The Great Demon System - ตอนที่ 15 : การสร้างทักษะ
โมบี้สังเกตเวลาบนนาฬิกาของเขา
<07:00 น.>
เขายังคงต้องอาบน้ำในตอนเช้าและเตรียมตัวไปโรงเรียน เขาจึงมุ่งหน้ากลับไปยังหอพัก
เมื่อเขากลับเข้ามาในห้องพักของเขา เขาสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องของเขายังคงหลับอยู่ในท่าที่ประหลาด ๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ว่าพวกเขานั้นดูตลกมากแค่ไหน
เขาไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อมสำหรับการอาบน้ำเพราะเขานั้นมีทุกอย่างในคลังอยู่แล้ว
ในขณะที่เขาเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจ เขาก็เดินไปที่อ่างล้างมือเพื่อที่ล้างหยาดเหงื่อที่เขามีบนหน้าจากการทำภารกิจประจำวัน
ในขณะที่เขามองตัวเองในกระจก เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนอยู่ภายในใจ
“อะไรเนี่ย!? ไอ้นั่นมันใครกันแน่!?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าของเขานับตั้งแต่หลังจากวิวัฒนาการ ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ในห้องน้ำคือตอนที่เขาพยายามซักผ้า ในเวลานั้นกระจกห้องน้ำเต็มไปด้วยฝ้าจากการที่อเล็กซ์อาบน้ำอุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเงาสะท้อนของเขาเองได้
ผิวซีดก่อนหน้านี้ของโมบี้ เปลี่ยนเป็นเฉดสีที่เข้มขึ้น นั่นทำให้เขาดูเป็นสีแทนตามธรรมชาติ ผมสีดำสนิทของเขาก่อนหน้านี้นั้น ตอนนี้มีสีแดงแทรกขึ้นมาบ้างประปราย ดวงตาสีเขียวของเขาเป็นประกายแวววาวที่ทำให้พวกมันดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ และโครงหน้าของเขานั้นยังชัดเจนมากขึ้น ถ้าเมื่อก่อนเขาถูกมองว่าหน้าตาดีแล้วละก็ ตอนนี้เขาก็คือนายแบบระดับท็อปดี ๆ นี่เอง
“เอวิเลีย นี่มันความหมายยังไงกันเนี่ย!?” เขาร้องถามด้วยความโกรธ
“โอ้…ไม่เอาน่า อย่าเป็นแบบนี้สิ” เธอพูดขณะหัวเราะเบา ๆ
“ฉันแค่จะบอกว่า คำว่า ‘หล่อเหลาราวกับปีศาจ’ มันก็ดูสมจริงอยู่นะ ฉันคิดว่านายน่าจะชอบการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ของนายนะ นายจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดสาว ๆ มากมายเลยล่ะ” เธอกล่าวเสริมขณะที่หัวเราะมากกว่าเดิม
“เธอและฉัน เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่แย่มาก อย่างแรกฉันไม่ได้สนใจพวกโสเภณีสกปรกที่ปฏิบัติกับฉันเหมือนว่าฉันเป็นกองขี้หมาบนท้องถนน ที่จริงฉันขอถอนคำพูด อย่างน้อยกองขี้หมาก็จะถูกทิ้งไว้ตามลำพังและถูกเพิกเฉย ไม่ได้ถูกล้อเลียนและรังแกทุกวันแบบฉัน อย่างที่สองฉันไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นจุดสนใจมากเกินไป แผนของฉันคือการทำให้ตัวเองไม่โดดเด่นหรือสะดุดตา ในขณะที่วางแผนอย่างลับ ๆ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำลายมันทั้งหมด” โมบี้สาปแช่งความโชคร้ายอย่างต่อเนื่องของเขา
โมบี้คิดจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะโรงเรียนไม่อนุญาตให้ใส่หน้ากากภายในโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ และอีกอย่างหนึ่ง หน้ากากจะดึงดูดความสนใจมากกว่าการไม่สวมหน้ากากเสียอีก
โมบี้ทำได้แค่ยอมรับและไปโรงเรียนเหมือนปกติ เขาตัดสินใจว่าจะพยายามทำตัวกลมกลืนกับฝูงชนเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นความหล่อเหลาของเขา
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เวลาตอนนี้คือ 07:15 น. แล้ว
เขายังมีเวลาอีก 45 นาทีจนกว่าโรงเรียนจะเริ่มการเรียนการสอน เพื่อนร่วมห้องของเขายังคงหลับเหมือนเด็กทารก
โมบี้นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างรู้สึกไร้ประโยชน์ เขาไม่เคยเป็นคนประเภทที่ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขามักจะฝึกซ้อมในทุก ๆ วินาทีที่เขามีเวลาว่าง แต่ตอนนี้เขามีระบบแล้ว การฝึกทำให้เขารู้สึกไร้ประโยชน์เพราะเขาได้ทำภารกิจประจำวันเสร็จแล้ว และการฝึกฝนเพิ่มเติมก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มค่าสถานะของเขาอีกต่อไป
“ตอนนี้มีวิธีไหนบ้างที่ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นได้ ฉันไม่ชอบที่จะนั่งเฉย ๆ โดยเปล่าประโยชน์” โมบี้ถามเอวิเลียด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายแต่ก็จริงจัง
“ฉันจะให้คำใบ้กับนาย หนังสือทักษะไม่ใช่ทางเดียวที่นายจะได้รับทักษะ นายสามารถพัฒนาทักษะของนายเองได้นะ” เอวิเลียตอบกลับในใจประหนึ่งว่ากำลังขยิบตาให้
“นอกจากนี้วิธีเดียวที่จะใช้เพิ่มเลเวลของทักษะของนาย ก็คือการพยายามใช้ทักษะเหล่านี้ซ้ำ ๆ และทักษะอื่นจะสามารถเพิ่มระดับได้ก็ต่อเมื่อนายไปถึงระดับของมันแล้วหรือไม่ก็ต่อเมื่อนายวิวัฒนาการ” เธอกล่าวเสริม
“ฉันสามารถสร้างทักษะของตัวเองและเพิ่มเลเวลมันได้งั้นเหรอ! ทำไมเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้!” โมบี้ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“อืม ก็นายไม่เคยถามและนี่เป็นโอกาสเดียวที่ฉันเห็นว่าสามารถจะบอกได้ เพราะนายดูยุ่งอยู่ตลอดตั้งแต่นายมีระบบนี่มา บางทีนายควรจะลองถามคำถามเพิ่มเติมอีกนะในอนาคต” เอวิเลียตอบพร้อมกับขยิบตาอีกครั้ง
“ก็จริง ฉันจะจดจำไว้ เพื่อถามคำถามเพิ่มเติมในอนาคต ฉันยังไม่ค่อยชินกับเสียงในหัวแบบนี้เลย” โมบี้พูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวในที่สุดนายก็ชิน… ” เอวิเลียตอบพลางให้ความรู้สึกว่าเธอกำลังยิ้มอยู่
หากโมบี้ต้องการฝึกฝนทักษะของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ต้องการวิธีที่จะฟื้นฟูพลังปีศาจของเขาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาต้องรอเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเติมพลังปีศาจของเขาให้เต็ม นี่มันเป็นวิธีที่นานเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพเมื่อนำมาใช้งานจริง
เขาพยายามค้นความทรงจำของเขาเป็นเวลานานสำหรับการหาวิธีดังกล่าว
แล้วเขาก็นึกถึงเรื่องที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้
เขานึกถึงเทคนิคหนึ่งของพ่อแม่ที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา ภาพที่พ่อของเขาหลับตาลงและเข้าสู่ภาวะเข้าฌาน เขาจำได้ว่ามันรู้สึกถึงการสร้างพลังงานที่เข้มข้นรอบตัวพ่อของเขา ในขณะที่พ่อกำลังอยู่ในภาวะเข้าฌานนั้น
โมบี้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และพยายามทำสิ่งเดียวกับพ่อของเขาในความทรงจำ
เขาหลับตาลงและพยายามที่จะรับรู้ถึงการไหลเวียนของพลังงานในอากาศ เขาสังเกตเห็นการไหลเวียนของพลังงานในอากาศรอบตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็มองเห็นพลังงานที่ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
<สร้างทักษะใหม่! >
——————————————————–
<ชื่อทักษะ: ยังไม่ได้กำหนด>
ด้วยการรวบรวมพลังงานในอากาศเข้ามาในร่างกาย ผู้ใช้สามารถเติมพลังปีศาจของตนเองให้เต็มได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องยืนสงบนิ่งและต้องมีสมาธิกับมันอย่างเต็มที่ กระบวนการนี้ไม่สามารถถูกขัดจังหวะได้ มิฉะนั้นทักษะจะถูกยกเลิก
เวลาเปิดใช้งาน: 5 นาที
——————————————————–
<คุณต้องการตั้งชื่อทักษะใหม่ของคุณว่าอะไร>
โมบี้พอใจกับทักษะที่สร้างขึ้นมาใหม่ของเขามาก ด้วยทักษะนี้จะทำให้สามารถฝึกฝนทักษะอื่น ๆ ของเขาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าพลังงานปีศาจจะหมดลง
เอวิเลียรู้สึกประทับใจและยอมรับกับทักษะใหม่ของเขา
ตอนนี้โมบี้กำลังคิดชื่อที่เหมาะสมสำหรับทักษะนี้ หลังจากปฏิเสธความคิดเกี่ยวกับชื่อที่ไร้สาระและแย่ ๆ ที่เขาคิดขึ้นมาหลายๆชื่อ ในที่สุดเขาก็ตกลงได้ว่า
“Nature’s Stimulation”
<รับทราบชื่อที่เลือก>
<“Nature’s Stimulation”>
ขณะที่โมบี้กำลังจะเริ่มฝึกฝนทักษะของเขา เขาก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น เขามองไปและเห็นว่าเสียงนั่นดังมาจากนาฬิกา เวลานั้นเป็นเวลา 7:40 ซึ่งเหลือเวลา 20 นาทีก่อนชั้นเรียนจะเริ่ม
เสียงปลุกนั้น ปลุกทั้งเรย์และอเล็กซ์ให้ตื่นขึ้น โมบี้ออกจากห้องทันทีที่เขาสังเกตเห็นพวกเขาตื่น โชคดีที่โมบี้สามารถออกมาจากห้องได้ก่อนที่พวกเขาจะสังเกตเห็นเขา ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร และจากที่ได้รู้จักกับพวกเขาเมื่อคืนเพียงเล็กน้อย เขาสันนิษฐานว่าพวกเขานั้นคงต้องการให้เขาเดินไปโรงเรียนพร้อม ๆ กันแน่ ซึ่งนั่นจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันจะเป็นคน 2 คนระดับพลังสูง ที่เดินไปพร้อมกับพวกคนที่มีระดับพลังต่ำ ซึ่งนั่นจะถูกมองว่าแปลกประหลาดอย่างมาก
หลังจากเดินไป 5 นาทีในที่สุด โมบี้ก็มาถึงทางเข้าโรงเรียน โรงเรียนแออัดตั้งแต่ทางเข้าไปด้วยนักเรียน โถงทางเดินนั่นช่างมีชีวิตชีวาเช่นเคย เขาพยายามอยู่ท่ามกลางฝูงชนระหว่างทางเดินไปที่ชั้นเรียน แต่แผนนี้ไม่ได้เป็นผลดีอย่างที่เขาคิด
เขาเห็นเด็กผู้หญิงหลายคนมองเขาด้วยสายตาชื่นชม ซึ่งก็เปลี่ยนเป็นรังเกียจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เด็กผู้หญิงบางคนกลับแสดงความรู้สึกเสียดายมากกว่าที่จะรู้สึกรังเกียจ ส่วนเด็กผู้ชายหลายคนมองกลับมาที่เขาด้วยสายตาอาฆาตแค้นและอิจฉา
‘นี่มันมากไปสำหรับการพยายามทำให้ตัวเองไม่สะดุดตา ดูเหมือนว่าฉันจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมากมายเพียงแค่มีชีวิตอยู่เฉย ๆ เองนะ’ เขาสบถอยู่ภายในใจ
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนและมายืนอยู่หน้าโมบี้ เธอเดินมาอย่างสง่างามและมั่นใจแล้วพูดเสียงดังว่า
“อย่ามาขวางทางฉันพวกบ้านนอก ฉันนั้นร่ำรวยและสูงส่งกว่าพวกแกมากนัก”
เธอมีผมสีน้ำเงินเข้มที่ยาวไปจนถึงเอว รูปร่างของเธอไม่หนาเกินไปและมีส่วนเว้าส่วนโค้งในทุกที่อย่างเหมาะสม แม้จะแต่งหน้าเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเธอก็น่ารักและน่าดึงดูดจริง ๆ เธอสวมชุดนักเรียนชั้นปี 1 แบบมาตรฐาน ที่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นเนื้อหนังมากขึ้น เด็กผู้ชายทุกคนต่างพากันน้ำลายไหลไปตามทิศทางที่เธอเดินมา พวกเขาไม่ได้พยายามที่จะเก็บอาการแม้แต่น้อย
แต่โมบี้กลับเหมือนจะต้านทานต่อเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ได้ เมื่อเขาเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็เริ่มสาปแช่งโลกใบนี้ภายในใจว่าทำไมถึงเกลียดเขานัก เขาไม่ได้อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นแบบนี้
เขาพยายามที่จะเก็บอาการและไม่แสดงสีหน้า และพยายามสงบใจไว้โดยหวังว่าเหตุการณ์นี้มันจะผ่านไปโดยเร็ว
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณต้องการอะไรหรือเปล่าครับ ?” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มปลอม ๆ ที่ดีที่สุดที่เขาสามารถจะทำได้
จากนั้นเธอก็เริ่มหัวเราะเบา ๆ
โมบี้กังวล เขาคิดว่าเขาพูดอะไรหยาบคายหรือโง่เง่าออกไปหรือเปล่า
“ฉันชอบนาย ทำไมนายไม่มาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันล่ะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูเหยียดหยามและดูถูก