The Great Demon System - ตอนที่ 53 : สวนสนุกตอนที่ 1
เวลา 11.00 น. ณ สวนสนุกเซสซิส ประเทศ Z.
“ว้าวว! ที่นี่แม่งโคตรใหญ่เลย!” เรย์พูดเสียงเรียบ แต่ปากของเขาอ้าค้างด้วยความตกตะลึง
“นี่เราจะไปที่ไหนก่อนดี รถไฟเหาะขนาดใหญ่ที่พุ่งสู่อวกาศหรือไอ้นั่นที่สูง ๆ แล้วปล่อยเราร่วงลงไปถึงแกนกลางของโลก!” อเล็กซ์พูดอย่างตื่นเต้น
“ฉันคิดว่าเราควรไปซื้อตั๋วของพวกเราก่อน” โมบี้ แล้วหัวเราะเบา ๆ
“ฮ่า ๆ… จริงด้วย!” อเล็กซ์พูดพลางเกาหลังศีรษะอย่างเขิน ๆ
ในที่สุดเด็กชายทั้ง 3 คนก็ไปยืนต่อแถวนานกว่า 30 นาทีเพื่อซื้อตั๋ว ตั๋วแต่ละใบมีราคา 50 เหรียญซึ่งเป็นจำนวนเงินที่พอดีกับที่โรงเรียนมอบให้เหล่านักเรียนในทุกวัน
“แถวที่ต่อหน้ารถไฟเหาะกับมอลเท่นดรอปนั้นโคตรยาว… แน่ใจนะว่าพวกนายยังอยากเล่น…” เรย์ถามอย่างยียวน
“ค่อยกลับมาเล่นพวกมันทีหลังแล้วกัน! ฉันว่าเราควรไปสำรวจส่วนที่เหลือของสวนสนุกนี่และรอให้แถวมันสั้นลงสักหน่อยก่อน” โมบี้ตอบ
“เป็นความคิดที่ดี! ไปบ้านผีสิงกันเถอะ แถวตรงนั้นแทบไม่มีเลย!” อเล็กซ์แนะนำ
“อืมมม…อย่าเลย…” โมบี้ตอบ ขณะเผยรอยยิ้มลำบากใจ
“เล่นด้วยก็ได้” เรย์พูดด้วยเสียงแบบโมโนโทน
“อะไรกัน นี่นายกลัวงั้นเหรอ ?” อเล็กซ์แกล้งแหย่โมบี้
“เปล่า ฉันแค่…”
“เถอะน่า อย่าทำให้มันกร่อยนักสิ!” อเล็กซ์ขัดจังหวะโมบี้แล้วลากเขาเข้าไปข้างใน
การเดินทางทั้งหมดนั้นน่าประทับใจจริง ๆ มันมืดสนิทและใช้โฮโลแกรม 3 มิติที่เหมือนจริงเพื่อฉายภาพสิ่งน่ากลัว ฉากที่น่าเกลียด สัตว์ประหลาดและปีศาจที่เห็นแต่ในนิยายเท่านั้น
แน่นอนว่าเหตุผลที่โมบี้ไม่อยากเล่นสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าเขากลัว แต่เป็นเพราะเขาสามารถมองเห็นได้ในความมืดนั่นทำให้เขามองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนรวมถึงอะไรที่น่าหวาดกลัวที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด และแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น โมบี้ก็สงสัยว่าจะมีอะไรในสวนสนุกที่สามารถทำให้เขาตกใจได้บ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ตลอดการนั่งรถเข้าไปในบ้านผีสิงโมบี้เพียงแค่นั่งเฉย ๆ แล้วชื่นชมกับเทคโนโลยีและการออกแบบของพวกมัน เรย์นั่งด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้านกับความกลัวจากฉากตกใจที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในขณะที่อเล็กซ์นั้นกรีดร้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกระโดดออกมาและตามด้วยเสียงหัวเราะแบบอาย ๆ
เมื่อใช้การได้ยินที่ดีขึ้นของเขา บางครั้งโมบี้ก็ได้ยินเสียงอเล็กซ์พึมพำเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจตัวเอง
“ไม่มีปีศาจในประเทศ Z…ไม่มีปีศาจในประเทศ Z…ไม่มีปีศาจในประเทศ Z…”
เกือบจะเหมือนกับว่าเขานั้นพยายามสะกดจิตตัวเองซึ่งทำให้โมบี้ตลกกับด้านนี้ของเขา
หลังจากการเข้าบ้านผีสิงจบลง โมบี้ก็บิดขี้เกียจขณะที่เขาค่อย ๆ ลุกออกจากรถ แล้วเดินไปที่ทางออก
“มันน่าเบื่อมาก ทำไมนายถึงแนะนำให้มาเล่นอะไรแบบนี้” เรย์พูดพร้อมกับหาว
“อืม โคตรจะเสียเวลา แต่อย่างน้อยเทคโนโลยีในนั้นก็ดูดีทีเดียว” โมบี้ตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อ ๆ
“ใช่แล้ว! เห้อ… !! นั่นมันที่สำหรับเด็กชัด ๆ!” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
จากนั้นทำให้ทั้งโมบี้และเรย์จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอเล็กซ์ ด้วยแววตาล้อเลียน
“นายคิดงั้นจริงหรอ ?”
หลังจากเล่นบ้านผีสิงเสร็จ พวกเขาก็ไปเล่นอย่างอื่นอีกมากมาย เช่นรถบั้มพ์ ที่พวกเขาได้ขับรถจริง ๆ ที่ทนต่อแรงกระแทก เรือโจรสลัดที่แกว่งไปมาเป็นวงกลม 360 องศา ที่มันทำแบบนี้ได้จากเวทมนตร์ต้านแรงโน้มถ่วง และอย่างสุดท้ายคือ สแคมเบิลที่มันนั้นสั่นสะเทือนเร็วเป็นพิเศษจนทำให้ทั้งอเล็กซ์และเรย์อ้วกอาหารเช้าออกมา ขณะที่โมบี้หัวเราะเยาะพวกเขา เนื่องจากเขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เป็นเพราะร่างกายของปีศาจ
พวกเขาเล่นเสร็จเมื่อตอนเวลา 15:52 น.
พวกเขาไม่เห็นเครื่องเล่นอื่นใดที่น่าสนใจนอกจาก รถไฟเหาะกับมอลเท่นดรอปดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจไปที่ร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปต่อแถวเครื่องเล่นที่ดูเหมือนจะยาวจนไม่มีวันสิ้นสุดของเครื่องทั้งสองนั้น
พวกเขาต้องการพลังงานหากจะต้องยืนเป็นเวลาหลายชั่วโมง สำหรับการเล่นเพียงครั้งเดียวนี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท้องของอเล็กซ์และเรย์ว่างเปล่าจากการเล่นเครื่องเล่นก่อนหน้า
พวกเขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะนอกร้านอาหารเพราะบรรยากาศดีกว่าข้างใน
“ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำก่อน! ฉันจะรีบกลับมา! อาหารของเราก็น่าจะมาพอดี!” อเล็กซ์พูดพลางวิ่งไปห้องน้ำ
“บ้าซะจริง!” โมบี้กล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“อืม เห็นด้วย” เรย์พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างจริงใจซึ่งทำให้โมบี้แปลกใจเล็กน้อย
‘นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นอารมณ์ที่แท้จริงของเขา’ โมบี้คิด
“เรย์ นายชอบเรื่องเทคโนโลยีใช่ไหม ? นายไม่คิดว่าเทคโนโลยีทั้งหมดและวิธีที่พวกเขาใช้เพื่อสร้างเครื่องเล่นในสวนสนุกนี้มันน่าตื่นเต้นบ้างหรอ” โมบี้ถามเรย์พลางพยายามจะเริ่มการสนทนา
“อืม ฉันก็ว่างั้น… ” เขาตอบพร้อมกับควงมีดอันหนึ่งในมือเหมือนมันเป็นดินสอ
“ทำไมนายดูไม่ค่อยตื่นเต้นเลย ฉันนึกว่านายชอบในวิทยาศาสตร์พวกนี้ซะอีก ?” โมบี้ถามด้วยความสับสน
“จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่คิดค้นเทคโนโลยีที่ต้านแรงโน้มถ่วง หรือที่กันแรงกระแทกในรถบัมพ์และก็สิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยสร้างสวนสนุกแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อฉันอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5…” เรย์ตอบด้วยสีหน้าสบาย ๆ
“เดี๋ยวนะ! นี่มันเรื่องจริงหรอ! ถ้านายคิดค้นพวกมันขึ้นมา ทำไมนายถึงไม่มีชื่อเสียงหรืออะไรเลยล่ะ ?” โมบี้ถาม
“นั่นก็เพราะฉันไม่เคยได้รับเครดิตใด ๆ จากพวกมันเลย… ย้อนกลับไปตอนประถมศึกษาปีที่ 5 ฉันเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ฉันได้แสดงมันให้ครูวิทยาศาสตร์ดู เขานั้นตื่นเต้นและภูมิใจในตัวฉันมากในตอนนั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาแค่แกล้งทำแบบนั้น เพราะจากนั้นครูของฉันก็ลาออกจากงานหลังจากจากนั้นไม่กี่วันแล้วเสนอการค้นพบของฉันต่อสื่อ นั่นทำให้เขากลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง ส่วนฉันก็เศร้าไปตามระเบียบ… แม้ว่าฉันจะมีหลักฐานยืนยันว่าฉันเป็นคนคิดเทคโนโลยีเหล่านั้น ก็ไม่มีใครคิดจะเชื่อว่าเด็กอย่างฉันจะทำอะไรแบบนั้นได้… ดังนั้นแทนที่จะสูญเสียความหวังและหดหู่ไป ฉันพยายามพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นอีกครั้ง! ฉันรู้ว่าฉันสามารถสร้างสิ่งที่ดีแบบนั้นหรือดีกว่านี้ได้ ฉันใช้เวลาทั้งหมดในการค้นคว้าและศึกษาเพื่อแสวงหาสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่จนสามารถจะปฏิวัติวงการได้ ฉันปิดกั้นตัวเองจากโลกและจดจ่อกับการพิสูจน์ตัวเองจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น ๆ อีกเลย”
“ในที่สุด … ฉันก็ล้มเหลว! ทุกอย่างที่ฉันทำมันไม่มีประโยชน์!! ฉันค้นคว้าทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาหลายปีเพื่อพิสูจน์ว่าฉันล้มเหลวอีกครั้ง! ฉันยังคงเห็นไอ้ครูเวรคนนั้นในการสัมภาษณ์ โดยสื่อเขียนข่าวว่าเขาคือ “อัจฉริยะ” นั่นมันทำให้ฉันเดือดได้ทุกครั้งที่เห็นเลย!!!”
“ฉันกลายเป็นเด็กประหลาดในโรงเรียนที่ไม่มีใครอยากคบหาด้วย แม้ว่าฉันจะพยายามผูกมิตรแล้วแต่พวกเขาก็อยากอยู่ให้ห่างจากฉันเสมอ ฉันไม่เคยโดนรังแกหรือแกล้งนะ แต่ผู้คนมักจะจะทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน ในที่สุดฉันก็ปิดกั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง แล้วใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นวิดีโอเกม ฉันโกหกนายตอนวันแรกที่เราเจอกันที่บอกนายว่าฉันเบื่อเพราะฉันฉลาดเกินไป… นี่ฉันบ่นอะไรมากมายเนี่ย ? ฉันแค่ตื่นเต้นมากที่มีเพื่อนร่วมห้องที่ยอมรับการมีตัวตนของฉันจริง ๆ ซึ่งฉันกลัวว่าจะทำลายความสัมพันธ์ของเรา ด้วยปัญหาที่เห็นแก่ตัวของฉันนั่น”
“เดือนที่ผ่านมาที่ฉันใช้เวลาร่วมกับนายและอเล็กซ์มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย ฉันมีความสุขมากที่ได้สนิทกับพวกนาย… พวกนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันอยากมีมาตลอด … ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ฉันเคยโกหกนายนะ… หวังว่านายจะไม่โกรธ… แล้วฉันก็ขอโทษที่ระบายเรื่องทั้งหมดนี้กับนาย ฉันแค่ต้องการเอามันออกจากความคิดของฉันแล้วเล่าความจริงให้นายฟัง… ” เรย์พูดด้วยดวงตาที่เปียกชื้นและแสดงอารมณ์มากที่สุดที่โมบี้เคยเห็น
หลังจากได้ยินเรื่องราวของเรย์ สมองของโมบี้สับสนอย่างมาก เขาพยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เรย์เพิ่งจะบอกเขา
“นายไม่ต้องขอโทษอะไรหรอก… ฉันคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าฉันเข้าใจดีว่านายรู้สึกอย่างไร แต่เชื่อเถอะถ้าฉันจะบอกนายว่าฉันเคยรู้สึกเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหนในอดีต ฉันจะอยู่กับนายเสมอ ตราบเท่าที่นายต้องการ ไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกเสียใจกับเรื่องของนายหรือสงสารนายนะ… แต่เพราะนายเป็นคนดีจริง ๆ ฉันมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ ๆ นายและนายก็เป็นเพื่อนที่ดีมาก” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดใส
นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ โมบี้ไม่ได้เสแสร้งหรือซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของเขา เขารู้จักเรย์มานานพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เขาเห็นอกเห็นใจเรย์และเขาก็ชอบเรย์ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งอย่างแท้จริง
ทันใดนั้นอเล็กซ์ก็กลับมาจากห้องน้ำและนั่งลงที่เบาะของเขา นั่นทำให้ทั้งเรย์และโมบี้ตกใจ
“เฮ้ยพวกนาย!! แม่งโคตรจะตลกเลย! ตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ มีใครก็ไม่รู้ร้องครางแปลก ๆ ในห้องข้าง ๆ เชื่อไหม! แม่งเอาแต่พูดว่า “ช้า ๆ ลงหน่อย ฉันขอร้อง” แล้วก็คราง ทุกๆ 10 วินาที ฉันแทบหยุดหัวเราะไม่ได้!” อเล็กซ์กล่าวพลางหัวเราะอย่างเต็มที่
“หืมม ?? นี่ฉันพลาดอะไรสำคัญไปหรือเปล่า?” อเล็กซ์พูดพร้อมกับมองทั้งโมบี้และเรย์ด้วยความสับสน