี่ยนขนสีเขียวหยกรอบๆให้กลายเป็นสีแดง
“จ็บ!!!” นกพิราบหยกวายุร้องเสียงดัง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มันพุ่งเข้าหาไวเวิร์นสีแดงด้วความเร็วสูง ตอนนั้นเองจะงอยปากของมันเปลี่ยนเป็นสีขาวพุ่งเข้าไปที่กลายลําตัวของซีฟอส
“แครก!! โกร็วววว!” จะงอยปากชนเข้าไปที่ข้างลําตัวของซีฟอสเกล็ดของมันร้าวเล็กน้อยสองสามเกล็ดเลือดไหลออกมาระหว่างรอยร้าวเล็กน้อย ส่วนนกพิราบหยกวายุก็กระเด็นออกไปจะแรงที่พุ่งชน
“คาดว่าน่าจะเป็นทักษะระดับเขียวอ่อนบางอย่าง” เบลซพึมพัมพลางสั่ง “ใช้ท่าไม้ตายไปเลย! ไม่ต้องออมพลังงานแล้วสู้ยืดเยื้อไปนานๆจะบาดเจ็บเปล่าๆ”
“โกร็วววววว!” ซีฟอสคํารามลั่นร่างของมันห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีเขียว สายลมสีเขียวออ่อนพัดไปรอบๆ ก่อนจะรวมกันเป็นไวเวิร์นสีเขียวอ่อนสูงสามเมตร
“โกร็วววว!” ไวเวิร์นที่เกิดจากสายลมนั้นคํารามก่อนจะพุ่งเข้าหานพิราบหยกวายุ
“จิบบ!” นกพิราบหยกวายุรู้สึกได้ถึงอันตรายจากทักษะนี้แต่ว่ามันหลบไปทัน
“โกร็ววว” ซีฟอสฟนเพลิงออกมา กลายเป็นไวเวิร์นสีส้มแดงตัวเล็กหนึ่งเมตรมันพุ่งเข้าหาไวเวิร์นที่สร้างจากลมในตอนแรก
“ฟรีบ” ด้วยวายุเสริมเพลิงไวเวิร์นที่ถูกสร้างจากลม กลายเป็นไวเวิร์นเพลิงขนาดยักษ์ใหญ่กว่าสิบเมตร พุ่งเข้าใส่นกพิราบหยกวายุ
มังกรวายุผงาดโลกันต์!
“ตู้มมมม!” เปลวเพลิงระเบิดอย่างรุนแรงลุกท่วมนกพิราบหยกวายุจนมองไม่เห็นร่างของมัน
“ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก หมดพอดี” เบลซพูด หลังจากกําจัดนกพิราบวายุทั้งหมดแล้ว รอบนี้เขาได้คริสตัลไร้ธาตุมาจํานวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ซักพักร่างไหม้เกรียมก็ร่วงหล่นเป็นนกพิราบสีดําแต่ยังคงมีบางส่วนที่ยังเห็นเป็นสีเขียว เป็นร่างของนกพิราบหยกวายุ!
“พรึบ พรึบ” เบลซสั่งให้ซีฟอสบินตามลงไปมันกระพือปีกค่อยๆลดระดับจนลงมาถึงพื้น
แน่นอนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มีหลายคนที่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้!
หลังจากถึงพื้นเบลซลงมาจากหลังของเจ้าดาบน้อยก่อนจะลงมาดูนกพิราบ หยกวายุที่หายใจรวยริน
“ไม่ต้องห่วงนะฉันจะส่งนายไปสบายเอง” เบลซพูดเถาพิษโลหิตแทงไปที่หัวของมันก่อนจะดึงคริสตัลธาตุลมที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมา
“นกพิราบหยกวายุ<ลม>(เขียวอ่อน) ถูกสังหาร ได้รับเหรียญชีวิต 20 เหรียญ และดรอปทักษะ ดาบวายุ(ขาว)ไว้ในคริสตัลของมัน
เบลซมองไปที่ซากของมันเมื่อเห็นขนที่ไหม้เกรียมไปเกือบหมดแล้วคงจะเอาไปทําอะไรไม่ได้ เลยจําใจทิ้งมันไปด้วยความรู้สึกเสียดาย
เบลซักรีดปลายนิ้วตัวเองเล็กน้อยพิษ หัวใจขาวซิมออกมาผ่านเลือดเบลซลูบปลายนิ้วไปที่รอยร้าวเกล็ดของซีฟอสเกล็ดของมันปิดสนิทอีกครั้ง
“งับ งับ งับ” ซีฟอสฉีกร่างของมันกัน เนื้อสุกสีขาวที่อยู่ข้างในด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“กรือววว”ซีฟอสร้องออกมาด้วยท่าทางน่าเอ็นดูมันเอาหัวสีไปมาที่หน้าของเบลซ
“ขี้อ้อนจังนะ ไปกันต่อเถอะ” เบลซพูดก่อนจะอุ้มเอลลี่ขึ้นและขี้หลังเจ้าดาบน้อยไปยังที่ต่อไปอีกด้านหนึ่งที่อยู่ไกลๆ
“นะ นั้นมันตัวอะไรหนะ?” ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงสั้นๆหน้ายังเงยค้างมองท้องฟ้าที่อยู่ไกล ถ้ามองดีๆจะเห็นว่า พวกเขามีกันหลายคนและท่าทางเหมือนกับกําลังช็อคในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“ที่แน่ๆ พาวนาไว้ว่าอย่าได้เจอมันเลย ดีกว่าเจ้าตัวสีแดงนั้นถ้าใครเจอเข้าหละ ก็ไม่เหลือซากแน่ๆ” ชายอีกคนหนึ่งพูด ถ้ามองรอบๆหละก็จะเห็นว่าคนกลุ่มนี้ ต่างมีอาวุธในมีและรอบๆมีซากของสัตว์อสูรประมาณสามสี่ตัวอีกมุมหนึ่งของเมือง
“คิร่า นะ- นั้นมันตัวอะไรหนะไม่เห็นจะจําเลยว่ามีฝูงสัตว์อสูรที่มีจ่าฝูงตัวสีแดงอยู่ในละแวกนี้” หญิงสาวคนนึ่งตามด้วยความสั่นกลัว
“ฉันไม่รู้ แต่รู้แค่ว่ามันน่าจะแกร่งกว่าพวกหัวหน้าฝูงอีก แถมน่าจะไม่ใช่จ่าฝูงด้วย!มันไม่มีสมาชิกเลยแม้แต่ตัวเดียว ถ้าเจอมันก็ให้หนีทันที! ส่วนจะรอดไหมก็ขึ้นอยู่กับโชคแล้ว”
“อีกอย่างฝั่งนั้นเริ่มจะขอเจรจาแล้ว จะเอาไงดี?”
“ก็ต้องลองไปดูแต่ว่าระวังตัวไว้ด้วยหละ”
MANGA DISCUSSION