The Great Demon System - ตอนที่ 32 : ความกังวลและเป็นห่วง
หลังจากจัดการเพื่อหลบเลี่ยงทีมช่วยชีวิตอย่างง่ายดายโดยใช้ทางออกลับที่พวกเขาเตรียมไว้ในถ้ำก่อนหน้านี้ ตอนนี้โมบี้และเจย์เดนก็สามารถกลับที่พักของพวกเขากันได้อย่างปลอดภัย
พวกเขาแยกทางกันระหว่างทางที่จะกลับ เจย์เดนนั้นกลายร่างเป็นแมวเพื่อที่เธอจะได้ไม่มีใครสังเกตเห็นในขณะที่โมบี้เดินอ้อมไปยังอีกด้านของป่า เพื่อที่เขาจะได้โผล่ออกมาจากด้านหลังอาคารหอพัก
ระหว่างทางโมบี้ใช้คลังของเขาเพื่อเปลี่ยนกลับเป็นชุดนักศึกษาตัวใหม่ที่สะอาดสะอ้าน และล้างคราบเลือดออกจากร่างกายของเขาก่อนที่จะมาถึงหอพักในที่สุด
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง เขาเห็นอเล็กซ์นั่งอยู่บนเก้าอี้พลางกระดิกเท้าเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจอยู่ ขณะที่เรย์นอนอยู่บนเตียงเล่นวิดีโอเกมเหมือนปกติ
“นายไปไหนมา! ฉันตามหานายทั้งวัน!” อเล็กซ์ถามเขาด้วยสีหน้ากังวลเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้อง
“ฉันก็แค่เข้าเรียน แล้วไปห้องสมุด ไม่ต้องห่วงฉันแบบนั้นน่า ฉันสบายดี” โมบี้ตอบ
“อย่ามาโกหกฉัน! ฉันตรวจทุกซอกทุกมุมของห้องสมุดอย่างน้อย 5 รอบแล้ว ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของนาย บอกฉันมาตามความจริงซะ! นายไปอยู่กับเจย์เดนมาใช่ไหม! เธอบังคับนายหรือเปล่า!” เขาถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็ได้ ฉันไปอยู่กับเธอมา แต่ไม่ใช่อย่างที่นายคิด! ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น ฉันแค่ไม่อยากให้นายเป็นห่วงฉัน!” โมบี้ตอบพลางพยายามทำให้เขามั่นใจ
“นายแน่ใจนะ! ประสบการณ์ของฉันกับเธอนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก และเห็นได้ชัดว่านายอ่อนแอกว่าฉันมาก นายอาจจะเจอแย่กว่านี้อีก เธอโหดเหี้ยม เธอทำทุกอย่างที่เธอคิดว่า “สนุก” และก็ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่นอะไรทั้งนั้น นายไม่จำเป็นต้องเงียบและอดทนกับการโดนบังคับทั้งหมดนี้! ฉันสัญญาว่าจะช่วยนายให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ได้โปรด! พูดความจริงกับฉัน! ฉันกำลังพยายามช่วยนายอยู่! ฉันสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะช่วยเหลือผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งและต้องการความช่วยเหลือ! และถ้าฉันยังไม่สามารถแม้แต่จะช่วยเหลือและปกป้องเพื่อนร่วมห้องของฉันได้ แล้วฉันจะช่วยคนอื่นได้อย่างไร!” อเล็กซ์พูดด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง และชัดเจนอย่างมาก
โมบี้รู้สึกตกตะลึงกับความจริงจังที่อเล็กซ์นั้นพูดกับเขา แม้ว่าโมบี้อยากจะเชื่อว่าเขามีแรงจูงใจที่ชั่วร้ายบางอย่าง แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรจากการแสดงออกของเขาที่จะชี้นำไปยังสิ่งเหล่านั้น
‘ไม่รู้ว่าเขาแสดงเก่งหรือเขาจริงจังกับสิ่งที่เขาพูดจริง ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นเขากำลังพยายามที่จะเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมงั้นเหรอ ? เด็กชะมัด’ โมบี้คิด
“ฉันพูดจริง ๆ ฉันสบายดี! มองมาที่ตัวฉันสิ ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรสักหน่อย” โมบี้พูดพลางพยายามสงบสติอารมณ์ของอเล็กซ์
“ฉันขอโทษ แต่นั่นก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรมาก เธอต้องมีวิธีรักษานายก่อนที่จะปล่อยให้นายกลับมาและนอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมายที่จะทำร้ายและกลั่นแกล้งคนอื่น โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกาย ฉันขอโทษที่สงสัยในความจริงใจของนาย แต่ฉันรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างกับนายแน่ ฉันเข้าใจว่านายคงไม่ได้รับอนุญาตให้พูดเพราะกลัวจะกระทบกับความปลอดภัยของนายเอง แต่ได้โปรด ให้ฉันช่วยเถอะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง!” อเล็กซ์พูดในขณะที่โน้มตัวเข้าใกล้โมบี้
โมบี้ไม่สามารถให้อเล็กซ์รู้ความจริงได้ เขายังไม่มีทางรู้ได้แน่นอนว่าอเล็กซ์นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ เขาแค่ต้องพยายามพูดต่อไป บางทีเขาอาจจะลืมแล้วปล่อยวางเรื่องนี้ไปซะ
“ใจเย็น! หยุดก่อน! ฉันพูดจริง ๆ ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร เจย์เดนยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีกับฉัน ฉันเข้าใจว่านายกำลังพยายามช่วย แต่โปรดเชื่อเถอะว่าฉันสบายดี! ฉันสัญญากับนายเลย ถ้าเธอพยายามทำอะไรกับฉัน ฉันจะมาขอความช่วยเหลือจากนาย! งั้นเราวางเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ไหม! ” โมบี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
อเล็กซ์ยังไม่เชื่อคำพูดของโมบี้ เจย์เดนที่เขารู้จักนั้นกินและเคี้ยวคนอย่างโมบี้เป็นอาหารเช้าและใช้พวกเขาเป็นของเล่นจนกว่าเธอจะเบื่อและโยนมันทิ้งไป เพราะมัน “ไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว”
อเล็กซ์คิดว่าโมบี้ใจดีและห่วงใยคนอื่นมากเกินไปที่ เขายอมทนทุกข์ทรมานจากการโดนกลั่นแกล้งเช่นนี้และโมบี้ไม่ต้องการให้เขาช่วยเหลือตัวโมบี้เอง นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเขา
* เห้อ *
“ก็ได้ ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน แต่นายรู้ไว้แล้วกันว่ามันไม่สายเกินไปหรอกนะที่จะขอความช่วยเหลือจากฉัน” อเล็กซ์กล่าวพลางเผยรอยยิ้มอบอุ่น
โมบี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกภายในใจ เมื่อรู้ว่าในที่สุดอเล็กซ์ก็หยุดซักไซ้เขา
“ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินมาว่านายเอาชนะนักเรียนแรงค์ C ได้ด้วยการต่อสู้มือเปล่าโดยไม่ใช้ความสามารถ นั่นน่าประทับใจมาก ๆ เลย!” อเล็กซ์พูดในขณะที่ตบหลังของโมบี้เบา ๆ อย่างเป็นมิตร
“บางทีนายกับฉันควรจะลองประมือกันบ้าง ฉันก็อยู่แรงค์ C นายก็รู้ นายอาจจะชนะฉันก็ได้นะ!” อเล็กซ์กล่าวพลางหัวเราะออกมา
“เฮ้นายก็ให้เครดิตฉันมากเกินไป ฉันชนะด้วยความบังเอิญเท่านั้น อย่างนายน่ะเอาชนะฉันได้ง่าย ๆ อยู่แล้วน่า” โมบี้ตอบกลับอย่างอาย ๆ
“แหวนที่มือนายคืออะไรเหรอ ?” อเล็กซ์ถามด้วยความอยากรู้
“โอ้ นี่เป็นรางวัลที่ครูของฉันให้ฉันจากการเอาชนะแรงค์ C ในทัวร์นาเมนต์ได้ มันเป็นที่เก็บของต่างมิติที่สามารถเก็บของได้ มีพื้นที่อยู่ 5 ลูกบาศก์เมตร” โมบี้ตอบ
“นี่มันอะไรกัน! เขาให้แหวนมิติระดับกลางกับนายเลยเหรอ! นี่มันมีค่ามากเลยนะ!” อเล็กซ์พูดพร้อมกระโดดลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
“แล้ว มันมีค่ามากแค่ไหนเหรอ ?” โมบี้ถามด้วยสายตาโลภผสมอยากรู้อยากเห็น
“มูลค่าของมันก็อย่างน้อย 25,000 เหรียญ!” อเล็กซ์ตอบ
ตาของโมบี้เบิกกว้างจากความตกใจ ถ้าเขาจะขายแหวนนี้เขาจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้ออุปกรณ์ปีศาจมือใหม่ครบชุดเลยทีเดียว
โมบี้กำลังตั้งคำถามว่าทำไมเจย์เดนถึงไม่บอกมูลค่าของแหวนของเขา หรืออย่างน้อยก็น่าจะต้องประหลาดใจบ้าง
จากนั้นเขาก็นึกได้
‘โอ้ ก็เธอรวยนี่นะ มันอาจจะไม่แพงหรือน่าแปลกใจสำหรับเธอ’ เขาหัวเราะในใจ
โมบี้ระงับแรงกระตุ้นที่จะขายแหวนของเขา เพื่อที่เขานั้นจะสามารถใช้ทักษะคลังของเขาต่อหน้าคนอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องมีใครสงสัย
เขารู้สึกว่ามันจะคุ้มค่ามากกว่าสำหรับเขาในระยะยาวถ้าเขาจะเก็บแหวนเอาไว้
นอกจากนี้ถ้าเขาขายมัน อาจเป็นสัญญาณของการดูถูกอาจารย์ของเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการเจอด้านมืดของอาจารย์ลีโอที่เขาเคยเห็นมาแล้ว
ทันใดนั้นเรย์ก็ลงจากเตียงและเข้ามาร่วมสนทนาด้วย
“พวกนายคุยอะไรกัน” เขาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ตามปกติ
“ไม่มีอะไร เราแค่พูดถึงผู้ชายคนนี้ที่สามารถเอาชนะคนแรงค์ C ในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแบบไม่ใช้ทักษะที่จัดขึ้นในห้องเรียนของเขา และก็ยังได้รับรางวัลเป็นคลังเก็บของต่างมิติระดับกลางอีกด้วย!”
“จริงเหรอ นี่มันวิเศษมาก” เรย์ตอบโดยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้ม แต่ก็ล้มเหลวอย่างน่าอนาถใจ
เด็กชายทั้ง 3 พูดคุยกันอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการต่อสู้ของโมบี้ โมบี้อธิบายให้พวกเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในการต่อสู้โดยตัดรายละเอียดออกหลายส่วนเพื่อทำให้เขายังดูดีและเพื่อที่จะทำให้พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นเพียงเพราะโชคเท่านั้นที่เขาสามารถเอาชนะมาได้
จากนั้นพวกเขาก็เล่นเกมแข่งรถที่พวกเขาเล่นกันเมื่อคราวก่อน คราวนี้โมบี้สามารถเอาชนะเรย์ได้หนึ่งครั้งจากการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับเขา มันทำให้เขาตื่นเต้นมาก
เมื่อใดก็ตามที่โมบี้เล่นวิดีโอเกมมันเกือบจะเหมือนว่าเขาถูกดูดเข้าไปอย่างสมบูรณ์ในบางครั้งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ
ทั้งกลุ่มเข้านอนตอนตี 2 เพื่อที่จะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นสำหรับโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น