The Great Demon System - ตอนที่ 13 : คืนที่น่าจดจำ
ทุกคนตรงนั้นต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของโมบี้
จากนั้นโมบี้ เรย์และอเล็กซ์ก็ตัดสินใจที่จะมี “ช่วงเวลาของลูกผู้ชาย” เพื่อทำความรู้จักกันให้ดีขึ้นและกระชับความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
พวกเขาคุยกันหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิต แผนการในอนาคต จากนั้นพวกเขาก็เล่นวิดีโอเกมด้วยกันตลอดทั้งคืน
อเล็กซ์มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีความสำคัญมาก ซึ่งใช้ “สายฟ้า” หนึ่งในความสามารถพลังธาตุที่ทรงพลังที่สุดเช่นเดียวกับความสามารถไฟ เขาบอกว่าเขาเคยเป็นพวกหลงตัวเองและนิสัยไม่ค่อยดีนักเมื่อครั้งยังเรียนที่โรงเรียนประถม แต่ว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น นั่นทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองของเขาไป เขาไม่ได้ลงลึกเกี่ยวกับเรื่องราวของเขามากนัก และไม่มีใครอยากถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นก็เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา ความฝันของเขาในอนาคตคือการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น โดยไม่สนใจว่าเขาจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง
โมบี้ชื่นชมความฝันและอุดมคติของอเล็กซ์ แต่โมบี้ก็ยังไม่ไว้ใจเขา เขาต้องการสังเกตอเล็กซ์ไปอีกสักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจว่าสามารถไว้ใจเขาได้หรือเปล่า หากสิ่งที่อเล็กซ์พูดเป็นความจริง โมบี้ก็สามารถมองพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีได้
ส่วนเรย์นั้นเป็นเด็กอัจฉริยะ เขาไม่ได้มาจากครอบครัวใหญ่อย่างอเล็กซ์ แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับการมีชีวิตที่ดี ความสามารถของเรย์ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสมองของเขา ทำให้เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้เขาสามารถใช้ Telekinesis ได้แม้ว่าจะอ่อนแอมากก็ตาม
Telekinesis นั้นช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมและเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือผู้คนได้โดยไม่ต้องสัมผัส
ในโรงเรียนเรย์ไม่เคยสนใจที่จะหาเพื่อนเพราะเขายุ่งอยู่กับการเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เมื่ออายุได้ 12 ปีเขาได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่ต้องการ เขารู้สึกเบื่อและเริ่มเล่นวิดีโอเกมทุกวัน ซึ่งทำให้เขามีความตื่นเต้นใหม่ ๆ ในชีวิต แต่เพราะเขาไม่เคยพูดคุยกับใครในช่วงที่ได้เข้ามาในโรงเรียนเรียนแรก ๆ เขาจึงไม่เคยเรียนรู้วิธีการเข้าสังคมและสร้างมิตรภาพอย่างเหมาะสม ดังนั้นเขาจึงอยู่คนเดียวมาโดยตลอด เมื่อเขาพบว่าเขาจะต้องใช้หอพักร่วมกับคนอื่น ๆ อีก 2 คน เขาดีใจมาก เพราะมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้มีเพื่อนสักที และตอนนี้เขานั้นยังไม่มีการวางแผนการอะไรสำหรับอนาคตข้างหน้าของเขา
สิ่งที่เรย์พูดนั้นฟังดูจริงใจ แต่ถึงกระนั้นโมบี้ก็ไม่สามารถเชื่อถือคำพูดของเขาได้อย่างเต็มที่ เขาจะคอยประเมินพฤติกรรมของเขาก่อนที่จะไว้ใจได้
เรย์ยังอธิบายด้วยว่าระบบระดับพลังที่แสดงในนาฬิกาของเขานั้นทำงานแตกต่างไปสำหรับผู้ที่อยู่ในแผนกวิทยาศาสตร์ แทนที่จะวัดพลังในการต่อสู้ของบุคคล แต่พวกเขาได้วัดพลังสมองและสติปัญญาแทน
เรย์ไม่ได้พยายามเรียนรู้อะไรมานานหลายปีแล้วเพราะความเบื่อหน่าย นั่นหมายความว่าเขามีระดับพลัง 3720 มาตั้งแต่ตอนที่อายุ 12 เท่านั้น ถ้าเขาลองพยายามตั้งใจเรียนอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าเขาจะฉลาดมากขึ้นแค่ไหน
ในที่สุดก็ถึงคราวของโมบี้ที่จะพูดถึงตัวเอง เขาตัดสินใจบอกความจริงกับพวกเขา เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม แต่แน่นอนโมบี้เลือกที่จะไม่เล่าส่วนที่เกี่ยวกับเอวิเลียและเอริคไว้ นอกจากนี้เขายังละไม่ได้เล่าถึงชื่อของนาธาน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาหากพวกเขาสามารถเชื่อมโยงกับความตายของนาธานในอนาคตกลับมาหาเขาได้
ในตอนท้ายของเรื่องราวของโมบี้ ใบหน้าของทั้งอเล็กซ์และเรย์ต่างก็มีน้ำตาคลอเบ้า
“แย่ที่สุด คนพวกนั้นทำแบบนี้ได้ยังไง!” อเล็กซ์กล่าวขณะถอนหายใจ
“บอกฉันมาว่าใครทำแบบนั้นกับนาย! ฉันจะไปหาพวกมัน! แล้วฉันจะจัดการพวกมันทุกคนเลย!” อเล็กซ์กล่าวในขณะที่ยืนขึ้นในท่าต่อสู้
“ฉันเห็นด้วยกับอเล็กซ์ เราไม่สามารถปล่อยให้การกระทำทั้งหมดนั้นลอยนวลไปได้ ถ้านายยังมีปัญหาแบบนี้อีก บอกให้เรารู้ด้วยนะ” เรย์พูดด้วยหน้าที่นิ่งเฉย แต่กลับมีน้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาของเขา
โมบี้รู้สึกสับสนจากปฏิกิริยาที่รุนแรงของพวกเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องราวของเขาจะทำให้พวกเขาทั้งสองแสดงออกมาอย่างลึกซึ้งแบบนี้
“ไม่เป็นไรน่า ฉันดูแลตัวเองได้ พวกนายไม่ต้องห่วงฉันหรอก” โมบี้พูดและพยายามทำให้พวกเขาใจเย็นลง
“ถ้านายตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก บอกให้พวกเรารู้ด้วย ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ และเราควรระวังหลังของกันและกัน” อเล็กซ์กล่าวด้วยความแน่วแน่ ในขณะที่เรย์พยักหน้าเห็นด้วย
ในความคิดของโมบี้เขาคิดว่าคำว่า “เพื่อน” เป็นคำที่กว้างเกินไป เขาจะถือว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นอยู่ในรายชื่อ “ห้ามฆ่า” มากที่สุดแล้วกัน เขายังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาพูดทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า เขาพยายามที่จะอยู่สนใจในด้านดี ๆ ของพวกเขา และรอดูถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยไม่ลดการระวังตัวของเขาลง
หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเล่นวิดีโอเกมก่อนเข้านอน พวกเขาเล่นเกมแข่งรถแบบผู้เล่น 3 คน โมบี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเล่นวิดีโอเกม
ในตอนแรก เรย์จะชนะทุกครั้ง ในขณะที่ทั้งอเล็กซ์และโมบี้นั้นสูสีกัน โมบี้นั้นคุ้นเคยกับการควบคุมเกมได้อย่างรวดเร็ว ในตอนท้ายของการเล่น โมบี้เกือบที่จะสามารถเอาชนะเรย์ได้ด้วยซ้ำ
โมบี้ตั้งใจเล่นเกมอย่างเต็มที่ เขาไม่เคยคิดว่ามันจะสนุกได้มากขนาดนี้มาก่อน เขาปล่อยวางจากการปั้นหน้าของเขา ในขณะที่เขาสนุกกับตัวเองอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องเสแสร้ง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! นายเก่งแบบนี้ได้ยังไง! แน่ใจนะว่านี่เป็นครั้งแรกที่นายเล่นวิดีโอเกม” อเล็กซ์ถามด้วยความไม่เชื่อ
“ใช่เลย นายทำให้ฉันเกือบจะแพ้เมื่อรอบที่แล้ว และฉันเล่นเกมนี้มาหลายปีแล้วด้วย” เรย์ถามกลับขณะพยายามยิ้ม แต่กลับดูน่ากลัวแทน
หลังจากที่โมบี้ตระหนักว่าเขานั้นปล่อยให้ตัวเองสนุกจนไม่ได้ระวังตัวเองเกือบชั่วโมง เขารู้สึกแย่และละอายใจกับตัวเองอย่างมาก
‘อย่างน้อยก็ไม่มากจนเกินไปนัก’ เขาคิดพลางถอนหายใจในใจ
โมบี้ใช้เวลาสักครู่เพื่อจัดระเบียบความคิดของเขาใหม่ และในไม่ช้าเขาก็กลับสู่สภาวะปกติของเขา
“ตั้งแต่ฉันยังเล็ก ๆ ครอบครัวของฉันถือว่าฉันนั้นเป็นอัจฉริยะมาเสมอ ฉันสามารถเข้าใจเทคนิคศิลปะการต่อสู้ใหม่ ๆ ได้ หลังจากการสาธิตให้ดูเพียงไม่กี่ครั้ง ฉันเดาว่าฉันอาจมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว” โมบี้กล่าวด้วยท่าทางเขินอายบนใบหน้าของเขา
เรย์และอเล็กซ์ต่างมองไปที่โมบี้ด้วยสายตาชื่นชม
“ถ้านายมีความสามารถ ใครจะรู้ว่านายจะแข็งแกร่งได้มากแค่ไหน! นายจะต้องติดแรงค์ B เป็นอย่างน้อยแน่นอน!” อเล็กซ์พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เป็นเรื่องโชคร้ายที่คนเก่งอย่างนายถูกความโชคร้ายกดขี่มาทั้งชีวิต” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในที่สุดฉันจะได้รับความสามารถเองแหละ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องของฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอ่อนแอ แต่ฉันก็ป้องกันตัวเองได้ดีพอสมควร ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือฉันจะมาบอกให้พวกนายรู้แน่นอน” โมบี้พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
โมบี้จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นว่าเขาอ่อนแออย่างช่วยไม่ได้ จนกว่าเขาจะพบวิธีใช้งานพลังใหม่ของเขาทั้งหมด เขาจำเป็นต้องเก็บมันไว้เป็นความลับก่อน
เวลาก็ตี 3 แล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจเข้านอน เพื่อจะได้ตื่นมาอย่างสดชื่น เพียงพอสำหรับการไปโรงเรียน
เมื่อโมบี้มองย้อนกลับไปถึงเวลาที่เขามีในคืนนี้ เขาคงจะโกหกถ้าเขาบอกว่าเขาไม่สนุกกับมันเลย
โมบี้ยังไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมห้อง แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแกล้งทำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณเล็กน้อยที่พวกเขานั้นแกล้งเป็นคนดี
——————————-
พยาบาลยังคงอยู่ในห้องทำงานของเธอเพื่อเตรียมเอกสารต่าง ๆ เมื่อตอนที่ทีมช่วยชีวิตจู่ ๆ ก็เข้ามาพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว
“มันคือสัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาดกำลังเดินเพ่นพ่านไปมาในโรงเรียน! เธอต้องเห็นสิ่งนี้!” หนึ่งในนั้นอุทานด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พยาบาลมองหน้าเธออย่างงง ๆ ในชีวิตของเธอในฐานะพยาบาล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่ามีสัตว์ประหลาดเดินเพ่นพ่านไปมาในโรงเรียน
หนึ่งในสมาชิกของทีมช่วยชีวิตมอบแหวนเก็บของให้กับพยาบาล ซึ่งในนั้นมีชิ้นส่วนร่างกายของนักเรียนที่เสียชีวิต
เมื่อปลดปล่อยชิ้นส่วนทั้งหมดบนโต๊ะขนาดใหญ่ เธอไม่กลัวหรือขยะแขยงในสิ่งที่เธอเห็น คุณสามารถเห็นสมาชิกบางคนของทีมช่วยชีวิตตัวสั่นอีกครั้ง เพราะชิ้นส่วนของร่างกายที่ถูกโยนลงบนโต๊ะทีละชิ้น ทีละชิ้น
พยาบาลทำการตรวจสอบชิ้นส่วนของร่างกายอย่างละเอียดและรอบคอบ
เธอบอกได้เลยว่านี่เป็นผลงานการทรมานที่เกิดจากความตั้งใจ และเหยื่อนั้นต้องเจ็บปวดอย่างมากที่สุด
ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวใดสามารถหักและงอ ได้อย่างแม่นยำ เกือบทุกส่วนของร่างกายได้แบบนี้
นอกจากนี้บาดแผลที่แขนขาและศีรษะก็สะอาดมาก จนเป็นไปไม่ได้ที่กรงเล็บของสัตว์ประหลาดตัวใดจะทำให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นผลงานของคมมีดที่มนุษย์เป็นคนสร้างขึ้นมา
เธอก้าวออกไปจากโต๊ะที่มีชิ้นส่วนของร่างกายทั้งหมด และสบตามองไปยังทีมช่วยชีวิตตรง ๆ
“นี่เป็นไม่ใช่ฝีมือของสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน”
“ฉันคิดว่าพวกเรานั้นกำลังมีฆาตกรที่โหดเหี้ยมอยู่ในโรงเรียนของเราแล้วแหละ” พยาบาลพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง