The Great Geneticist in Apocalypse
ตอนที่62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ
สาเหตุหลักๆที่วันนี้เบลซให้ทุกคนพักตั้งแต่กลางวันก็เพราะว่าจะได้ผ่อนคลายกันแต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวเพราะทุนคนก็ยังทำงานกันอยู่แต่ว่าเป็นแบบชิวๆ อย่างเพิ่งหยิ่งหยิงก็ยังรดน้ำต้นไม้เหมือนกันงานอดิเรก เรย์ลินก็ออกไปหาผลไม้ปากินเล่นแล้วก็เก็บเมล็ดกลับมาปลูกเอลลี่ที่พึ่งได้ธาตุน้ำแข็งมาก็มาแช่แข็งพวกเนื้อสัตว์อสูรไม่ให้เน่าเสีย คนอื่นๆก็ไปโรงฝึกเรียนทักษะกัน ส่วนเบลซเค้ารู้สึกว่าเจ้าดาบน้อยใกล้จะวิวัฒนาการเสร็จแล้วและวันนี้เค้าก็จะลองทดสอบอาชีพลับ “อาชูร่า” ดูเพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่โฮมุนครูสนักดาบบอกไว้
เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็กเขาเดินไปพร้อมกับน้ำทรายเหล็กครามและเปลือกคริสตัลของนางพญาแมงปองคริสตัลเหมันต์ไปให้ช่างตีเหล็กช่วยหลอมชุดเกราะให้
“100 เหรียญชีวิตเหรียญชีวิต” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กตอบ
“ถ้าไม่มีวัสดุให้จะแพงขนาดไหนเนี่ย” เบลซคิดในใจแต่มันก็คุ้มค่าที่จะได้เกราะระดับเขียวอ่อนด้วยราคาเพียง100ชีวิตบวกกับเอาวัสดุไปให้ทำ ถ้าเกิดว่าไม่เอาวัสดุมาให้มันคงจะเป็นเกราะเขียวอ่อนธรรมดาๆไม่ได้ทำจากวัสดุที่พิเศษและแพงหูฉี
“วันนี้ยังไม่มีคิว นายสามารถมาเอาได้เลยประมาณเย็นๆ” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กพูดแล้วก็หอบวัสดุที่เบลซให้ไปใต้ถุนบ้านและเริ่มหลอมวัสดุต่างๆ
“เฮ่อออ จนอีกแล้วเรา” เบลซถอนหายใจกับเหรียญชีวิตของเขาที่ตอนนี้เหลือเพียง13เหรียญ
เบลซเดินเล่นดูพวกสัตว์เลี้ยงลูกแมงปองคริสตัลก็ยังอยู่ที่ส่วนอสูรทรายครามเนื่องจากมันเข้าใจว่าได้รับการปกป้องแล้วจึงนอนอาบแดดอยู่บนทรายเหล็กครามอย่างสบายใจ บ้างก็นอนอยู่ในเสาศิลาที่เจาะเป็นรู
เบลซนั่งรอเจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จอยู่ที่หน้าไข่ของมันเนี่ยแหละ
“นายทำอะไรของนายหนะ มันใกล้ฟักแล้วหรอ?” จางม่ถาม
“อิ่ม แต่เขาเรียกวิวัฒนาการต่างหากไม่ใช่ฟัก”เบลซแก้
“อ่ะๆ ยังไงก็อยากปล่อยเวลาเสียเปล่าหละฉันไปซ้อมธนูต่อหละ” จางม่พูดแล้วก็ไปโรงฝึกต่อ
“เมื่อไหร่นายจะออกมานะ” เบลซคิดหลักๆแล้วคือเขารู้สึกคิดถึงมันเวลาต่อสู้แล้วไม่มีมันอยู่ด้วยเขารู้สึกว่าเหมือนมันขาดอะไรไป เพราะตั้งแต่วันแรกเขาก็สู้กับมันจนชินไปแล้ว
พอตกบ่ายเพิ่งหยิ่งหยิงกับสาวๆก็ช่วยกันทำอาหาร ครั้งนี้มีมันฝรั่งบดด้วยเพราะว่าเรย์ลินไปเจอมาหลายหัวและแน่นอนว่าเก็บบางส่วนไว้ปลูก
หลังจากทานอาหารเสร็จเบลซก็กลับไปนั่งรอเจ้าดาบน้อยต่อ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆที่ละชั่วโมง ที่ละชั่วโมงจนกระทั่งพระอาทิตย์กลายเป็นสีส้มเกือบลับขอบฟ้า เวลาตอนนี้ราว4-5โมงเย็นแล้ว
“แครก!” หลังจากที่เบลซนั่งรอมานานในที่สุดไข่ก็มีเสียงปริแตกจากข้างใน
“แครก! แครก!” เกิดไขรอยร้าวขึ้นและลามมาเรื่อยๆเบลซมองด้วยความตื่นเต้นแต่ว่าไม่ได้รีบไปแกะออกเพราะว่ากลัวจะไปรบกวนกระบวนการวิวัฒนาการของมันเลยจะรอให้มันแกะไข่ออกมาเอง
“แครก! แครก! แครก!” เปลือกไข่บางส่วนหลุดออกมาเบลซเห็นบางส่วนของมัน มันมีเกล็ดสีแดงสดและหนามแหลมบางส่วนแต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นส่วนไหนของร่างกาย
“โกร็วววว” เสียงร้องแบบเดิมที่เบลซคุ้นเคยก็ดังออกมาจากไข่ถึงแม้ว่าน้ำเสียงดูต่ำลงแต่เบลซก็จำได้
“อ้าวววว” ในที่สุดเปลือกไข่ทั้งหมดก็แตกออกมันพุ่งเข้ามาเอาหัวถูหน้าของเบลซเหมือนเดิมเบลซลูบหัวมันเบาๆก่อนจะดูร่างของมันที่เปลี่ยนไปมาก
แขนของมันตอนนี้กลายเป็นปีกขนที่มีมาตอนแรกหายไปส่วนขนตรงหลังถูกแทนที่ด้วยหนามปลายหางเป็นรูปหัวหอกที่มีหนามรอบ กรงเล็บที่ขาทั้งสี่ของมันยาวเท่ากันอย่างสมดุล เกล็ดของมันเป็นสีแดงสดทั้งตัวดวงตาสีเหลืองอัมพัน หัวของมันมีเขางอกออกมาสองเขา และตัวของมันใหญ่ขึ้นมาก มันสูงประมาณ3เมตรและยาวประมาณ5เมตรรวมกับหางอีก5-6เมตรเป็นราวๆ1011เมตรหากนับตั้งแต่หัวจรดปลายหาง
“ระบบ”
ชื่อ เบลซ แร็คนาร์ เหรียญชีวิต13เหรียญ
ระดับ13
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%
พลังธาตุ <ไฟ น้ำ สายฟ้า พิษ>
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยืน
ฉายา
<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>
Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]
Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]
Vitality(พละกำลัง) : 30.75[(11)+11.5]
Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]
Spirituality (จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]
ทักษะ
(อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)> <พิษหัวใจขาว/เขียว> <ภูติเงาเพลิง>
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ไวเวิร์นวายุเพลิงโลกันต์(ลูก) ระดับ12
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน 2ธาตุบวกค่าสถานะ35%
พลังธาตุ เพลิง ลม
Strength(แรงกาย) : 29.7(22)
Agility(ความว่องไว) : 32.4(24)
Vitality(พละกำลัง) : 48.6(36)
Stamina(ความทรหด) : 29.7/29.7(22)
Spirituality จิตวิญญาณ) : 10.8/10.8(8)
ทักษะ
เพลิงอเวจี> เพลิงนรก ความแรงธาตุเพลิง+75%
<ปีกสายลม(เขียวอ่อน)> เพิ่มความเร็ว50% และสามารถสะบัดคมสายลมใส่ศัตรูได้ใช้Spiritualityครั้งละ1แต้ม
(มังกรวายุผงาดโลกันต์(เขียวอ่อน)> [ทักษะมังกร] ชัดมังกรเปลวเพลิงที่ถูกหนุนด้วยมังกรสายลมใส่ศัตรู +พลังโจมตีธาตุเพลิง225% ใช่spirituality 4 แต้มต่อครั้ง
พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุเสถานะ50%)
พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน
Strength(แรงกาย) : 1.5(1)
Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)
Vitality(พละกำลัง) : 70.5(47)
Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)
Spirituality (จิตวิญญาณ) : 1.5(1)
ทักษะ
<พึ่งพาอาศัย> 44.5(3×5096)
<แบ่งพลังธาตุพืช> <ดูดโลหิต> <พิษกัดกร่อน>
“สุดยอดไปเลย” เบลซอดไม่ได้ที่จะชม
เข้าไม่คิดว่ามันจะเริ่มวิวัฒนาการในเส้นทางของมังกรเร็วขนาดนี้
ถ้าถามว่าสัตว์อสูรสายเลือดมังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างไร?
ชัดเจนว่าคือโครงสร้างร่างกายและทักษะ แม้ค่าสถานะจะเท่ากันกับสัตว์อสูรสายเลือดระดับสูงประเภทอื่นๆ แต่ว่ามังกรมีเกล็ดที่แข็งแรง บินได้ เร็ว แรงเยอะ ฟื้นฟูตัวเองก็เร็ว ปฏิกิริยาก็ฉับไวกว่า หรือง่ายๆก็คือเป็นที่สายพันธ์ของพวกมันที่ทำให้มีจุดเด่นแบบนี้ แล้วไม่ต้องพูดถึงทักษะทักษะตั้งแต่ที่เบลซเจอมาในระดับเขียวอ่อนยังไม่มีทักษะไหนเพิ่มพลังโจมตีเกิน100%เลยแต่ทักษะ มังกรวายุผงาดโลกันต์กลับเกิน200%เข้าไปแล้ว
แม้ว่าชีฟอสจะเป็นแค่ไวเวิร์นก็ตามถึงจะเป็นสายพันธ์ปลายแถวแม้จะสู้มังกรจริงๆไม่ได้แต่งกรก็คือมังกรแล้วมันก็ยังมีโอกาสวิวัฒนาการอีกเยอะ ไม่แน่มันอาจจะเป็นมังกรตัวแรกของโลกนี้เลยก็ได้ (TL ถึงจะอวยตัวเองไปไหน!)
“เอาหละวันนี้ไหนๆก็ไม่ได้ไปไหน นายเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้วไปบินเล่นกันหน่อยไหม?”
“โกร็ววว” ซีฟอสร้องออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นเบลซกระโดดไปนั่งอยู่บนหลังมันหนามที่อยู่บนหลังเป็นเหมือนกับพนักพิงให้เบลซพอดี
“ พืบ พืบ” ซีฟอสกระพือปีกก่อนจะลองส่งตัวเองบินขึ้นฟ้า
“ยาฮูวววว” เบลซร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“โคร่ม!” หลังจากขึ้นไปสี่ห้าวิซีฟอสก็เสียการทรงตัวและ
“บะโถ่ บินไม่เป็นก็บอกกันก่อนสิเสียงฟอร์มหมด”
“กรู้วววว” ซีฟอสทำหน้าจ๋อยถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะดูไม่เด็กแล้วแต่จริงๆแล้วก็ยังเป็นเด็กอยู่
“เอาเถอะ! ไม่เป็นไรไปฝึกบินกัน” เบลซพูดและคิดในใจ “ยังไงฉันก็จะต้องฝึกเจ้าดาบน้อยให้บินได้ให้ได้”
“ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ” ซีฟอสเดินออกนอกฐานไปด้วยความเร็วสูงมันไปที่เนินสูงๆห่างจากฐานราวๆ500เมตร
เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ระดับที่สูงที่สุดของสัตว์อสูรยังคงอยู่แค่ระดับเขียวอ่อนและคงอยู่ไปอีกพักนึงเลยดังนั้นรังสีมังกรของซีฟอสทำให้พวกสัตว์อสูรทั้งหลายไม่กล้าออกมาโจมตีและอยู่ของใครของมันไปเงียบๆ
“เอาหละเป้าหมายแรกนายจะต้องร่อนต่ำๆจากที่นี้ไปที่ฐานให้ได้” เบลซบอก
“โกรัวววว” ซีฟอสขานรับก่อนจะสยายปืนดันตัวเองให้อยู่สูงกว่าพื้นดินราวๆ4-5เมตรแล้วร่อนไปข้างหน้า
“กางปีกตึงอีกนึดนึง รักษาการทรงตัวด้วย นึกถึงท่าทางของนกเวลาบินบนท้องฟ้า” เบลซพยายามอธิบายเพื่อให้มันจับความรู้สึกได้ง่ายขึ้น
หลังจากพยายามอยู่สี่ห้ารอบในที่สุดเจ้าดาบน้อยก็ทำการร่อนระยะกลางๆได้และเริ่มที่จะบินระยะสั้นๆได้แล้วแต่ว่าพระอาทิตย์ดันตกก่อนเลยทำให้ต้องกลับฐาน
แน่นอนว่าทุกคนรู้เรื่องที่เจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จแล้วก็นะเล่นร่อนๆไปร่อนมาซะขนาดนั้นและมันก็กระตุ้นทำให้หลายๆคนอยากมีสัตว์อสูรสงครามเป็นของตัวเอง
“มันน่าอิจฉาเกินไปแล้วโว้ยยยย!” จางม่พูดถึงแม้ว่าเขาจะไม่อิจฉาจริงๆก็เถอะแต่เขาก็ยอมรับว่าเขาอยากได้สัตว์อสูรสงครามตัว
“จะว่าไปแล้วมันจะกินอะไรหละเนี่ย ตัวออกจะใหญ่ขนาดนี้” เพิ่งหยิงหยิงถาม
“ไม่ต้องห่วงหรอกมันหากินเองได้ เรื่องกินของมันฉันจะจัดการเอง” เบลซตอบ
แล้วทุกคนก็กินข้าวเย็นและก็พักผ่อนกันในยามค่ำคืน ในขณะที่เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็ก
ตอนนี้สถานะเยอะหน่อยนะแต่แอดเพิ่มคำให้จาก1400-1600คำ ตอนนี้ใส่ไป1700คำกว่าๆ ชดเชยให้ละ
เอารูปเจ้าดาบน้อยเวอร์ชั่นไวเวิร์นไป
MANGA DISCUSSION