The Great Demon System - ตอนที่ 5 : จุดแตกหัก
หลังจากสอบเสร็จแล้วโมบี้ก็เดินกลับเข้าไปรวมแถวกับทุกคน ทั้งกลุ่มกำลังหัวเราะเยาะเขาเนื่องจากผลการทดสอบที่ไม่ค่อยดีของตัวเขา คนเดียวที่ไม่ได้หัวเราะคือแอ๊บบี้ เธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่เข้าใจถึงผลลัพธ์ที่น่าสนใจของเขา
ในการยิงด้วยกระสุนปืนปกติ จะให้ค่าพลังถึง 800 ด้วยเครื่องวัดพลังที่ใช้ในการทดสอบ นั่นหมายความว่าการฟันของโมบี้ที่ไม่มีความสามารถประกอบ ไม่มีอุปกรณ์เวทย์มนตร์เสริม มีแค่เพียงดาบเก่า ๆ ขึ้นสนิมนั้นสามารถเทียบได้กับความแรงของกระสุนปืน แต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจมากขึ้นก็คือการที่เขาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่กำลังทดสอบความเร็วและปฏิกิริยาการตอบโต้ เธอเคารพและยอมรับในความเก่งของโมบี้ เพราะเขาเป็นเพียงเด็กที่ไร้ความสามารถและยากจน นั่นคือเหตุผลที่เธอนั้นเลือกที่จะไม่หัวเราะเยาะเขา
เมื่อโมบี้เดินกลับเข้ามารวมแถวเรียบร้อยแล้ว ลีโอก็กล่าวว่า
“ฉันต้องพูดตามตรงว่าการสอบนี้เป็นเพียงแค่พิธีการและมันก็ไม่ได้สลักสำคัญเท่าไหร่ หลังจากนี้ฉันจะให้นาฬิกาข้อมือกับพวกเธอ และพวกเธอจะต้องสวมใส่มันกับตัวไว้ตลอดเวลา นาฬิกานี้จะช่วยให้พวกเธอสามารถวิเคราะห์ร่างกายของตัวเองทั้งหมด และประเมินระดับความแข็งแรงของตัวเอง ผ่านการเรียนรู้เชิงลึกแบบใหม่ของเทคโนโลยีทางทหาร นอกจากนี้มันยังสามารถวิเคราะห์อุปกรณ์และการเพิ่มขึ้นของระดับพลังของพวกเธอได้ ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเธอต้องเข้าใจก่อนว่าการจัดแรงค์และระดับพลังนั้นไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะมันไม่ได้คำนึงถึงชนิดของความสามารถ ทักษะการต่อสู้ หรือประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระดับพลังที่ต่ำกว่าอาจจะชนะบุคคลที่มีระดับพลังที่สูงกว่าได้ นอกจากนี้นาฬิกานี้จะถูกใช้เป็นอุปกรณ์ติดตามเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของพวกเธอ แต่ไม่ต้องห่วง ระบบติดตามจะเริ่มต้นทำงานเมื่อนาฬิกาของเธอรู้สึกว่าเธอนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเมื่อพวกเธอนั้นออกจากหอพักหลังเวลาเคอร์ฟิว”
สิ่งนี้นั้นทำให้เหล่านักเรียนรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาได้เข้าร่วมการทดสอบที่ไร้ประโยชน์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาบนใบหน้าของพวกเขามากนัก เพื่อที่จะไม่สร้างความไม่ประทับใจให้กับอาจารย์คุมสอบ หลังจากที่ลีโอมอบนาฬิกาทั้งหมดเสร็จแล้วโมบี้ก็สวมนาฬิกาของเขาและสังเกตว่าตัวเลขที่แสดงบนนั้นเกือบจะเหมือนกับระดับพลังที่เขาได้ทดสอบ
796 ซึ่งน้อยกว่าที่เขาสอบได้เพียงแค่ 4 แต้มดังนั้นนาฬิกานี้จึงดูแม่นยำอยู่พอสมควร
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ การเรียนการสอนจะเริ่มในพรุ่งนี้ เวลาเคอร์ฟิวคือหลังเที่ยงคืน ดังนั้นนักเรียนทุกคนจะต้องอยู่ในหอพักของพวกเธอก่อนเวลานั้น หมายเลขของห้องในหอพักของเธอ จะแสดงให้เห็นบนนาฬิกาของพวกเธอในไม่ช้า พวกเธอจะอยู่ห้องเดียวกันกับนักเรียนชั้นปีแรก อีก 2 คน ดังนั้นเมื่อไปถึงห้อง ก็ไม่ต้องแปลกใจถ้ามีใครอยู่ในห้อง วันนี้พวกเธอสามารถออกไปเยี่ยมชมเมืองหรือสำรวจหอพักได้เลยนะ”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีโมบี้ ก็สังเกตเห็นว่านาฬิกาของเขาแสดงตัวเลขที่แตกต่างจากที่เคย
[RM 202]
นี่คงเป็นหมายเลขห้องของหอพักใหม่ของโมบี้
แต่ก่อนที่เขาจะไปยังห้องใหม่ โมบี้ตัดสินใจออกไปสำรวจในเมืองเพื่อซื้ออาหารและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ก่อน
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
“เฮ้… โมบี้อยากไปสำรวจเมืองกับฉันไหม ? ฉันจะพานายไปเดินรอบ ๆ มันได้นะ เพราะฉันรู้จักเมืองนี้เป็นอย่างดีเลย” เด็กชายคนหนึ่งพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ได้เลย ทำไมจะไม่ล่ะ! ผมฝากตัวด้วยนะนาย… นายชื่อโจ ใช่ไหม ?” โมบี้พูดในขณะที่รู้สึกอาย ๆ เล็กน้อย
‘เออ ดีจัง นี่มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ เด็กคนนี้น่าจะปัญญาอ่อนจริงๆ’ โจคิดด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ฉันชื่อโจ แปลกใจจังที่นายจำได้” โจพูดขณะที่ยังคงยิ้มอยู่
“ผมพยายามที่จะจำชื่อของทุก ๆ คนให้ได้น่ะครับ” โมบี้พูดขณะเกาหลังศีรษะของตัวเอง
“นายจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะพาเพื่อนอีก 2 – 3 คนไปด้วย พวกเขาจะไปเจอกับเราระหว่างทาง” โจพูดขณะที่รอยยิ้มของเขากว้างยิ่งขึ้น
“มะ มะ ไม่ครับ ไม่อย่างแน่นอน” โมบี้ตอบกลับ ขณะที่พูดติดอ่างอย่างประหม่า
“โอเค เราไปกันเถอะ!” โจพูดขณะเดินไปที่ประตูโรงเรียน
สิ่งนี้ทำให้โมบี้มีความสุขมากแต่ก็รู้สึกประหม่าในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยมีเพื่อนเลย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยออกไปเที่ยวกับคนอื่น ๆ เลยในชีวิตของเขา ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะมีเพื่อนแล้ว
ทั้งคู่ออกจากโรงเรียนและเริ่มเดินสำรวจเมือง มันใหญ่กว่าเมืองเก่าของโมบี้มาก อาคารมีขนาดใหญ่กว่าอย่างน้อย 3 เท่า และถนนก็แออัดกว่ามาก ขณะที่ทั้งคู่กำลังสำรวจเมือง โมบี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าโจนั้นกำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ของเขาตลอดเวลา นั่นทำให้โมบี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเขาจึงถามว่า
“นี่นายกำลังทำอะไรกับโทรศัพท์อยู่ตลอดเลย ?”
โจมองโมบี้แล้วยิ้ม
“ฉันแค่ส่งข้อความหาเพื่อนเพื่อกำหนดจุดนัดพบที่เราจะไปเจอพวกเขา“
“โอ้… เมื่อไหร่เราถึงจะได้เจอพวกเขาล่ะ!” โมบี้กล่าวอย่างตื่นเต้นจริงๆ
“เร็ว ๆ นี้ เร็ว ๆ นี้แหละ…” โจพูดพลางยิ้มกว้าง
หลังจากเดินต่อไปอีกไม่กี่นาที โจก็พาเขาเดินเข้าไปในตรอกที่มืดและดูน่าสงสัย แต่โมบี้คิดว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และเดินตามเขาไปโดยคิดว่ามันเป็นเพียงทางลัดไปสู่จุดหมายที่จะไป
แต่ที่เขาไม่รู้คือว่า ที่นี่แหละคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา
ซอยนั้นเต็มไปด้วยขยะ ดูเหมือนว่าจะมีน้ำหยดลงมาจากด้านบน และยังมีหนู 2 – 3 ตัวที่กำลังวิ่งลนลานอยู่บนพื้น ซอยนั้นมืดมาก มันมีแสงสว่างแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทันทีที่เขาเข้าไปในซอยนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่รุนแรง แล้วการโจมตีก็มาจากทางด้านขวาของเขา การโจมตีที่รวดเร็วนั้นทำให้โมบี้ตกใจเล็กน้อย
นั่นทำให้โมบี้ถูกบังคับให้หลบการโจมตีด้วย Demon Flash อย่างไรก็ตามมันทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก นั่นเป็นเพราะในการสอบเมื่อสามสิบนาทีที่แล้ว โมบี้เหนื่อยมากกับการใช้ทักษะ Demon Slash และ Demon Flash หลายครั้งของเขา ‘สามสิบนาที’ มันเป็นเวลาไม่มากพอที่ฟื้นความแข็งแกร่งของเขา
ทันใดนั้นโมบี้ก็ถูกโจมตีอีกด้าน และทำให้เขาล้มลงไป
ก่อนที่สายตาของเขาจะมืดลง เขาเห็นโจยืนอยู่ตรงนั้นและหัวเราะเยาะเขา เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นเขาก็หลับตาลงและทรุดตัวลงไปกับพื้น
…
โมบี้ตื่นขึ้นมาในสภาพที่ถูกมัดเอาไว้และยังคงอยู่ในซอยที่เดิม ปากของเขาถูกปิดด้วยเทปทำให้เขาไม่สามารถพูดได้ เขารู้สึกถึงกลิ่นที่เหม็นและน่าขยะแขยงเหมือนปัสสาวะ เขาเริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ จากความพยายามที่จะแก้เชือกออกจากตัว แต่มันก็ไม่สำเร็จ
“บอส มันตื่นแล้ว” เสียงนั่นดังมาจากความมืด
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมุ่งหน้ามาทางเขา
หนึ่งในนั้นดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาและเปิดไฟฉายส่องสว่างรอบตัวเขา เขาเห็นกลุ่มคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย 2 คนในกลุ่มนั้น ก็คือโจและนาธาน
โมบี้พยายามจะพูด แต่เขาทำไม่ได้เพราะปากของเขาถูกปิดไว้ นาธานเดินมาที่ด้านหน้าของกลุ่มและจ้องไปที่โมบี้
“ขอโทษนะ เราอยากจะปลุกแก แต่เราไม่มีน้ำ เลยตัดสินใจที่จะฉี่ใส่แทน” นาธานพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“อ้าว โทษทีนะ ฉันลืมไปว่านายพูดไม่ได้” นาธานพูดขณะที่เขาส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนหนึ่งเอาเทปปิดปากออกจากปากของเขา
โมบี้เริ่มหอบอย่างหนักเพื่อที่จะหายใจเอาอากาศเข้าไป
“ผมเข้าใจที่นายจะไม่พอใจผม ผมรู้ว่าผมได้ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย ผมทำเครื่องดื่มราคา 1,000 ดอลลาร์ของนายหก และผมจะยอมรับการลงโทษตามที่นายต้องการ” โมบี้กล่าวในขณะที่เขารู้สึกละอายใจ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็เอาสร้อยคอของแกมาให้ฉัน ฉันจะเอามันไปตอนที่แกยังไม่ได้สติอยู่ก็ได้ แต่นั่นจะเป็นการลงโทษที่ง่ายเกินไป ฉันต้องการทำลายความคิดและจิตใจของแก เพื่อให้แกมอบมันให้ฉันด้วยความเต็มใจ”
“ฉันเป็นคนดีไหมล่ะ ?” นาธานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว
ทันทีที่โมบี้ได้ยินน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ใบหน้าของเขากลายเป็นเหมือนปีศาจอย่างแท้จริง
“ฉันไม่ได้บอกแกไปแล้วเหรอไอ้สารเลว ว่าฉันจะไม่ให้สร้อยเส้นนี้กับใครทั้งนั้นในโลกนี้ แกสามารถเตะก้นของฉันกี่ครั้งก็ได้ที่แกต้องการ แต่ไม่มีทางที่ฉันจะยกสร้อยคอของฉันให้แก ไอ้เวร” โมบี้คำรามออกมาอย่างแน่วแน่
“ไอ้งั่ง ที่ไร้ความสามารถแถมยากจนอย่างแก จะมาขัดขวางความต้องการของฉันได้ยังไง ตอนแรกฉันก็นึกว่าแกอาจจะพอมีฝีมือบ้าง จากการที่แกตอบกลับฉันเมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันจึงวางแผนโดยส่งโจไปสอดแนมแก แต่แกมันใจง่ายเอง คิดจริง ๆ เหรอว่ามีใครจะอยากเป็นเพื่อนกับขยะที่ไร้ความสามารถอย่างแก ฉันจะแสดงให้แกเห็นเอง ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแกขัดใจฉัน ฉันจะทรมานแกอย่างหนักจนกว่าแกจะอยากตายเลยทีเดียว สร้อยคอนั้นจะต้องเป็นของฉันและแกจะมอบมันให้ฉันด้วยมือของแกเอง คอยดู” นาธานพูดพร้อมกับดึงมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“หึ พูดมากจังนะ สำหรับเด็กไอ้จ้อนเล็กอย่างแก ฉันอาจจะเห็นหรือไม่เคยเห็นตอนที่แกกำลังฉี่ใส่ฉัน แต่นั่นแหละยังไงของแกมันก็แค่นิ้วก้อยฉันเท่านั้น” โมบี้พูดขณะที่เขาเริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
นาธานหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาแทบจะพ่นควันออกมาจากหัวของเขาได้เลยในตอนนี้
“จัดการมันซะ” นาธานตวาดออกมาด้วยความโมโห
สมาชิกทั้ง 6 คนในกลุ่มของนาธานเริ่มทำร้ายร่างกายเขา โมบี้พยายามนิ่งเงียบและอดกลั้นต่อความเจ็บปวด แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาอยู่สองสามครั้ง ในช่วงที่พวกนั้นกำลังรุมทำร้ายเขาเขาสามารถมองเห็นระดับพลังของทั้งกลุ่มของนาธานได้โดยดูไปยังนาฬิกาที่เรืองแสงออกมาของพวกเขา
930, 970, 1710, 1520, 1850 และ 2510 ซึ่งเป็นระดับพลังของนาธาน เขารู้สึกไร้พลังที่จะต่อต้านในขณะนี้ พวกมันมีแรงค์ F 2 คน แรงค์ E 3 คน และแรงค์ D อีก 1 คน โมบี้ไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับด้วยพลังระดับแค่ 800 ของเขา แม้ว่าโมบี้จะถูกทำร้ายเช่นนี้มาแล้วหลายร้อยครั้งในอดีต แต่เขาไม่เคยรู้สึกไร้พลังขนาดนี้มาก่อน นี่อาจเป็นเพราะความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนครั้งอื่น ๆ สร้อยคอของเขานั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย โดยปกติแล้วโมบี้จะมีบุคลิกที่สงบนิ่ง ไร้เดียงสาและร่าเริงเสมอ แต่เมื่อเป็นเรื่องของสร้อยคอ เขานั้นจะจริงจังและอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น
หลังจาก 5 นาทีของการรุมทำร้ายอย่างต่อเนื่อง จู่ ๆ พวกเขาก็หยุดพักและประเมินสถานการณ์ โมบี้กระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่และมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้
นาธานนั่งลงตรงหน้าโมบี้ที่บาดเจ็บ และคว้านิ้วหนึ่งของเขาและหักมัน โมบี้ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นตอนนี้เขาไม่สามารถรู้สึกถึงนิ้วของเขาได้อีกต่อไปแล้ว
นาธานยิ้มและกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าฉันอาจต้องใช้วิธีอื่น”
นาธานจบลงด้วยการทำลายทุกนิ้วของโมบี้ แต่โมบี้ยังคงไม่ยอมแพ้
“ดูเหมือนว่าแกจะยังอยากไม่จะพูดนะไอ้เด็กเวร ไม่ต้องห่วงฉันจะช่วยให้เสียงแกมันดังชัดเจนขึ้น”
เขาดึงมีดออกมาและฉีกเล็บของโมบี้ออก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรู้สึกถึงนิ้วได้อีกต่อไป แต่ความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่ โมบี้ส่งเสียงกรีดร้องที่ดังยิ่งกว่าที่เคย ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เล็บของเขาก็หายไปจนหมดแล้ว
ทุกครั้งที่โมบี้ถูกทรมานในอดีต เขามักจะเชื่อมั่นว่านั่นเป็นความผิดของเขาและเขาก็สมควรได้รับการลงโทษนี้ นั่นเป็นเพราะเขาไม่สนใจสิ่งใดในโลกนอกจากสร้อยคอของเขา ตราบใดที่เขามีสร้อยคอเขาเชื่อว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น เขาไม่รู้สึกเกลียดชัง ไม่พอใจหรือสิ้นหวัง แต่ตอนนี้อารมณ์ทั้งหมดกลับเข้ามาในจิตใจของเขา เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนตั้งแต่พ่อแม่เขาเสียชีวิตไป
เมื่อเล็บสุดท้ายของโมบี้หลุดออกไป เขาคิดว่ามันจะสิ้นสุดการทรมานแล้ว แต่เขาเข้าใจผิดอย่างมาก นาธานบอกให้หนึ่งในลูกน้องของเขาเข้ามา แล้วแสงสีเขียวก็ส่องมาที่มือของโมบี้ ทุกนิ้วหายเป็นปกติเหมือนในตอนแรก โมบี้ไม่เข้าใจว่านี่หมายถึงอะไร แต่สุดท้ายคำตอบที่ชัดเจนก็ลอยเข้าหูของเขาอย่างช้า ๆ
“แกพร้อมสำหรับรอบที่ 2 หรือยัง” นาธานกล่าวขณะยิ้ม
นาธานหักนิ้วและฉีกเล็บทั้งหมดของโมบี้อีกครั้ง จากนั้นเขาส่งสัญญาณให้ผู้ที่มีความสามารถรักษา รักษามือของโมบี้ให้เหมือนเดิม กระบวนการนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โมบี้คิดว่าเขาคงจะชินกับความเจ็บปวดในที่สุด แต่เขาเข้าใจผิดอย่างมาก ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเดิมทุกครั้ง ถึงกระนั้นโมบี้ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ในระหว่างการทรมานทั้งหมด โมบี้มักจะมองไปที่ถนน บางครั้ง คนบางคนก็มองเข้ามาในซอยและเห็นความทรมานทั้งหมดที่โมบี้กำลังเผชิญอยู่ แต่ทุกครั้งพวกเขาจะจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ สิ่งนี้ทำให้โมบี้สับสน มนุษย์คนอื่น ๆ จะยอมรับความโหดร้ายเช่นนี้ โดยที่เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวได้อย่างไร ?
หลังจากนาธานทำวงจรการทรมานซ้ำ ๆ อย่างน้อย 10 ครั้ง พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับข้อความเดียวกันจากนาฬิกาของพวกเขา
“ตอนนี้เป็นเวลา 23:30 น. นักเรียนทุกคนที่อยู่นอกหอพัก ควรมุ่งหน้าไปยังที่พักของคุณในตอนนี้หากคุณไม่อยู่ในหอพักภายในเวลา 00:00 น. จะมีการลงโทษอย่างรุนแรง”
“เชี่ย! ทำไมแกไม่ยอมแพ้สักที! สร้อยเส้นนี้มันสำคัญอะไรนักหนา กับการที่แกจะต้องทนทรมานจนถึงตอนนี้” นาธานอาละวาดขณะที่เขาชกโมบี้เข้าที่ใบหน้าอย่างแรง
* ผัวะ * * ผัวะ * * ผัวะ *
“แกคงไม่มีทางเข้าใจหรอก สร้อยเส้นนี้เป็นของที่มีค่าที่สุดของฉัน มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันเหลือไว้เพื่อระลึกถึงพ่อแม่ที่ตายไป ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าสร้อยคอเส้นนี้จะมีราคา” โมบี้พูดในขณะที่เขาหอบและหายใจแทบไม่ออก
ใบหน้าของนาธานแดงขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าใบหน้าของเขากำลังจะระเบิดออกมาในทุกวินาที
“อะไรวะเนี่ยยยย !!!! ฉันเสียเวลาตั้งมากมาย ที่จะได้สร้อยคอที่ระลึก ถูก ๆ อย่างนั้นเหรอ” นาธานโวยวายออกมาด้วยความเดือดดาล
เขารีบเดินไปกระชากสร้อยคอของโมบี้ออกจากคอและโยนมันลงไปบนพื้น
“ไอ้เวรเอ้ย สร้อยโง่ ๆ ของแก ทำฉันเสียเวลาไปกับขยะชิ้นนี้! ฉันไม่ต้องการมันแล้ว และนี่คือสิ่งที่แกจะได้รับจากการเสียเวลาของฉัน ฉันจะทำลายสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของแกต่อหน้าต่อตาของแก!” นาธานพูดขณะที่เขายกขาขึ้นในอากาศพร้อมที่จะเหยียบมัน
“ม่ายยยยย แกอย่าบังอาจอย่างนั้นนะ” โมบี้คำรามในขณะที่เขาใช้แรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดพุ่งออกไปเพื่อสกัดกั้นไม่ให้นาธานกระทืบมันลงไป
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ก็มีคนต่อยเขาที่ด้านหลังของศีรษะ เขารู้สึกว่าการมองเห็นของเขาเริ่มมืดลง เขาพยายามตั้งสติและคลานไปที่สร้อยคอของเขา แต่ทันใดนั้นเอง
* แคร๊ก *
ขาของนาธานก็ตกลงมาตรงที่สร้อยคอ มันหักลงต่อหน้าต่อตาโมบี้
“ทำไมโลกนี้ถึงต้องโหดร้ายขนาดนี้” โมบี้พูดขณะที่สติของเขาเริ่มหลุดลอยไปไกลกว่าเดิม
ก่อนที่การมองเห็นของเขาจะกลายเป็นสีดำสนิทเขาก็เห็นข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
<การเปิดใช้งานระบบปีศาจ>
1%
23%
67%
100%
<ระบบเปิดใช้งาน>
<เจ้าของได้รับการยืนยัน>
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่สงบและผ่อนคลายพูดว่า:
「สวัสดี โมบี้ เคน ฉันคือระบบปีศาจของคุณและฉันจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทั้งหมด」
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่โมบี้ได้ยินก่อนที่การมองเห็นของเขาจะกลายเป็นสีดำสนิท