The Great Demon System - ตอนที่ 51 : ทัศนศึกษาตอนที่ 2
ทฤษฎีของโมบี้นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก
หากคลังของเขาสามารถเก็บอะไรก็ได้ตราบเท่าที่มันไม่มีชีวิต มันก็ควรจะใช้หลักการเดียวกับเหล่าอสูรอันเดธได้เช่นกัน
โชคดีที่แผนนี้ของเขาประสบความสำเร็จ พวกอสูรอันเดธจึงถูกจับใส่เข้าไปในคลังของเขาอย่างปลอดภัย
‘ฉันประทับใจมากที่นายค้นพบเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง นับตั้งแต่มีการค้นพบเวทมนตร์เกี่ยวกับมิติก่อนที่ฉันจะขึ้นครองราชย์ในฐานะเจ้าแห่งปีศาจตนแรก พวก Necromancer ก็มักใช้ช่องโหว่เหล่านี้เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเสมอ’
‘ก่อนที่จะมีเวทมนตร์เกี่ยวกับมิติ Necromancer มักจะต้องลากกองทัพอสูรอันเดธไปกับตัวเองทุกที่ที่ไป เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเก็บพวกมันนั้นไว้ที่บ้านได้ และระยะห่างสูงสุดที่พวกเขาสามารถออกคำสั่งกับเหล่าอสูรอันเดธก็ไม่ได้ไกลมาก ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาถูกจัดการได้อย่างง่ายดายหากปราศจากการป้องกันของพวกอสูรอันเดธ นอกจากนี้การลากพวกกองทัพอันเดธไปด้วยไม่ว่าจะต้องไปที่ไหนก็ดึงดูดความสนใจและสะดุดตาอย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่ Necromancer ถูกมองว่าอ่อนแอและไม่มีระโยชน์ ทำให้พวกเขาถูกดูถูกมาเป็นเวลานานจากปีศาจชนิดอื่น ๆ เสมอ‘
‘แล้วเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ก่อนที่ฉันจะขึ้นครองราชย์ในฐานะเจ้าแห่งปีศาจและรวมเผ่าปีศาจทั้งหมดไว้ภายใต้อาณาจักรเดียวกัน ได้มีการค้นพบเวทมนตร์มิติ นั่นทำให้ฉันสามารถเก็บทุกอย่างที่ต้องการไว้ในมิติส่วนตัว นั่นก็คืออย่างเดียวกับคลังของนาย ด้วยการทำเช่นนี้ฉันเลยบอกเหล่า Necromancer อ้อม ๆ ว่ามีวิธีที่สะดวกในการจัดเก็บอสูรอันเดธทั้งหมดของพวกเขาได้ และสามารถลบจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของพวกเขา สิ่งนี้ยกระดับสถานะ Necromancer ให้เป็นหนึ่งในปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปีศาจทั้งหมด‘ เอวิเลีย อธิบาย
‘เรื่องราวของเธอฟังดูน่าสนใจทีเดียว… ตอนนี้ฉันอยากรู้จริง ๆ เกี่ยวกับชีวิตและการผจญภัยของเธอที่นำไปสู่การรวมเผ่าปีศาจให้เป็นหนึ่งเดียวและได้กลายมาเป็นเจ้าแห่งปีศาจตนแรก นอกจากนี้ฉันยังอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรใต้พิภพมากกว่านี้ เพราะฉันมีแนวโน้มที่จะต้องไปยังที่นั่นมากที่สุดเลยในอนาคต‘ โมบี้กล่าว
‘ฉันจะบอกนายหลังจากที่นายสอบผ่านแล้วกัน ถือว่าเป็นของขวัญและเป็นแรงจูงใจในการพยายามต่อ ๆ ไป!’ เอวิเลียตอบพลางหัวเราะเบา ๆ
‘โอเค ตกลงตามนั้น!’ โมบี้ตอบกลับพร้อมหัวเราะเล็กน้อย
‘ตอนนี้ฉันอยากลองทดสอบบางอย่างเพิ่ม ก่อนที่ฉันจะฉลองการค้นพบของฉันได้อย่างเต็มที่’ โมบี้ คิด
สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือโมบี้ต้องการรู้ว่าอสูรอันเดธจะยังอยู่ดีหรือเปล่าเมื่อเขาปล่อยมันออกจากคลังของเขา
เขานำซอมบี้ตัวนั้นออกจากคลังของเขา
ซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นทันทีต่อหน้าโมบี้ นั่นทำให้ทั้งเจย์เดนและแอ๊บบี้ตกใจ
‘การทดสอบแรกสำเร็จแล้ว!’ โมบี้คิดในใจขณะที่เขาได้ยินเสียงซอมบี้ “แฮร่…“
“เฮ้ย… มันกลับมาแล้ว!” ทั้งคู่อุทานด้วยความตกใจ
ใบหน้าประหลาดใจของพวกเธอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นหลังจากโมบี้อธิบายสิ่งที่เขาได้ทดลองทำ
“งั้นก็แปลว่านายใช้เวทมนตร์มิติของนาย ในการเก็บสิ่งของอะไรก็ได้ตราบเท่าที่พวกมันไม่มีชีวิต ในการลองเก็บซอมบี้จะช่วยให้นายสามารถขนย้ายมันได้อย่างปลอดภัยไปยังที่อื่น ๆ ที่นายต้องการโดยไม่ยุ่งยากงั้นเหรอ ?” เจย์เดนกล่าว
“ใช่แล้ว” โมบี้ตอบพร้อมกับพยักหน้า
“งั้น…ฉันก็ไม่ได้ล้มเหลวในการอัญเชิญอสูรอันเดธสินะ ?” แอ๊บบี้พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ใช่แล้ว! เธอทำได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว” โมบี้ตอบขณะปลอบเธอ
“ขอบคุณนะคะ นายท่าน” แอ๊บบี้พูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วยิ้ม
“ตอนนี้ให้ฉันลองดูอีกหน่อย… ” โมบี้พยายามใช้แหวนเก็บของ ของเขาเพื่อเก็บซอมบี้เข้าไปข้างใน
ซอมบี้หายไปทันทีตอนนี้มันถูกดูดเข้าไปในแหวนของเขาเรียบร้อยแล้ว
‘สำเร็จ!’
โมบี้มีความสุขมาก หากเขาสามารถจัดเก็บกองทัพอสูรอันเดธไว้ในแหวนและส่งไปให้ใครบางคนเหมือนกลยุทธ์ม้าไม้เมืองทรอย เขาก็จะสามารถลอบโจมตีศัตรูได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้แอ็บบี้ยังสามารถกำจัดเหล่าอันเดธพวกนั้นทั้งหมดของเธอได้ เมื่อการลงมือสิ้นสุดลงโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ตราบเท่าที่ไม่มีพยานหรือรูปภาพ และส่วนที่ดีที่สุดคือคนเหล่านั้นจะไม่สามารถเชื่อมโยงการฆาตกรรมนั้นกลับมาหาตัวพวกเขาได้! แผนการนี้ค่อนข้างฟังดูสมบูรณ์เลยทีเดียว!
แต่มันก็มีข้อเสียอยู่นิดหน่อย
อย่างแรกแอ๊บบี้ก็ต้องอยู่ในระยะ 20 ก.ม. จากการโจมตีนั่น เนื่องจากเหล่าอสูรอันเดธของเธอไม่สามารถจะทำอะไรได้ถ้าอยู่เกินระยะดังกล่าว
อย่างที่สองหากการโจมตีนั้นไม่สำเร็จ เป้าหมายหลบหนีไปได้แล้วมีการสืบเสาะหาเจ้าของแหวนหรือมีพยาน หรือหากเหล่าอสูรอันเดธถูกจับได้ในกล้อง มันคงจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ไปทั่วประเทศ
อย่างสุดท้ายคือแหวนเก็บของนั้นมีราคาแพงมาก มันจำเป็นต้องใช้เงินอย่างมากสำหรับแผนการนี้
ถ้าโมบี้จะลองใช้แผนนี้ เขาจะต้องหาทางทำให้เป้าหมายไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในแหวนได้ในทันที และต้องทำให้แน่ใจว่าคนนั้นจะไม่มีโอกาสหลบหนีหรือรอดชีวิต และจะต้องไม่มีพยานรู้เห็นหรือกล้องติดตั้งอยู่ในบริเวณนั้น
สิ่งนี้ทำให้กลยุทธ์นี้มีข้อแม้และรายละเอียดมากพอสมควร
‘มันคงจะตลกมากถ้ามีคนขโมยแหวนเก็บของของฉันไป แล้วเรียกกองทัพอันเดธออกมากินเขาทั้งเป็น’ โมบี้คิดพร้อมหัวเราะเบา ๆ
อย่างไรก็ตามความสามารถในการเก็บอสูรอันเดธไว้ในแหวนเก็บของนั้นไม่ได้มีแต่เรื่องดีอย่างเดียว มันเปรียบเสมือนดาบสองคมหากคนอื่นสามารถเก็บซอมบี้ไว้ในแหวนของพวกเขาได้ มันคงจะทำให้ความสามารถของแอ๊บบี้นั้นไร้ประโยชน์เลยทีเดียว
โมบี้จำเป็นต้องรู้ว่ามีใครสามารถเก็บพวกอสูรอันเดธของแอ๊บบี้ไว้ในแหวนเก็บของได้บ้างหรือว่าเขาเป็นคนเดียวที่ทำได้เพราะเขาเป็นเจ้านายของเธอ
โมบี้ปล่อยซอมบี้ออกจากแหวนและบอกให้เจย์เดนลองพยายามเก็บมันไว้ในแหวนของเธอ
“เจย์เดน เธอลองพยายามเก็บไอ้ซอมบี้นี้ในแหวนของเธอหน่อย และแอ๊บบี้ลองตั้งใจให้เจย์เดนไม่สามารถเก็บซอมบี้ของเธอได้ดูซิ” โมบี้บอกทั้งสองคน
ทั้งคู่พยักหน้าแล้วทำตามที่บอก
ท้ายที่สุดปรากฎว่าเจย์เดนไม่สามารถเก็บเจ้าซอมบี้นี้ไว้ในแหวนของเธอได้ แต่หลังจากที่โมบี้บอกให้แอ๊บบี้อนุญาตให้เจย์เดนเก็บซอมบี้ของเธอได้ แหวนเก็บของก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
‘สมบูรณ์แบบ!’ โมบี้ คิด
เจย์เดนปล่อยซอมบี้ออกจากแหวนเก็บของกลับออกมาต่อหน้าพวกเขา
โมบี้ได้ลองใช้ทักษะตรวจสอบของเขากับซอมบี้เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของมัน
**************************
นักรบซอมบี้ขั้นพื้นฐาน
จำนวนสล็อตที่ใช้: 1
ระดับพลัง: 1,800
พลังชีวิต: 100/100 (อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต 0.5 หน่วย / วินาที)
ความแข็งแกร่ง: 70
ความคล่องตัว: 35
ความอดทน: 75
ความฉลาด: 10
พลังจิต: 0
**************************
‘ถือว่าค่อนข้างดีนะ’ เอวิเลียกล่าว
ตอนนี้แอ๊บบี้สามารถเรียกอสูรอันเดธได้ถึง 20 สล็อต ซึ่งซอมบี้นั้นมีจำนวนสล็อตที่ใช้แค่ 1 เท่านั้นทำให้เธอสามารถเรียกออกมาได้สูงสุดถึง 20 ตัว หมายความว่าการอัญเชิญอสูรอันเดธที่แข็งแกร่งกว่านี้อาจจะต้องใช้จำนวนสล็อตมากกว่านี้แน่โมบี้พลางคำนวณอยู่ในใจ
‘ได้เวลาทดสอบอาวุธของเธอแล้ว…’
“แอ๊บบี้ เธอลองตัดมือของเธอหน่อยได้ไหม ?”
ตอนแรกแอ๊บบี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าทำไมโมบี้ถึงออกคำสั่งแบบนี้ เขาไม่เคยบอกให้เธอทำร้ายตัวเองมากก่อน แม้ว่าเธอนั้นเคยจะยอมหักแขนตัวเองเพื่อพิสูจน์ความภักดีมาก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ตอนนี้มันดูแปลก ๆ ซะแล้ว
แต่เธอสลัดความสงสัยออกไป เพราะรู้ว่าเจ้านายของเธอต้องมีเหตุผลที่ดี และถึงแม้ว่าเขาจะไม่มี เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เธอนั้นเคยชินกับการที่โมบี้ปฏิบัติกับเธอเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ความคิดนี้ผุดเข้ามาในใจของเธอโดยอัตโนมัติราวกับว่ามันเป็นจิตใต้สำนึกของเธอ
‘ฉันจะไม่หวั่นไหว!‘ เธอสาบานกับตัวเองอีกครั้ง
‘ฉันรู้ว่าเจ้านายของฉันคงมีทฤษฎีหรือแผนการในใจที่เขาต้องการทดสอบ!’ แอ๊บบี้คิด
“ได้เลยค่ะ นายท่าน!” เธอกล่าวด้วยความมุ่งมั่นแล้วโค้งคำนับให้กับเขา
แอ็บบี้ดึงเคียวขนาดใหญ่ของเธอออกจากแหวนเก็บของและทำการตัดข้อมือขวาของเธอทันที
“ตอนนี้ลองโจมตีซอมบี้ของเธอโดยใช้เคียวของเธอดู อย่าใช้พลังเต็มที่นะ เพราะเราไม่ต้องการจะฆ่ามัน” โมบี้กล่าวเสริม
“รับทราบค่ะ!” แอ๊บบี้พูดพลางเหวี่ยงเคียวขนาดใหญ่ของเธอเข้าหาซอมบี้ของเธอ โดยทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ไว้ที่ท้องของมัน
ทันใดนั้นเธอสังเกตเห็นว่าบาดแผลขนาดใหญ่ที่เธอโจมตีตัวเองได้รับการรักษาแล้ว
‘สำเร็จอีกครั้ง!’ โมบี้คิดพลางดีใจ
หลังจากที่แอ๊บบี้สังเกตเห็นมือที่หายเป็นปกติแล้ว เธอก็เข้าใจเหตุผลที่เจ้านายของเธอสั่งให้เธอทำแบบนั้น และรับรู้ถึงความสามารถของเคียวที่เจ้านายมอบให้เธอว่ามันคืออะไร
‘ฉันรู้แล้ว! เจ้านายของฉันเป็นคนที่ใจดีและฉลาดที่สุด! เคียวของฉันน่าจะมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิตจากการโจมตีและเจ้านายของฉันอาจกำลังทดสอบความภักดีของฉัน เพื่อดูว่าฉันนั้นหวั่นไหวหรือเปล่า!‘ เธอคิดอยู่ในใจ
ทันใดนั้นเจย์เดนก็สังเกตเห็นว่ารอยแผลที่เคยอยู่บนท้องของซอมบี้กำลังเติมเต็มกลับขึ้นมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
“อะไรกันเนี่ย! ซอมบี้ตัวนี้มีความสามารถในรักษาตัวเองขั้นสุดยอดเลย!” เธออุทาน
‘ดูเหมือนซอมบี้จะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาได้ตามเดิม แม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงก็ตาม ตราบใดที่พวกมันมีพลังชีวิตเหลืออย่างน้อย 1 หน่วย ก็ยังสามารถฟื้นฟูกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง’ โมบี้คิดพลางจดจำเอาไว้
หลังจากที่โมบี้อธิบายกับแอ๊บบี้ว่าทำไมเขาถึงให้เธอลองตัดข้อมือตัวเอง เขาก็ให้เธอลองเรียกอสูรอันเดธที่เป็นปีศาจโครงกระดูกออกมาแทนที่จะเป็นซอมบี้เหมือนเดิม
“ลองอัญเชิญโครงกระดูกได้ไหม ?” โมบี้ถามแอ๊บบี้
“เอ่อ… นายท่านคะ ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีพลังปีศาจเพียงพอที่จะทำมันได้… ” เธอตอบ
โมบี้ใช้ทักษะตรวจสอบของเขากับแอ๊บบี้ เพื่อตรวจสอบว่าเธอมีพลังปีศาจเหลืออยู่เท่าใด
[พลังงานปีศาจ: 102/280]
‘ดูเหมือนว่าซอมบี้จะใช้พลังปีศาจในการเรียกอยู่ที่ 200 และอีก 22 ที่เพิ่มขึ้นมานั้นเธอได้รับจากการฟื้นฟูตามธรรมชาติของเธอเอง’ โมบี้สรุปในใจ
“ใช้ทักษะ “Nature’s Stimulation” เพื่อฟื้นพลังปีศาจของเธอ แล้วลองอีกครั้งดู” โมบี้พูดกับแอ็บบี้
“ได้ค่ะนายท่าน!” เธอตอบเขาแล้วหลับตาลงและเริ่มใช้ Nature’s Stimulation
หลังจากผ่านไป 5 นาทีในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเรียกอสูรอันเดธอีกตัวหนึ่งแล้ว
เธอเดินไปที่หลุมศพแบบสุ่ม ขณะที่เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วแสงสีม่วงก็ปกคลุมมือทั้งคู่เอาไว้
จากนั้นเหตุการณ์ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เสียงกรอบแกรบดังออกมาจากหลุมศพก่อนที่มือจะยื่นโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกับมือที่เน่าเปื่อยที่พวกเขาเห็นครั้งที่แล้ว ตอนนี้มันเป็นโครงกระดูกสีขาวแทน
จากนั้นไม่นานโครงกระดูกมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบทั้งหมดก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเต็มตัว
โครงกระดูกเป็นสีขาว มันมีรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรกปกคลุมร่างกายอยู่พอสมควร มันมีขนาดประมาณ 5 ฟุต 10 นิ้ว ซึ่งน่าจะใหญ่เท่ากับร่างของมนุษย์ในหลุมฝังศพที่มันปรากฏขึ้นมา
“สุดยอด!” เจย์เดนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“สมบูรณ์แบบ! เยี่ยมมาก!” โมบี้พูดพลางวางมือบนไหล่ของแอ๊บบี้ที่กำลังอ่อนแรง
โมบี้ใช้ทักษะตรวจสอบเพื่อตรวจสอบค่าสถานะของโครงกระดูก เปรียบเทียบกับซอมบี้เพื่อดูว่าตัวไหนดีกว่ากัน
**************************
นักรบโครงกระดูกขั้นพื้นฐาน
จำนวนสล็อตที่ใช้: 1
ระดับพลัง: 2,000
พลังชีวิต: 75/75 (อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต 0.1 หน่วย / วินาที)
ความแข็งแกร่ง: 75
ความคล่องตัว: 85
ความอดทน: 30
ความฉลาด: 10
พลังจิต: 0
**************************
โมบี้สังเกตเห็นความแตกต่างอยู่พอสมควร โครงกระดูกนั้นมีระดับพลังที่สูงกว่า แต่พวกมันก็สูญเสียอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตไป 0.4 หน่วย / วินาที และพลังชีวิตอีก 25 หน่วย นั่นทำให้พวกมันมีพลังชีวิตสูงสุดแค่ 75 หน่วยแทนที่จะเป็น 100 หน่วยเท่ากับซอมบี้
ซอมบี้นั้นเหมาะที่จะใช้สำหรับการป้องกันที่ยังคงทำความเสียหายได้ ทว่าโจมตีได้ช้าเนื่องจากค่าความคล่องตัวที่ต่ำ แต่มีอัตราการฟื้นฟู พลังชีวิต การโจมตีและค่าความอดทนที่สูง ขณะที่โครงกระดูกนั้นเป็นเหมือนกลาส แคนน่อน เนื่องจากมีความแข็งแรงและความคล่องตัวที่สูง ทว่ามีอัตราการฟื้นฟูและพลังชีวิตที่ค่อนข้างต่ำ
ทั้งสองตัวมีจำนวนสล็อตที่ใช้คือ 1 เท่ากันและต่างมีข้อดีเป็นของตัวเอง ดังนั้นกองทัพลูกผสมของอสูรอันเดธที่ประกอบด้วยทั้งโครงกระดูกและซอมบี้นั้นน่าจะเป็นกองทัพที่ดีที่สุด แต่โมบี้ก็ยังไม่แน่ใจ 100% ในเรื่องนี้
“เฮ้โมบี้ตอนนี้ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ฉันว่าเรากลับไปกันก่อนแล้วค่อยมาใหม่วันหลังดีไหม” เจย์เดน แนะนำ
โมบี้พยักหน้าและเก็บอสูรอันเดธทั้งสองไว้ในคลังของเขา เขาไม่สามารถเสี่ยงให้พวกมันอยู่ในแหวนได้ เพราะหากต้องมีการตรวจสอบแหวนด้วยเหตุผลบางประการแล้ว พวกเขาคงจะต้องเดือดร้อนอย่างมาก
โมบี้อธิบายให้คนรับใช้ทั้งสองฟังว่าทำไมเขาถึงเก็บพวกมันไว้ในคลังของเขา และสัญญาว่าจะสอนวิธีใช้เวทมนตร์มิติในอนาคต มันอาจจะไม่ใช่พื้นที่ที่สามารถเก็บได้ไม่จำกัดเหมือนของเขา แต่ก็ยังมีประโยชน์มากกว่าแหวน
มันจะช่วยให้พวกเขาใช้ที่เก็บของหรือทรัพย์สินในเขตโรงเรียนและพื้นที่จำกัดได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเสี่ยงที่แหวนของพวกเขาอาจหายหรือโดนตรวจสอบ
โมบี้ เจย์เดนและแอ๊บบี้ จัดการเคลียร์สถานที่บริเวณหลุมฝังศพและจัดการสิ่งสกปรกโดยใช้เวลาอย่างรวดเร็ว มันเกือบจะเหมือนว่าพวกเขานั้นไม่เคยมายังที่ตรงนี้มาก่อนด้วยซ้ำ จากนั้นพวกเขาก็รีบออกจากสุสานอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นหรือเดินตามมา
พวกเขาออกมาเจอกับพ่อบ้านที่ขับรถพาพวกเขากลับไปยังคฤหาสน์ของเจย์เดน
ทั้งกลุ่มพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ และคุยเรื่องตลกไร้สาระระหว่างเดินทางกลับ แต่ในสายตาของพ่อบ้านพวกเขาดูแปลกมาก ๆ เพราะไม่มีใครพูดออกมาเลยสักคน แต่เขาเห็นทั้งสามหัวเราะเบา ๆ และการแสดงออกทางสีหน้าเป็นระยะ ๆ
พวกเขามาถึงคฤหาสน์ของเจย์เดนเวลาประมาณ 23:20 น.
โมบี้และแอ๊บบี้กล่าวคำอำลากับเจย์เดน ก่อนที่ทั้งคู่จะมุ่งหน้ากลับไปโรงเรียนด้วยรถลีมูซีนพร้อมกับพ่อบ้าน
เวลา 23:55 น.โมบี้ก็มาถึงหอพักของเขาในที่สุด
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบกับสายตาที่คุ้นเคยของทั้งอเล็กซ์และเรย์ที่กำลังเล่นวิดีโอเกม
“ช่วงนี้ฉันเล่นมาเยอะแล้ว! ฉันเข้าใจทุกด่านแล้ว! คิดว่ายังเอาชนะฉันได้อยู่ไหม?” อเล็กซ์กล่าวพลางยื่นจอยคอนโทรลเลอร์ให้กับโมบี้ ด้วยสายตาท้าทาย
“ยังไงฉันก็เก่งกว่าพวกนายทั้งสองคนอยู่ดี” เรย์กล่าวขณะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้ม
“เดี๋ยวรู้เลย!” โมบี้ตอบด้วยรอยยิ้มและคว้าจอยคอนโทรลเลอร์มาไว้ในมือ