The Great Demon System - ตอนที่ 21 : การทดลองตอนที่ 1
โมบี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขามองเห็นเพดานที่รู้สึกไม่คุ้นเคย
“ดูเหมือนว่าในที่สุด คุณก็ตื่นสักทีนะบอส” เสียงที่ไม่รู้จักดังมาจากด้านหลังเขาโดยเน้นที่คำว่า “บอสอย่างชัดเจน”
โมบี้สะดุ้งโหยง เพราะเสียงที่ไม่รู้จักนั่น และรีบคลำไปยังดาบของเขา แต่พบว่ามันไม่ได้อยู่ที่เอวของเขาเหมือนปกติ
เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเสียงที่ไม่รู้จักนั่นเป็นเสียงของเจย์เดน เขาก็สงบใจขึ้นเล็กน้อย
เธอนั้นนอนอยู่ข้าง ๆ เขาบนเตียงนอน
‘เธออาจจะเอาเปรียบฉัน ตอนที่ฉันยังไม่ได้สติก็ได้ ฉันไม่อยากให้ครั้งแรกของฉันกับยายบ้าคนนี้นะ!’ โมบี้คิดอย่างทุกข์ใจ
“เธอทำอะไรกับฉันกันแน่! เธอแอบลักหลับฉันตอนที่ฉันหลับใช่ไหม ?!” เขาตวาดใส่เธอดังลั่น
“ไม่แน่นอน! ฉันไม่สนใจในตัวนายแล้ว” เธอพูดพลางแสร้งทำเป็นเยาะเย้ยเขา
โมบี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับข่าวดีนี่ เธอไม่ได้ข่มขืนหรือลักหลับเขา แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่ได้สนใจในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะมันเป็นภาระที่หนักอึ้งของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจของเขา
เนื่องจากจิตใจของพวกเขาเชื่อมโยงถึงกัน เขารู้ว่าเธอนั้นพูดความจริง เพราะเขารู้สึกเหมือนเธอก็โกรธเขานิดหน่อยที่เขาถามเธอแบบนั้น การเชื่อมโยงจิตใจไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเธอนั้นกำลังโกหกหรือเปล่า แต่มันสามารถรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของเธอได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามนั่นมันผิดไปจากความจริงอยู่เยอะเลย เธอนั้นโกรธด้วยเหตุผลที่แตกต่างไปจากที่เขาคิด เพราะเธอนั้นพยายามจะมีอะไรกับเขาหลายครั้งในขณะที่เขายังไม่ได้สติ แต่มันไม่สามารถทำได้
ทุกครั้งที่เธอพยายามจะทำสิ่งนั้นกับโมบี้ มันเหมือนกับว่ามีพลังที่ไม่รู้จักอยู่ในหัวของเธอ คอยหยุดเธอไม่ให้ทำมันสำเร็จ มันเหมือนกับครั้งที่เธอพยายามโจมตีเขาก่อนหน้านี้ แต่เธอจบลงด้วยการถูกมัดด้วยโซ่ล่องหน
“ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว ?” เขาถาม
“ประมาณ 2 ชั่วโมง” เธอตอบกลับ
มันน้อยกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เมื่อเขาตรวจสอบพลังชีวิตของเขา ตอนนี้มันก็เต็มเหมือนเดิมอีกครั้งแล้ว
‘ดูเหมือนว่าฉันต้องการเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงในการฟื้นฟูพลังชีวิตทั้งหมดของฉัน’ โมบี้คิดพลางบันทึกข้อมูลเหล่านี้ลงไปในหัวของเขา
โมบี้มองไปรอบ ๆ ห้อง เขาสังเกตว่าความเสียหายทั้งหมดภายในห้องที่ได้จากการต่อสู้นั้นได้รับการซ่อมแซมแล้ว
“ห้องนี้ถูกซ่อมจากการต่อสู้ได้ยังไง เพราะถ้ามีคนบอกฉันว่าห้องนี้เคยเละเทะจากการต่อสู้เมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน ฉันคงไม่มีทางเชื่อ”
“อืม ก็เป็นธรรมดาที่พวกบ้านนอกอย่างนายจะไม่รู้ บ้านทั้งหลังฝังด้วยคริสตัลเวทมนตร์ที่ซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในบ้านได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง” เธอกล่าวขณะที่ยืดอกของเธอด้วยความภาคภูมิใจ
โมบี้ไม่สนใจคำพูดดูถูกที่เธอพึ่งจะพูดออกมา แต่เขาสาบานว่าจะให้บทเรียนกับเธอแน่นอน
“เธอได้รับคริสตัลเวทมนตร์พวกนี้มาได้ยังไง ?” โมบี้ถามด้วยความสนใจ
“ฉันจะรู้ได้ยังไง ? พ่อของฉันเป็นคนเอามาติดตั้งไว้ในบ้านของฉันเฉย ๆ” เธอพูดพลางเกาหัว
โมบี้ให้ความสำคัญกับค่าสถานะความฉลาดที่สูงของเธอ มากกว่าการที่จะเพิ่มค่าระดับพลังของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดถนัดในเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“เธอบอกว่า ‘บ้านของฉัน’ หมายความว่าคฤหาสน์ทั้งหลังนี้เป็นของเธอคนเดียวเหรอ !?” โมบี้ถามพร้อมกับกระโดดลงจากเตียงด้วยความตกใจ
“อืม ใช่แล้ว เพราะคฤหาสน์ของครอบครัวฉันใหญ่กว่าที่ทิ้งขยะเล็ก ๆ นี่อย่างน้อยก็สัก 20 เท่า พ่อแม่ของฉันเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้ให้ฉันอยู่เมื่อตอนที่ฉันต้องเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร ไม่มีทางที่ฉันจะต้องไปทนอยู่ในหลุมนรกที่พวกเขาเรียกว่าหอพักแน่นอน”
“อ้อก่อนที่นายจะถาม เนื่องจากครอบครัวของฉันเป็นผู้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับทางกองทัพ ฉันจึงมีทางเลือกว่าจะอยู่หอพักหรือไม่ ต่างกับนายแหละนะ” เธอหัวเราะขณะพูดในส่วนสุดท้ายนี่
หลังจากนั้นความคิดหลายอย่างก็แล่นเข้ามาในสมองของโมบี้และแต่ละอย่างนั้นไม่มีอันไหนที่ดีเลย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครสักคนที่ถูกตามใจมาตลอดชีวิต เข้ามาวนเวียนในชีวิตของเขา
แต่แล้วเขาก็ตระหนักถึงข้อดีของสิ่งนี้
“งั้นก็แปลว่า เธอต้องรวยแน่ ๆ !”
“ก็… ฉันก็หวังว่านะ!! พ่อแม่ของฉันส่งเงินให้แค่ 4000 $ ต่อสัปดาห์! พวกเขาบอกว่าฉันต้องพยายามใช้ชีวิตอย่างพอเพียง! นี่มันเป็นเรื่องที่แย่มาก! ฉันต้องขอร้องพวกเขาไม่หยุดเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มกว่าจะได้คฤหาสน์ระดับต่ำแบบนี้มา ที่นี่มีคนรับใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง!” เธอกล่าวขณะทำหน้ามุ่ย
โมบี้ตัวสั่นสะท้านไปถึงข้างในเมื่อเธอบอกว่า 4000 $ ต่อสัปดาห์ และพยายามใช้ให้พอสำหรับชีวิตที่เรียบง่าย เพราะนั่นมันมากกว่าที่เขาจะหาได้จากการทำงาน 5 เดือนต่อเนื่องของเขาเสียอีก แต่เธอนั้นไม่ต้องทำอะไรเลยเพื่อให้ได้มา ไม่จำเป็นต้องทำงานแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ
“อืม… เธอมีของตกแต่งราคาแพงที่เราเอาไปขายเป็นเงินได้ไหม ?” โมบี้กล่าวพลางพยายามหาสิ่งที่พอจะเป็นประโยชน์ในตอนนี้
“ของตกแต่งที่แพงที่สุดในบ้านหลังนี้มีราคาเพียงแค่ 100 เหรียญเท่านั้น ฉันไม่ต้องการเสียเงินไปกับเรื่องแบบนั้น ฉันใช้เงินไปกับพวกเสื้อผ้า”
“ดีเลย เราจะขายเสื้อผ้าราคาแพงของเธอทั้งหมด!” เขากล่าวออกมาอย่างร่าเริง
“ไม่นะ !! ฉันจะไม่ยอมขายเสื้อผ้าของฉันเพื่ออะไรในโลกนี้ทั้งนั้น!” เธอตอบอย่างหนักแน่น
‘ยายบ้าคนนี้น่ารำคาญซะจริง’ โมบี้คิดจนแทบจะเส้นเลือดแตก ความอดทนของเขานั้นมีอยู่ไม่มากก่อนที่มันจะหมดลง
“ฉันต้องการวิธีที่จะหาเงิน! ฉันพบเว็บไซต์ลับที่ขายอุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่ดีมากจริง ๆ พวกมันทั้งหมดมีราคาแพงมาก ดังนั้นฉันจึงต้องการเงินสำหรับจะซื้อของพวกนั้น” เขากล่าวและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสงบสติอารมณ์
“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของฉันหรอกนะที่นายเป็นคนจน” เธอเย้ยหยัน
“นี่เธอเข้าใจไหมว่าชีวิตของเธอนั้น แท้จริงอยู่ในกำมือของฉัน ?” เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างขณะที่เส้นเลือดที่ขมับของเขากำลังเต้น ตุบ ๆ อย่างเห็นได้ชัด
“เอิ่ม ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขายเสื้อผ้าเก่า ๆ ของฉันและเสื้อผ้าที่ฉันไม่ค่อยชอบ และฉันจะให้ครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์ของฉัน พอใจหรือยัง ?! เงื่อนไขเดียวของฉันคือนายต้องใช้เงินที่ได้มาไปซื้ออุปกรณ์บางอย่างจากเว็บไซต์ของนายให้ฉันด้วย” เธอพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
นี่เป็นข่าวดีครั้งแรกที่เขารอจะได้ยินมานานแล้ว ตอนนี้เขาสามารถมีเงิน 2,000 เหรียญต่อสัปดาห์โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาก็จะมีเงินเพียงพอที่จะซื้ออุปกรณ์สำหรับปีศาจมือใหม่
แต่อุปกรณ์ที่มีราคาแพงกว่านั้น ยังอยู่ไกลเกินรายได้ของเขา เขายังคงต้องการวิธีที่จะหาเงินเพิ่ม แต่มันเป็นปัญหาสำหรับอนาคตของเขาเองและตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องกังวล
“ขอบใจมาก! ฉันสัญญาว่าจะใช้เงินของเธออย่างคุ้มค่า!” เขาบอกพลางพยายามทำตัวดีเพื่อให้เธอ ได้เห็นด้านดีของเขา
“ใช้ให้มันคุ้มค่าแล้วกัน!” เธอเย้ยหยัน
‘เธอไม่สามารถแสร้งทำตัวเป็นคนดีได้เลยสักครั้งใช่ไหม ฉันต้องการวิธีที่จะควบคุมเธอให้อยู่หมัด’ เขาถอนหายใจอยู่ข้างใน
เวลาตอนนี้ก็ 1 ทุ่ม แล้วเขาจึงยังมีเวลาเหลืออีก 5 ชั่วโมงก่อนจะถึงเคอร์ฟิว โมบี้ตัดสินใจทำการทดลองอีกสองสามครั้งเพื่อเป็นการใช้เวลาให้คุ้มค่า
“เธอได้ลองใช้พลัง Doppelganger ของเธอหรือยัง”
“ไม่ ยังเลย ฉันยังไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง ฉันก็รอให้นายตื่นขึ้นมาก่อนแล้วจะถามว่ามันใช้งานยังไง!” เธอมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
โมบี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องของ Doppelganger โมบี้ไม่สามารถแสดงความไม่รู้บนใบหน้าของเขา เพื่อที่จะไม่เป็นการแสดงจุดอ่อนต่อหน้าเธอ
‘เอวิเลียช่วยบอกวิธีหน่อยได้ไหม ?’ เขาถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
‘มันง่ายมาก ๆ เลยเงื่อนไขเดียวคือมันต้องใช้จินตนาการที่ชัดเจน นายต้องได้เจอกับบุคคลหรือสัตว์ที่นายต้องการจะแปลงร่างเป็น โดยที่บุคคลหรือสัตว์นั้นจะต้องไม่แข็งแกร่งมากเกินกว่า Doppelganger มากไป สิ่งที่ต้องทำก็คือจินตนาการว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไรและควบคุมพลังปีศาจในร่างกาย เพื่อสร้างรูปร่างให้เข้าสู่การแปลงกาย’ เอวิเลียค่อย ๆ อธิบาย
‘ดูเหมือนว่าฉันต้องสอนเธอถึงวิธีใช้พลังปีศาจ’ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อ ๆ
“ฉันจะสอนอะไรใหม่ ๆ ให้เธอ เธอจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการแปลงกาย” โมบี้กล่าว
“หลับตาลง”
“ทำไมฉันต้องทำ ?”
“เชื่อใจฉันเถอะน่า”
เธอหลับตาลงอย่างไม่เต็มใจนัก
“ตกลงตอนนี้ลองโฟกัสและนึกภาพพลังปีศาจภายในตัวของเธอ”
“อะไรในตัวของฉันนะ!” เธอถามด้วยความสับสน
“แค่โฟกัสน่า! เธอจะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้หากไม่มีสมาธิ” โมบี้พูดและพยายามให้เธอหุบปาก
‘ฉันรู้ว่าเธอคงจะไม่สามารถทำได้เร็วขนาดนั้น ฉันยังใช้เวลาหลายตั้งหลายเดือนกว่าจะเจอพลังปีศาจในตัวของฉัน และฉันนั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้วสำหรับความเร็วเช่นนั้น นี่ฉันจะต้องเสียเวลาฝึกเธอทุกวัน ฉันแค่หวังว่ามันจะ…’
“ฉันเห็นอะไรบางอย่างแล้ว !!” เจย์เดนกรีดร้องออกมาขัดจังหวะการคิดของโมบี้ด้วยความตื่นเต้น
“เดี๋ยวก่อน! เธอเห็นอะไร!” เขาสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเห็นการไหลของพลังงาน 2 อย่างในร่างกายของฉันหนึ่งคือสีม่วงและอีกหนึ่งเป็นสีน้ำเงิน”
‘สีน้ำเงิน ?’ เขาแทบจะหลุดโพล่งออกมาดัง ๆ
‘ดูเหมือนว่าเธอสามารถใช้ความสามารถของเธอได้ นอกจากพลังปีศาจ การไหลของพลังงานอีกอันต้องเป็นกระแสของมานาของเธอ’ เอวิเลียอธิบาย
‘เดี๋ยวก่อนนะ นั่นหมายความว่าฉันเองก็สามารถเรียนรู้ความสามารถนอกเหนือจากพลังปีศาจของฉันได้เหรอ ?!’ เขาคิดด้วยความประหลาดใจ
‘ใช่แล้ว ทำไมนายถึงจะทำไม่ได้ล่ะ ?’ เธอถามด้วยความสับสน
‘นี่มันโคตรจะโกงเลยนะ!’ เขาส่งเสียงดีใจอยู่ข้างใน
ตอนนี้โมบี้รู้สึกดีใจมากที่เขาไม่ได้ใช้ความสามารถพื้นฐานที่พวกกองทัพเสนอให้เขา เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองหากเขาต้องจมปลักอยู่กับความสามารถห่วย ๆ ไปตลอดชีวิต โมบี้เริ่มอยากรู้ว่าความสามารถใดจะเหมาะกับพลังปีศาจของเขามากที่สุด แต่เขาทิ้งความคิดเหล่านั้นเพื่อสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน
ขณะที่เขามองไปที่การระเบิดของพลังงานสีม่วงรอบ ๆ ตัวของเจย์เดน เขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉาที่เธอได้เรียนรู้สิ่งที่เขาใช้เวลาตั้งหลายเดือนทำสำเร็จภายในไม่กี่นาที
‘นี่สินะคำว่าอัจฉริยะ’ เขาคิดอย่างผิดหวังในตัวเอง
‘เฮ้! อย่าเป็นอย่างนั้นสิ! ร่าเริงหน่อยสิ! ตอนนี้เธอเป็นปีศาจ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเธอนั้นเข้ากับพลังปีศาจของเธอได้ดีกว่าตอนที่เธอเป็นมนุษย์ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับมนุษย์แล้วที่สามารถใช้พลังงานปีศาจได้น่า ในขณะที่มันเป็นเรื่องปกติของปีศาจ’ เอวิเลียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
โมบี้พยักหน้าให้เธออย่างนึกขอบคุณที่เอวิเลียยังให้กำลังใจเขา
‘อืม ฉันคิดว่าฉันคงจะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!’ เขาหัวเราะภายในใจเพื่อฟื้นความมั่นใจก่อนหน้านี้
ตอนนี้โมบี้พุ่งเป้าความสนใจของเขากลับไปที่การช่วยเจย์เดนให้ใช้พลัง Doppelganger ของเธอ
“โฟกัสไปที่การไหลของพลังสีม่วงในร่างกายของเธอ และพยายามทำให้มันกลายร่างเป็นสัตว์หรือคนที่เธอต้องการแปลงร่าง งั้นก็มาเริ่มจากแมวกันเถอะ”
เจย์เดนพยักหน้า
เธอพยายามนึกภาพแมวสีดำที่เธอเห็นระหว่างเดินทางไปโรงเรียนเมื่อเช้านี้ จากนั้นเธอก็สร้างพลังงานปีศาจของเธอให้เป็นรูปร่างนั้น
โมบี้เห็นเจย์เดนหดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนที่ขนสีดำจะค่อย ๆ เริ่มลามไปทั่วผิวหนังของเธอ
กระบวนการนี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่โมบี้ไม่รู้สึกสั่นเลยสักนิด เพราะสิ่งแบบนี้ไม่สามารถทำให้เขาตกใจได้หลังจากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เขาเคยประสบมา
“ดูสิ ฉันเป็นแมวแล้ว!” เธอกล่าวอย่างมีความสุข
“ยินดีด้วย!” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
เมื่อเธอพยายามขยับตัวเธอ เธอก็ล้มลงโดยทันที เธอพยายามเดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ล้มเหลวอย่างน่าอนาถทุกครั้ง
“โธ่เว้ย! อะไรวะ” เธอกรีดร้องด้วยความหงุดหงิด
“ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ชินกับร่างกายใหม่ของเธอนะ เธอต้องเรียนรู้วิธีเดิน 4 ขาก่อนถึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้อง” โมบี้กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันเดาว่าฉันคงต้องเรียนรู้วิธีการเดินใหม่อีกครั้ง” เธอกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เธอสามารถใช้ความสามารถของเธอ ในขณะแปลงร่างได้หรือเปล่า ?” โมบี้ถามด้วยความอยากรู้
“ฉันไม่รู้ให้ฉันลองดูก่อน” เธอตอบ
ทันใดนั้นเงาสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของแมว
“ดูเหมือนว่ามันจะยังใช้ได้นะ” เธอกล่าวอย่างตื่นเต้น
“เจ๋ง!” โมบี้โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ