The Great Demon System - ตอนที่ 50 : ทัศนศึกษาตอนที่ 1
“นายท่านค่ะ อาวุธของฉันมีความสามารถพิเศษเหมือนของเจย์เดนบ้างหรือเปล่า” แอ็บบี้ถามด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอนอยู่แล้ว ไว้ฉันจะบอกเธอว่ามันเป็นยังไง ตอนที่เราไปทัศนศึกษากันวันนี้” โมบี้ตอบเธอด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ… ฉันลืมพูดถึงโบนัสที่เมื่อใส่อุปกรณ์นี้แบบครบชุด มันยังทำให้ความสามารถและทักษะที่เกี่ยวข้องกับปีศาจทั้งหมดนั้น มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอีก 5% ด้วยนะ!”
‘5% ของ 70 ก็คือ 3.5 นั้นหมายความว่าขณะที่เจย์เดนแปลงร่างเป็นคนอื่น เธอจะสามารถใช้ความสามารถของคน ๆ นั้นได้ 73.5% ซึ่งเหมือนกับเหลือดีบัฟแค่ 26.5%’ โมบี้คำนวณอย่างรวดเร็วในหัวของเขา
“ซึ่งหมายความว่าตอนนี้ดีบัฟของพลัง Doppelganger ของเธอก็เหลือแค่ 26.5% แทนที่จะเป็น 30% ตามเดิม เพราะโบนัส 5% จากชุดที่เธอใส่”
“โบนัสนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการแปลงร่างของเธออย่างเดียวนะ มันหมายถึงเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับปีศาจใด ๆ ก็ตามจะแข็งแกร่งหรือรุนแรงมากขึ้นอีก 5% ซึ่งรวมถึงการอัญเชิญและอสูรอันเดธของแอ๊บบี้ด้วยเช่นกัน” โมบี้อธิบาย
“จริงเหรอ! นี่มันวิเศษมาก! “เจย์เดนพูดพร้อมกับกระโดดขึ้นลงด้วยความดีใจ
“สมแล้วที่เป็นอุปกรณ์ที่นายท่าน ผู้ซึ่งจะเป็นเจ้าแห่งปีศาจในอนาคตได้สร้างขึ้นมา” แอ๊บบี้กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ
โมบี้ได้ใช้เงินไปแล้ว 100,297 เหรียญจากเดิม 101,503 เหรียญ ทำให้ตอนนี้เขาเหลือเงินเพียงแค่ 1,206 เหรียญ นั่นทำให้เขากลับไปถังแตกเหมือนเดิม ทว่าโมบี้นั้นไม่เสียใจเลยเพราะอุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้นนั้นมันช่างคุ้มค่า
“ยังไงก็ตามพวกเราควรมุ่งหน้าไปที่สุสานกันได้แล้ว ตอนนี้มันเป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้วใช้เวลานั่งรถไปอีกกว่า 1 ชั่วโมงนะ อย่าลืมว่าเราต้องกลับก่อนจะเริ่มเคอร์ฟิว” โมบี้กล่าว
“โอเค! งั้นฉันเรียกพ่อบ้านของฉันเลยแล้วกัน เขาจะได้ขับรถพาเราไปที่นั่นได้!” เจย์เดนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่สนุกสนาน
“เธอแน่ใจหรือเปล่า ว่าเราไว้ใจพ่อบ้านของเธอให้พาเราไปที่นั่นได้ พวกเรานักรถแท็กซี่แยกกันไปที่นั่นก็นะได้” โมบี้ถามเจย์เดน
“ไม่ต้องห่วง! ฉันรู้จักพ่อบ้านคนนี้มานานมากแล้ว และฉันรับประกันได้ว่าเขาจะไม่สอดรู้สอดเห็นในเรื่องของเราแน่นอน ฉันเคยขอให้เขาสาบานว่าเขาจะไม่บอกสิ่งที่ฉันทำกับพ่อแม่และฉันก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดมันออกไปแม้แต่คำเดียว ยิ่งกว่านั้นรถลีมูซีนของฉันยังเร็วกว่าแท็กซี่มาก รถแท็กซี่ขับได้เร็วแค่ 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่รถลิมูซีนของฉันสามารถเร่งความเร็วไปได้ถึง 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง” เจย์เดนอธิบาย
“ฉันจะเชื่อการตัดสินใจของเธอในเรื่องนี้ละกัน” โมบี้ตอบ
เจย์เดนกดปุ่มบนผนังห้องของเธอจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีพ่อบ้านก็ปรากฏตัวในห้องอย่างรวดเร็ว
“คุณหนู เรียกผมเหรอครับ ?” พ่อบ้านถาม ขณะโค้งคำนับอย่างสุภาพ
โมบี้มองไปที่พ่อบ้านด้วยความตกใจ เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องของเขามาก่อนเพราะคิดว่าเขานั้นคงเป็นแค่พ่อบ้านที่อ่อนแอและธรรมดาทั่วไป แต่หลังจากที่เห็นการปรากฏตัวอย่างรวดเร็วขนาดนี้ โมบี้ก็อยากรู้ว่าพ่อบ้านของเจย์เดนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
โมบี้ใช้ทักษะ “ตรวจสอบ” กับพ่อบ้านซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
************
ชื่อ: ??
เผ่าพันธุ์: ??
ความสามารถ: ??
ระดับพลัง: ??
พลังชีวิต: ??
มานา: ??
ความแข็งแกร่ง: ??
ความคล่องตัว: ??
ความอดทน: ??
ความฉลาด: ??
พลังจิต: ??
************
‘อะไรกันเนี่ย! ชายชรานี่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ ??’ โมบี้ค่อนข้างตกใจ
พวกนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อโมบี้พยายามใช้ทักษะ “ตรวจสอบ” กับอาจารย์คนใดคนหนึ่งในโรงเรียน รวมถึงอาจารย์ลีโอเองก็ด้วย โมบี้สรุปได้ว่าครูทุกคนน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ ซึ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากและเขาสรุปว่าทักษะ “ตรวจสอบ” ของเขาที่อยู่ในระดับ 2 นั้นต่ำเกินไปที่จะรับรู้ถึงคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาขนาดนั้นได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าพ่อบ้านคนนี้ก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอาจารย์ในโรงเรียนเช่นกัน
ในขณะที่โมบี้และแอ๊บบี้มองไปที่พ่อบ้านด้วยความตกใจ เจย์เดนกลับดูปกติราวกับว่าไม่มีอะไรประหลาดเกิดขึ้น
‘ฉันคงต้องถามเธอเรื่องของเขาเพิ่มเติมในอนาคตหน่อยละในอนาคต‘ โมบี้คิด
พ่อบ้านพาทั้ง 3 ไปยังรถลีมูซีนและขับรถไปที่สุสานของประเทศ Z
สุสานของประเทศ Z เป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 26 ประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองที่เหล่าเชคเกอร์ได้ทำการโจมตีครั้งแรก สุสานแห่งนี้ประกอบไปด้วยสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยหลุมศพของทหารและพลเรือนที่เสียชีวิตมากกว่า 100 ล้านคนที่ถูกเกณฑ์ไปร่วมรบหรือเสียชีวิตในช่วงสงคราม สุสานแห่งนี้ทอดยาวออกไปหลายกิโลเมตร มีหลุมศพสีขาวตั้งเรียงแถวอย่างเรียบร้อยไกลเกินกว่าที่สายตาจะมองเห็นได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็อาจเรียกได้ว่าเป็นมหาสมุทรแห่งหลุมศพ
สุสานขนาดใหญ่เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับพวกเขา เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะถูกจับได้หากพวกเขาระมัดระวังตัวพอสมควร พวกเขาเพียงแค่ต้องหาสถานที่ที่ห่างจากถนนและห่างจากคนอื่น ๆ ที่มาเยี่ยมชมสุสาน นอกจากนี้โมบี้และคนรับใช้ของเขายังเป็นปีศาจซึ่งทำให้พวกเขามีประสาทสัมผัสที่ดีขึ้น รวมถึงการมองเห็นในเวลากลางคืนอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจะถูกปกคลุมด้วยความมืดของกลางคืน และพวกเขาจะสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ในขณะที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
ทางรัฐบาลนั้นไม่อนุญาตให้ผู้คนฝังสิ่งของราคาแพงลงไปพร้อมกับผู้เสียชีวิตเพื่อป้องกันกรณีการปล้นหลุมศพ เนื่องจากรัฐบาลและทหารไม่ได้เข้ามาดูแลสุสาน ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมันและมันก็ไม่ได้สำคัญต่อประเทศขนาดนั้น
มีเพียงคนเดียวที่ขุดหลุมฝังศพขึ้นมาก็คือคนที่กลายเป็นโรคเนโครฟิเลีย (มีความใคร่กับศพ) หรือขุดขึ้นมาเพื่อแก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นกรณีที่หายากมากที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ผู้คนไม่มีเหตุผลที่จะไปที่สุสานนอกจากไปเยี่ยมเพื่อนหรือญาติที่จากไปแล้ว
ยกเว้นโมบี้…
ตอนนี้เป็นเวลา 19.00 น. เมื่อพวกเขาไปถึงที่สุสานขนาดใหญ่นี่
เวลาของค่ำคืนได้เริ่มขึ้นแล้ว นั่นทำให้พวกเขาได้รับการปกปิดสายตาจากคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งเป็นอะไรที่โมบี้ต้องการ
เจย์เดนสั่งให้พ่อบ้านของเธออยู่ในสถานะสแตนด์บาย เพื่อรอจนกว่าพวกเขาจะกลับมา
เธอบอกพ่อบ้านของเธอว่าพวกเขาจะไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่ของโมบี้ เพื่อเป็นการปกปิดสิ่งที่พวกเขากำลังทำจริง ๆ
แน่นอนมันเป็นเรื่องโกหก
พ่อแม่ของโมบี้ไม่มีหลุมฝังศพ มีการระบุอย่างเป็นทางการว่า “ไม่มีการดำเนินการ” เพราะไม่เคยพบศพของพวกเขา และไม่เคยได้รับการฝังศพหรือมีงานศพที่เหมาะสมเนื่องจากไม่มีใครสนใจพวกเขามากพอ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าลูกศิษย์ในสำนัก โมบี้จึงเป็นคนเดียวที่เสียใจกับการจากไปของพวกเขา
ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในสุสานและวิ่งไปยังริมขอบที่ไกลออกไปซึ่งไม่มีรถยนต์ มันเป็นทางเดินที่ไกลที่สุดที่จะสามารถเดินเข้าไปถึง และน่าจะเป็นบริเวณที่เงียบสงบที่สุดของสุสาน
พวกเขาวิ่งด้วยความเร็วประมาณหนึ่งแต่ทว่ามันเงียบเชียบราวกับเสียงแมวเดินเท่านั้น
ระหว่างทางไปยังที่นั่น พวกเขาเห็นผู้คนมากมายแสดงความเสียใจและร้องไห้บนหลุมศพของคนที่น่าจะเป็นคนที่พวกเขารัก
เมื่อเห็นพวกเขา นั่นทำให้โมบี้นึกถึงพ่อแม่ที่จากไปแล้ว ความรู้สึกเกิดขึ้นในหัวใจเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะส่ายหัวและบอกตัวเองให้จดจ่อกับงานที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
พวกเขาใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการวิ่งไปถึงสุดขอบสุสานอย่างที่ใจต้องการ
เมื่อพวกเขามาถึงโมบี้ใช้วิสัยทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้นของเขาสำรวจรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ เขายังใช้ “Eyes of Sin” ของเขาซึ่งทำให้สายตาของเขาดีขึ้นไปอีกเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ ในระยะทางหลายกิโลเมตรรอบตัว นั่นทำให้มันปลอดภัยสำหรับพวกเขาที่จะดำเนินการทดลองต่อไปนี้
โมบี้เดินไปที่หลุมศพแบบสุ่ม ๆ และบอกให้แอ๊บบี้เรียกซอมบี้ออกมา
ชื่อบนหลุมศพคือ “เทรย์ หลุยส์“
“ลองเรียกซอมบี้โดยใช้หลุมศพนี้ดูซิ” โมบี้บอกกับแอ๊บบี้โดยใช้โทรจิตของพวกเขาในการสื่อสาร
“ได้เลยค่ะ นายท่าน” แอ๊บบี้พูดพร้อมกับเดินไปที่หลุมศพ
เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นขณะที่แสงสีม่วงห่อหุ้มพวกมัน ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้เมื่อใช้ “Energy Sense” เท่านั้น
เสียงกรอบแกรบเล็ก ๆ ดังขึ้นจากหลุมศพ ขณะที่มือผุ ๆ สีเขียวทิ่มทะลุออกมาจากพื้นดิน ก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าที่เน่าเปื่อยไม่มีผมจะโผล่ขึ้นมาจากพื้น
ใบหน้านั้นดูไม่สามารถจดจำได้ว่าเป็นใครด้วยซ้ำ และของสงวนของพวกมันก็หายไป
สำหรับคนปกติแล้วสิ่งนี้จะเป็นภาพติดตาที่รบกวนจิตใจ มันอาจจะทำให้พวกเขาหวาดกลัวไปตลอดชีวิต โชคดีที่โมบี้ เจย์เดนและแอ๊บบี้ไม่ใช่คนปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
เจ้าซอมบี้ตัวนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติง ขณะส่งเสียง “แฮร่” เบา ๆ ที่แทบจะไม่ได้ยิน ถ้าไม่ใช่เพราะการได้ยินที่ดีขึ้นของพวกเขา
หลังจากแอ๊บบี้จัดการเสร็จเธอก็ดูเหนื่อยมาก เธอดูเหมือนหายใจไม่ทัน พลางทรุดเข่าข้างหนึ่งลงและหอบอย่างหนัก
“ว้าว! นี่มันสุดยอดไปเลย!” เจย์เดนอุทาน ขณะพยักหน้าเห็นชอบ
“เธอทำได้ดีมาก” โมบี้พูดพร้อมเผยรอยยิ้ม ขณะวางมือลงบนไหล่ของเธอ
‘ตอนนี้ฉันต้องการทดสอบทฤษฎีนี้ที่ฉันนึกออกตั้งแต่เมื่อวานนี้’ โมบี้คิด
ทันใดนั้นซอมบี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็หายไปในอากาศ เหมือนอยู่ ๆ ก็หายไปซะเฉย ๆ
“อะไรวะเนี่ย! ไอ้ผีนั้นมันไปทางไหนแล้ว! มันหายไปเลย!” เจย์เดนร้องออกมาด้วยความตกใจขณะที่เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าพวกเขากำลังถูกจับตาดูอยู่หรือไม่ แต่ก็พบว่าพวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่อยู่ตรงนี้
“ฉันขอโทษค่ะ นายท่าน…ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลว…” แอ๊บบี้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ
ขณะที่โมบี้เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
‘สำเร็จ!!’