The Great Demon System - ตอนที่ 2 : การเริ่มต้นใหม่
เวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว นับตั้งแต่สงครามกับเหล่าเชคเกอร์ได้สิ้นสุดลง พวกผู้ใหญ่ทุกคนต่างถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเพื่อที่จะได้มีโอกาสเอาชนะสงคราม แต่น่าเสียดาย ที่ต้องมีผู้คนราว 1 พันล้านคนเสียชีวิตในช่วงสงครามครั้งนั้น
นั่นคือประมาณ 10% ของประชากรทั้งโลก
สิ่งนั้นได้ทำให้เด็กหลายคนกลายเป็นเด็กกำพร้า รัฐบาลได้ตัดสินใจจ่ายเงินค่าครองชีพให้เหล่าเด็กกำพร้าจนกว่าพวกเขาจะได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร รัฐบาลได้ให้ค่าครองชีพพวกเขาเพียงขั้นต่ำเท่านั้น มันเพียงพอสำหรับค่าอาหารและห้องอพาร์ตเมนต์ขนาด 7 เมตร x 7 เมตร ซึ่งเป็นห้องที่มีเพียงแค่ครัวขนาดเล็ก เตียงขนาดเล็ก ทีวีขนาดเล็ก และโต๊ะทำงานขนาดเล็กในมุมเพื่อสำหรับเรียนหนังสือ
โมบี้ เคน เป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์ที่รัฐบาลจัดหาไว้ให้ ครอบครัวของเขานั้นเป็นผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณ โมบี้เติบโตมาจากการฝึกฝนในโรงฝึกของครอบครัวของเขา ชื่อของโรงฝึกก็คือ “วิถีแห่งปีศาจที่เปี่ยมสุข” โมบี้ถูกมองว่าเป็น ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เพราะเขานั้นสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนได้เมื่ออายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น
โรงฝึกนี้มีนักเรียนไม่มากนัก ดังนั้นครอบครัวของเขาจึงไม่ได้ร่ำรวยอะไร พวกเขาประหยัดเงินอย่างมากเพื่อตั้งใจจะซื้อลูกแก้วความสามารถให้กับลูกชายของเขา เพื่อช่วยให้เขานั้นสามารถดำรงชีวิตในโลกนี้ได้
แม้ว่าครอบครัวของเขาจะยากจน แต่โมบี้ก็มีความสุขกับสถานการณ์ความเป็นอยู่ของเขา เขาเป็นคนร่าเริงอยู่เสมอ และชอบฝึกศิลปะการต่อสู้ทุก ๆ วัน เขานั้นรู้สึกขอบคุณที่มีครอบครัวที่รักและเอาใจใส่เขา ดูเหมือนว่าเขานั้นจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า
แต่เมื่อสงครามเริ่มขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว พ่อแม่ของเขาถูกเกณฑ์ไปรบและไม่เคยกลับมาอีกเลย ในระยะเวลา 3 ปีของช่วงสงคราม เจ้าหน้าที่ของรัฐคนหนึ่งได้บอกเขาว่าพ่อแม่ของเขาทั้งสองคน เสียชีวิตในสนามรบแล้ว นับตั้งแต่นั้นดวงตาของโมบี้ ก็เศร้าหมองและไม่มีชีวิตชีวาอีกเลย ข่าวนี้ยากเกินกว่าจะทนได้สำหรับโมบี้ใน วัย 7 ขวบ เขาไม่สามารถยอมรับการตายของพ่อแม่ได้
เขาไม่มีญาติคนอื่น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีใครให้หันหน้าไปพึ่งพิง
เขาอยู่คนเดียวในโลกนี้โดยสิ้นเชิง เขาปิดตัวเองอยู่แต่ในห้องของเขา และร้องไห้ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยออกมาเพียงสัปดาห์ละครั้งเพื่อตุนอาหาร
หลังจากร้องไห้ไม่หยุดมา 1 เดือน โมบี้ที่เคยมีความสุขและร่าเริงก่อนหน้านี้นั้น ได้กลายเป็นตัวตนในอดีตของเขา
เขายังคงนั่งอยู่บนเตียงของเขาด้วยดวงตาที่ดูแทบจะไร้ชีวิต เขาเคยคิดจะฆ่าตัวตายสองสามครั้งแล้ว แต่เขาใจยังไม่แข็งพอจะทำแบบนั้น ขณะที่เขายกมีดขึ้นจ่อที่ลำคอและพยายามจะเอาชีวิตตัวเองเป็นครั้งที่ 10 ในสัปดาห์นี้เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาวางมีดลงและเดินไปที่ประตูอย่างเกียจคร้านและเปิดมันออก เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยดวงตาที่ไม่มีชีวิตชีวาและพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า
“คุณต้องการอะไร”
ผู้ชายที่อยู่หน้าประตูนั้น เป็นชายร่างสูงในชุดทหาร โมบี้สูงแค่เอวของเขาเท่านั้น และเขาก็ไม่สนใจที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยซ้ำ ชายคนนี้ดูไม่สะทกสะท้านกับความเสียใจและน่าสงสารของเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาเบื่อและเหนื่อยมากจากการทำงานทั้งวันเพื่อดูแลเรื่องต่าง ๆ
“ฉันมาที่นี่เพื่อส่งมอบบางอย่างให้กับนาย พ่อแม่ของนายบอกทางกองทัพไว้ว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ให้เราส่งกล่องโลหะนี้กับนาย ขอโทษด้วยสำหรับการจัดส่งที่ล่าช้า พวกเรามีหลายสิ่งที่ต้องจัดส่ง และของๆพ่อแม่เธอเป็นส่วนหนึ่งของชุดสุดท้ายแล้ว” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางส่งกล่องโลหะให้กับโมบี้
โมบี้รีบรับกล่องและกระแทกประตูใส่เจ้าหน้าที่ทหาร เขาหยิบกล่องเข้าไปในห้องของเขาและมองมันด้วยสายตาที่ยังคงไร้ชีวิตเช่นเดิม
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้ในรอบ 2 สัปดาห์ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใสเหมือนตอนก่อนหน้านี้ในทันใด จู่ ๆ อารมณ์ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมาในร่างกายของเขา จากความทรงจำเก่า ๆ ทั้งหมดที่เขาเคยมีกับพ่อแม่
เมื่อเขาเปิดกล่องเขาพบสร้อยคอสีทองที่มีการแกะสลักภาษาละตินเขียนอยู่
“Memento Mori”
แปลได้ว่า: “ความตายจะมาถึงมนุษย์ทุกคน”
นั่นเป็นคติประจำครอบครัวของเขามาโดยตลอด
เมื่อโมบี้สวมสร้อยคอเส้นนั้น เขารู้สึกว่าความกลัวและอารมณ์เชิงลบทั้งหมดของเขาหายไปราวกับว่าพวกมันไม่เคยมีอยู่มาก่อน อารมณ์เชิงลบของเขาหายไปจากร่างกายของเขาราวกับมีสายน้ำมาชำระล้างจิตใจ มันทำให้จิตใจของเขาตอนนี้สงบลงและสร้างความมุ่งมั่นในการมีชีวิตอยู่ต่อไปให้กับเขา กระบวนการทั้งหมดนี่มันช่างดูผิดธรรมชาติเอามาก ๆ
ในวันนั้นโมบี้ได้ให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง เขาออกจากบ้านที่เป็นเหมือนคอมฟอร์ทโซนของเขาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ และชูมือขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มแล้วกล่าวคำสัญญาว่า
“แม่ครับ พ่อครับ ถ้าได้ยินเสียงของผม… ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมจะไม่เป็นไร ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมานั้นมาทำลายชีวิตของผมและผมจะใช้ชีวิตให้เต็มที่”
“ผมแน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่แม่และพ่ออยากให้ผมทำ… ใช่มั้ย ?”
เมื่อโมบี้กลับไปโรงเรียน เขาถูกรังแกและถูกทำให้อับอายอยู่ทุกวัน การที่เขาไม่มีความสามารถนั้นทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของการโดนกลั่นแกล้งโดยสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาจะไม่ต่อสู้กลับหรือโกรธเคือง ไม่ว่าจะถูกทุบตีกี่ครั้งก็ตาม เขานั้นคิดบวกเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แม้จะอยู่ในช่วงที่เจ็บปวดหรือโหดร้ายที่สุด แบบที่เขาไม่เคยผ่านมาก่อนก็ตาม
จากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่หนักหน่วงของโมบี้ที่เขาทำทุกวันนั้น ร่างกายของเขาจึงแข็งแรงกว่าผู้ที่ไม่มีความสามารถทั่วไปมาก ทว่านั่นไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แม้แต่ผู้ที่มีความสามารถระดับ 1 ที่ผ่านการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยก็สามารถเอาชนะเขาได้แล้ว
ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของตัวเขากระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่จะคิดบวกเสมอ ไม่ว่าเขาจะต้องผ่านอะไรก็ตาม
มีหลายคนพยายามท้าทายเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเขาสามารถมีอารมณ์เชิงลบได้ โดยการทรมานเขาจนกว่าเขาจะหยุดไปเอง แต่ยังไม่มีใครที่ทำร้ายเขาจนเขาโกรธได้ ซึ่งนั่นทำให้นักเรียนหลายคนผิดหวังไปตาม ๆ กัน
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับสร้อยคอมา เขาไม่เคยรู้สึกเศร้า โกรธหรือกลัวอีกเลย มันเหมือนกับว่าจิตใจของเขาไม่สามารถมีอารมณ์เหล่านั้นได้อีกแล้ว เขารู้สึกถึงอารมณ์เชิงบวกเท่านั้น เขามักจะเชื่อผู้คนรอบข้างเสมอประหนึ่งว่าคนเหล่านั้นจะซื่อสัตย์ต่อเขา มันเหมือนกับว่าเขาไม่เคยคิดได้เลยว่าผู้คนเหล่านั้นจะสามารถโกหกเขาได้ มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น เมื่อเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับส้อยคอของเขา คุณจะเห็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์เชิงลบที่คุกรุ่นเล็กๆภายในตัวของเขา มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างกำลังควบคุมเขาอยู่
******************
วันนี้
วันที่ 4 กันยายน ปี 2130
โมบี้เพิ่งจะอายุครบ 16 ปี นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว วันแรกของโรงเรียนเตรียมทหารของเขานั้นจะเริ่มในวันพรุ่งนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โมบี้ยังไม่สูญเสียทัศนคติเชิงบวกในทุก ๆ เรื่องของเขา
และเขายังฝึกฝนตัวเองอย่างหนักในช่วงฤดูร้อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเรียนที่นี่ การฝึกฝนอย่างเข้มงวดของเขา ทำให้เขานั้นได้เรียนรู้เทคนิคลับของครอบครัว 1 อย่าง นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเขา โมบี้ฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเขาถึงสามารถเรียนรู้เทคนิคลับได้เพียง 1 อย่างเท่านั้น แต่ในช่วงฤดูร้อนต่อมา เขาก็สามารถที่จะเรียนเทคนิคของครอบครัวเพิ่มขึ้นได้อีก 1 อย่าง นี่คือการเติบโตที่น่าทึ่ง ด้วยการเรียนรู้ทักษะนี้ ตอนนี้นั้นโมบี้มั่นใจว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้ใช้ความสามารถระดับ 1 ได้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านั้นเขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอน
ทักษะที่เขาได้เรียนรู้ในปัจจุบันนั้นมีดังนี้
<Demon Slash>
เทคนิคที่รวบรวมพลังปีศาจของตนไว้ในดาบ และฟันดาบลงมาอย่างแรง เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง
ทักษะนี้ใช้ความแข็งแกร่งและพลังงานอย่างมาก
<Demon Flash>
เทคนิคที่รวบรวมพลังปีศาจไว้ที่ขาของเขา ทักษะนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ในระยะสั้น ๆ ประมาณ 1 เมตรด้วยความเร็วที่สูงมาก ทำให้สามารถใช้คอมโบได้หลายครั้งติดต่อกัน
ทักษะนี้ใช้ความแข็งแกร่งและพลังงานปานกลาง
เทคนิคเหล่านี้ต้องใช้ความแข็งแกร่งและพลังงานเป็นจำนวนมาก จึงไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ ซึ่งหมายความว่าโมบี้จะต้องมีสติทุกครั้งที่จะใช้พวกมันในการต่อสู้ เขาต้องระวังไม่ให้ตัวเองใช้มันมากเกินไป
หลังจากที่โมบี้ จัดกระเป๋าของเขาเสร็จแล้ว เขาก็ตัดสินใจเข้านอนเร็วกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ตื่นมาอย่างสดชื่นและตรงเวลา และเตรียมตัวไปโรงเรียนเตรียมทหารในวันรุ่งขึ้น เขาทิ้งตัวลงบนเตียงเหมือนเด็กน้อยและเริ่มจ้องมองไปที่เพดานพร้อมกับกำสร้อยคอไว้ในมือ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและรู้สึกตื่นเต้นสำหรับวันพรุ่งนี้ ตาของเขาเริ่มปิดลงอย่างช้า ๆ ท้ายที่สุดเขาก็นอนหลับทั้งคืนพลางยิ้มเหมือนเด็ก ๆ
**********
เช้าวันรุ่งขึ้น,
โมบี้ตื่นขึ้นมาและรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากนอนหลับฝันดี เขาหลับไปมากกว่า 9 ชั่วโมง นี่มันมากกว่าที่เขาเคยนอนในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
ทหารจากกองทัพจะมารับเขาไปโรงเรียนเตรียมทหารในเวลา 9.30 น. ดังนั้นเขาจึงมีเวลาเตรียมตัวอีก 1 ชั่วโมง
รัฐบาลจะส่งเจ้าหน้าที่ทหาร 1 คนเพื่อพาเด็กกำพร้าไปโรงเรียนเตรียมทหารเสมอ พวกเขาเพิ่งสร้างกฎนี้ขึ้นมา เพราะโดยปกติแล้วเด็กกำพร้าจำนวนมากจะพยายามหลีกเลี่ยงการไปโรงเรียนเตรียมทหารและหลบหนีไป หน้าที่ของทหารคือพาพวกเขาไปโรงเรียนเตรียมทหารอย่างปลอดภัย หากเด็กกำพร้าไม่ได้อยู่ที่บ้าน งานของพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นการตามหาตัวพวกเขาและบังคับพวกเขาไปยังโรงเรียน
โมบี้มีเวลามากพอที่จะทำกิจวัตรยามเช้าของเขา เขาทานอาหารเช้า แปรงฟัน วิดพื้น 100 ครั้ง ซิทอัพ 100 ครั้ง และสควอตอีก 100 ครั้ง ก่อนจะฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ หลังจากซ้อมเสร็จเขาสังเกตว่าเวลาตอนนี้คือ 9:15 น. เขายังพอมีเวลาสำหรับอาบน้ำ และเขาก็ออกจากห้องอาบน้ำเวลา 09:25 น.
เขาสวมเสื้อผ้าตามปกติ สวมสร้อยคอของพ่อแม่ คว้ากระเป๋าและอดทนรอบนเตียงเพื่อให้ทหารมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงเคาะดังขึ้นที่ประตู
* ก๊อก * * ก๊อก * * ก๊อก *
แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาจากประตู
“โมบี้ เคน นี่คือพลทหาร แฮรี่ มอริส จากประเทศ Z กองทัพส่งฉัน มาที่นี่เพื่อพาตัวนายไปยังโรงเรียนเตรียมทหาร”
ทันทีที่โมบี้ได้ยินเสียงของทหาร เขาก็รีบวิ่งไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก เขาทักทายทหารด้วยรอยยิ้มขณะที่เขากล่าวอย่างร่าเริง
“ช่วยนำทางด้วยครับ ผมจะอยู่ในความดูแลของคุณอย่างดี”