The Great Demon System - ตอนที่ 48 : ก้าวแรก
โมบี้เสียใจเล็กน้อยที่ความคาดหวังของเขาต่อเรื่องเซอร์ไพรส์นั้นผิดไป มันพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเจย์เดนนั้นไม่ได้มองเขาเป็นคู่นอนเลยสักนิด ซึ่งทำให้โมบี้หดหู่นิดหน่อย
แต่โมบี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้
‘สักวัน ฉันจะทำให้เธอชอบฉันให้ได้เลย… ‘ เขาคิดพลางผลักความคิดเหล่านี้ทั้งหมดไว้เบื้องหลัง
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้สำคัญกว่าจินตนาการแปลก ๆ ของเขามาก เพราะมันเป็นของจริงจับต้องได้
เมื่อโมบี้เห็นเงินทั้งหมด ลูกตาของเขาแทบจะโผล่ออกมาจากเบ้าด้วยความประหลาดใจ เขาตื่นเต้นมากที่สามารถซื้ออุปกรณ์จากร้านค้าได้ในที่สุด มันจะช่วยพวกเขาอย่างมากในระหว่างการสอบที่จะเกิดขึ้น
“ทั้ง… ทั้ง… ทั้งหมดนี่มันเท่าไหร่กันเนี่ย!” โมบี้อุทานออกมา
“ฉันคิดว่าประมาณ 100,000 เหรียญ” เจย์เดนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เธอได้เงินทั้งหมดนี่มาได้ยังไง!?” โมบี้ถาม
“อืม…ทำไมไม่ลองหันไปดูล่ะ!” เจย์เดนพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เธอเพิ่งเดินออกมา
โมบี้พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องนั้นอย่างช้าๆ ห้องนั้นมืดสนิท แต่เนื่องจากการมองเห็นที่ดีขึ้นของโมบี้ เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนเวลากลางวัน
แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาประหลาดใจมาก จนเขาต้องกดเปิดไฟเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป
“เธอขายเสื้อผ้าของเธอทั้งหมดเลยหรอ!!” โมบี้อุทาน
ห้องนี้มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าห้องนอนของเจย์เดนมัน แต่มันเต็มไปด้วยไม้แขวนเสื้อและชั้นวางที่ว่างเปล่ากระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง
“เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงไม่เก็บเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอไว้ในแหวนเก็บของล่ะ มันน่าจะสะดวกกว่านะ” โมบี้ถาม
“ฉันก็คิดแบบนั้น… แต่พ่อแม่ของฉันได้ให้แหวนเก็บของระดับกลางมาเท่านั้นและมันไม่สามารถใส่เสื้อผ้าของฉันได้แม้แต่ชิ้นเดียว” เธอตอบด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจเล็กน้อย
“ยังไงก็ตามแต่ ทำไมเธอถึงขายเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอเพื่อฉันกันล่ะ ฉันคิดว่าเธอรักเสื้อผ้าของเธอมากและไม่อยากเสียมันไป ไม่ใช่เหรอ ?” โมบี้กล่าวด้วยสีหน้าตกใจ
“ฉันแค่อยากได้อุปกรณ์เวทย์มนตร์เจ๋ง ๆ ที่นายเคยพูดเอาไว้ไง! ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก!” เจย์เดนพูดพร้อมกับหันไปทางอื่น
“นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เสื้อผ้าของฉันไม่ได้ทำให้แข็งแกร่งมากขึ้นในการต่อสู้ ฉันได้ทดลองใช้พลัง Doppelganger ของฉัน และฉันก็คิดว่าฉันทำแบบนี้ได้” เจย์เดนกล่าวโดยยังคงหันหน้าไปทางอื่น
ทันใดนั้นชุดนักเรียนของเจย์เดนก็กลายเป็นชุดเดรสยาวสีแดงสวยงาม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสื้อครอปและกางเกงยีนส์สบาย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นชุดนักเรียนของเธออีกครั้ง
ด้วยพลังใหม่นี้ฉันไม่ต้องการเสื้อผ้าของฉันอีกแล้ว! ฉันสามารถใช้พลังในการเลียนแบบเสื้อผ้าอย่างเดียว แทนที่จะเลียนแบบทั้งเสื้อผ้าและร่างกายได้ แต่พลังนี้มันใช้ได้กับเสื้อผ้าที่ฉันเคยเห็นมาแล้วเท่านั้นนะ”
“มันก็เงื่อนไขเดียวกับตอนที่ฉันแปลงร่างเป็นคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่น ความสามารถนี้ไม่ได้คัดลอกคุณสมบัติพิเศษของอุปกรณ์ แต่มันจะคัดลอกได้เฉพาะรูปลักษณ์เท่านั้น ซึ่งมันก็เหมาะที่จะเอามาใช้กับเสื้อผ้าที่ไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ ฉันใช้มันได้สะดวกราวกับพลิกฝ่ามือเลย!”
“แต่เสื้อผ้าพวกนี้ไม่สามารถทำซ้ำ ๆ ออกมาได้ เพราะมันจะหายไปทันทีที่ถอดออกจากร่างกาย ทว่าความสามารถใหม่นี้ยังทำให้ฉันมีพวกมันได้โดยไม่ต้องใช้เงินจริง ๆ! ฉันแค่ดูแล้วก็จดจำไว้ในสมองของฉัน แล้วฉันก็จะสวมใส่มันเมื่อไหร่ก็ได้ที่ฉันต้องการโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อมันมา!” เจย์เดนอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“มันวิเศษมาก! มันเหมือนกับว่าเธอและพลังปีศาจของเธอถูกสร้างมาเพื่อกันและกันเลยนะ!” โมบี้อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
‘นั่นก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ… การกลายร่างเป็นปีศาจมันตอบสนองต่อความปรารถนาและนิสัยจากภายในจิตใจของคนขณะที่กำลังเปลี่ยนแปลง’ เอวิเลียกล่าว
‘เดี๋ยวนะ… นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย !?’ โมบี้ตอบ
‘ใช่ นายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรอที่คนที่ชอบเล่นสนุกกับอารมณ์และความรู้สึกของคนอื่นจะกลายเป็น Doppelganger หรือผู้หญิงที่อยู่คนเดียวมาตลอดชีวิต ต้องการที่ยืนอยู่บนโลกได้ด้วยตัวเองและไม่ไว้วางใจใครเลย จะกลายเป็น Necromancer ปีศาจที่เก่งที่สุดที่สามารถคุมทั้งการต่อสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว และมีเหล่าลูกสมุนคอยควบคุม ?’ เอวิเลียอธิบาย
‘อืม! ก็จริง! ฉันน่าจะคิดออกมาตั้งนานแล้ว!’ โมบี้ตอบพลางรู้สึกโง่ที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อน
‘แล้วถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง… ทำไมฉันถึงกลายเป็นปีศาจธรรมดาที่ไม่มีความพิเศษเลยล่ะ ? นั่นหมายความว่าฉันไม่มีบุคลิกหรือความปรารถนางั้นเหรอ ? เป็นไปไม่ได้! ฉันรู้ว่าความปรารถนาของฉันคือต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น! แล้วทำไม !?’ สมองของโมบี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
‘ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่กังวลหรอกนะ! คำถามทั้งหมดของนายจะได้รับคำตอบเมื่อนายวิวัฒนาการ! นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถพูดได้โดยไม่ทำลายเรื่องเซอร์ไพรส์!‘ เอวิเลียกล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ อย่างน่ารัก
‘เรื่องเซอร์ไพรส์ของเอวิเลีย… มันจะต้องเป็นเรื่องดีแน่ ๆ’ โมบี้คิดพร้อมกับถอนหายใจพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
“แล้ว…นายคิดยังไงกับเซอร์ไพรส์ของฉัน” เจย์เดนพูดพลางดีดนิ้วของเธอเพื่อทำให้โมบี้กลับสู่โลกความเป็นจริง
“มันวิเศษมาก! มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลย! ฉันสัญญาว่าจะต้องได้อะไรดี ๆ มาให้เธอแน่นอน!” โมบี้กล่าวพลางเข้าไปสวมกอดเจย์เดน
โมบี้ยังคงเป็นมือใหม่อย่างสมบูรณ์เมื่อพูดถึงเรื่องผู้หญิงและเรื่องของความรัก ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เขาไม่ต้องการที่ให้เธอกลัวหรือทำลายมิตรภาพของพวกเขา แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงอยู่ดีเพราะเห็นว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดี เขาสามารถทำมันโดยอ้างว่าเขาตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะของขวัญที่เธอให้กับเขา
เจย์เดนตกใจมากเมื่อเห็นโมบี้สวมกอดเธอ เธอไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อยเลย นั่นทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงและร้อนผ่าวทันที การกอดนั้นไม่แน่นมากนักและให้ความรู้สึกสุภาพและอ่อนโยนมากซึ่งทำให้เจย์เดนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
โมบี้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้ขณะที่ศีรษะของเขาอยู่เหนือไหล่ของเธอ ทว่าเขามีความสุขที่เห็นว่าเขาไม่ถูกเธอผลักออกไปในทันที
เขาใช้ความคิดของเขาเพื่ออ่านอารมณ์ของเธอเพื่อดูว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
และคำตอบคือ ‘มีความสุขมาก’
‘ฉันเดาว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีนะ… ‘ โมบี้คิดอย่างกระวนกระวายใจ
นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดตลอดชีวิตของเจย์เดน อาจเป็นครั้งที่สองรองจากการที่เธอกลายเป็นปีศาจและได้พบกับโมบี้
ขณะที่เธอกำลังจะกอดเขากลับจู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
‘เฮ้ เจย์เดน นายท่านคะ! อยู่ด้านในกันหรือเปล่า’ แอ๊บบี้พูดโดยใช้การเชื่อมโยงความคิดของเธอเพื่อสื่อสารกับพวกเขาทั้งสองคน
เจย์เดนและโมบี้รีบผละออกจากกันในทันทีด้วยความลำบากใจ
“ขอโทษนะ ฉันตื่นเต้นเกินไป ของขวัญของเธอมันวิเศษมากจริง ๆ” โมบี้กล่าวและพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ตรงหน้า
“ไม่ต้องหรอก…มัน…รู้สึกดีมาก…ฉันไม่ได้รังเกียจเลย” เจย์เดนพูดพร้อมกับเล่นผมยาวสีน้ำเงินเข้มของเธอ
ทั้งคู่เข้าใจกันผิด เจย์เดนนั้นคิดว่าเธอแสดงออกมากเกินไป เพราะมันก็คงเป็นเพียงการกอดแบบมิตรภาพเท่านั้น เธอยังคงมีความไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก เธอกลัวว่าโมบี้จะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย และเขาคงไม่อยากอยู่ใกล้เธอหลังจากที่เธอพยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับเขาเมื่อในอดีต
ส่วนโมบี้ยังคงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ได้กอดเขาคืนและมันไม่ได้แสดงถึง “การกระตุ้น” หรืออะไรสักอย่างตามแนวของเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เธอแค่รู้สึกมี “ความสุข” เท่านั้น
‘โชคดีที่เธออาจเห็นว่าเป็นการกอดที่เป็นแบบมิตรภาพและไม่มีอะไรมาก ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำลายความสัมพันธ์ของเรา ฉันจะต้องเอาชนะใจเธอ… ให้ได้เลย…‘ โมบี้คิดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
‘นายท่านคะ! ตอบฉันหน่อยค่ะ! ท่านโอเคไหม! มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า!? ตอบฉันทีค่ะนายท่าน!!’ แอ๊บบี้พูดกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกังวล
‘ฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วนะคะ!’
“ไม่ ไม่ ฉันสบายดี ฉันจะเปิดประตูให้เธอเดี๋ยวนี้แหละ!” โมบี้กล่าวด้วยความตื่นตระหนก
‘ฉันดีใจมากที่นายท่านไม่เป็นไรค่ะ! ฉันนึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายท่านเสียอีก!’ แอ๊บบี้พูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
โมบี้ออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีและเปิดประตูให้แอ๊บบี้เข้ามาข้างใน
เมื่อเธอเข้าไปในห้องและมองไปที่ใบหน้าที่แดงเล็กน้อยของเจย์เดนและโมบี้เธอก็อดสงสัยไม่ได้
“นายท่านคะ ฉันพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไปหรือเปล่า ?” เธอถามด้วยความอยากรู้