The Great Demon System - ตอนที่ 1 : อารัมภบท
วันที่ 10 มิถุนายน ปี 2021 อเล็กซานเดอร์ เดวิส นักโบราณคดีผู้เป็นตำนานอยู่ในประเทศเม็กซิโกเพื่อศึกษาซากปรักหักพังของชาวมายัน ขณะที่เขาอยู่ในวิหารแห่งหนึ่ง เขาได้ค้นพบทางเดินลับ ซึ่งทอดยาวลงไปสู่ทางใต้ดิน หลังจากที่เขาเดินลงบันไดไปประมาณ 10 นาที ในที่สุดเขาก็มาหยุดลงที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมาก
ของเหลวสีเขียวเรืองแสง ที่ดูเหมือนจะมีพิษกำลังไหลผ่านรอยแตกร้าวต่าง ๆ บนผนังห้องและบริเวณพื้น ของเหลวนั่นส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง และผนังของห้องก็เรียงรายไปด้วยรูปปั้นท่าทางประหลาดที่มีดวงตาสีเขียวเปล่งประกายออกมา
อเล็กซานเดอร์รู้สึกเหมือนว่ารูปปั้นเหล่านั้น จ้องมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา ราวกับว่าพวกมันนั้นมีชีวิต
เขาส่ายหัวและกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่เพื่อที่จะไล่ความกลัวในหัวของเขา หลังจากคิดอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะดูดของเหลวเหล่านั้นขึ้นมาและเก็บมันไว้ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง
อเล็กซานเดอร์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง ขณะชื่นชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่เขาเพิ่งจะพบเห็น ภาพที่เห็นนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ลูกแก้วลูกหนึ่ง ลอยอยู่ บนอากาศเหนือแท่นบูชาเหมือนว่ามีเวทมนตร์ที่คอยควบคุมมันเอาไว้ ลูกแก้วนั้นมีขนาดเล็ก วัดจากสายตาของเขาแล้วมีขนาดเท่าไข่ไก่เท่านั้น มันกำลังเปล่งแสงอย่างแรงและให้ความรู้สึกที่ดูมีมนต์ขลัง เขานั้นอดไม่ได้ที่จะหยุดชื่นชมในความงามของมัน
เขาจ้องมองไปที่ลูกแก้วนั่นนานกว่า 2 นาที ขณะนั้นของเหลวสีเขียว 1 หยด ก็ร่วงลงมาจากเพดานและตกลงบนหัวของอเล็กซานเดอร์ นั่นทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก
ทว่าเขาต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเพราะของเหลวนั้นไม่มีความเป็นพิษเลย แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีแรงมากกว่าที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นเหมือนของเหลวที่เอาไว้คอยให้พลังงาน สิ่งนี้ทำให้อเล็กซานเดอร์สงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับที่มาของของเหลวเหล่านี้
เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าของเหลวทั้งหมดนั้นถูกสร้างขึ้นจากลูกแก้วประหลาดที่กำลังลอยอยู่บนแท่นบูชาตรงหน้าเขา อเล็กซานเดอร์จึงเริ่มค่อย ๆ เดินไปที่แท่นบูชาด้วยความระมัดระวัง สุดท้ายเขาหยุดลงและยืนอยู่ตรงหน้ามัน
เขากังวลมากว่าเขานั้นควรจะจับลูกแก้วนั่นหรือไม่ เพราะซากปรักหักพังหลายแห่งมักจะมีกับดักที่อันตรายหลายอย่างเพื่อปกป้องสมบัติของพวกมันเอาไว้
หลังจากครุ่นคิดถึง 5 นาที ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะหยิบมันขึ้นมา อเล็กซานเดอร์เริ่มเหงื่อออกอย่างหนัก ขณะที่ตัวของเขาสั่นเทา มือของเขาเอื้อมเข้าไปใกล้ลูกแก้วนั่นอย่างช้า ๆ และหยุดอยู่ห่างจากมันเพียงแค่เซนติเมตรเดียว เขาหายใจเข้าลึก ๆ ทว่าจู่ ๆ เขาก็กรีดร้องเสียงดังลั่นออกมา
“บัดซบเอ้ย!”
ขณะที่เขาคว้ามันออกมาจากแท่นบูชาอย่างรวดเร็วนั่น ทันทีที่ลูกแก้วออกจากแท่นบูชามันก็หายไป และกลายเป็นฝุ่นละอองสีทองอร่าม จากนั้นไม่นานทั้งห้องก็เริ่มสั่นอย่างบ้าคลั่ง มันให้ความรู้สึกเหมือน ห้องกำลังจะถล่มลงมาหาเขา
อเล็กซานเดอร์มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความตื่นตระหนก พยายามอย่างที่สุดที่จะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาสังเกตเห็นว่าของเหลวสีเขียวทั้งหมดบนพื้นและผนังเริ่มเคลื่อนที่ไปยังแท่นบูชา ก้อนหินขนาดใหญ่เริ่มตกลงมาจากเพดาน ทั้งห้องนั้นเริ่มพังทลายลงมา อเล็กซานเดอร์เริ่มหลบหลีกหินที่ร่วงลงมาอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
ในขณะที่เขากำลังจะหมดลมหายใจและกำลังจะยอมแพ้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าในที่สุดของเหลวสีเขียวทั้งหมดก็ไหลไปรวมตัวกันที่แท่นบูชาแล้ว
ของเหลวพวกนั้นค่อย ๆ ระเหยไปในอากาศ ทันใดนั้นลำแสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากแท่นบูชา ลำแสงนั่นพุ่งทะลุหลังคาวิหาร และทะลุออกไปบนท้องฟ้า
หลังจากนั้นไม่นานลำแสงสีเขียวที่คล้ายกันนี้ ก็ถูกพบเห็นไปทั่วทั้งโลก มีลำแสงทั้งหมด 26 เส้นที่ถูกยิงออกไป
อเล็กซานเดอร์ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความเหนื่อยหอบ หลังจากที่เขานั้นแทบจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการทดสอบของวิหารนั่นออกมาได้ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและสังเกตเห็นฝนสีเขียวที่ตกลงมาทางเขา
และนี่คือจุดเปลี่ยนของมวลมนุษยชาติ
หลังจากฝนสีเขียวตกลงมาทุกคนบนโลกสังเกตเห็นว่าพวกเขานั้นเริ่มมีพัฒนาการบางอย่าง บ้างมีพลังพิเศษ บ้างก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว และบ้างก็เป็นพลังทั่ว ๆ ไป พลังต่าง ๆ ที่เคยเห็นแต่ในนิยายเท่านั้น กลับปรากฏขึ้นมาในโลกของความเป็นจริง
ลำแสงสีเขียวถูกพบว่าเป็นแหล่งพลังงานที่น่าเหลือเชื่อในไม่ช้า และแหล่งพลังงานแต่ละอันนั้นสามารถจ่ายพลังงานให้กับโลกในปัจจุบันได้อย่างง่ายดายเป็นระยะเวลาหลายพันปี
การค้นพบสิ่งใหม่นี้ ได้เริ่มต้นยุคทองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ
เพื่อให้ใช้พลังงานใหม่จากลำแสงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มนุษย์ตัดสินใจที่จะสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ 26 ประเทศ ล้อมรอบแหล่งพลังงานนี้ แต่ละประเทศจะถูกตั้งชื่อตามตัวอักษร A ถึง Z และแต่ละประเทศจะมีก็ฟองป้องกันสีเขียว คลุมทั่วประเทศเพื่อแยกพรมแดนซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากเนื่องจาก ความสามารถใหม่ ๆ ของผู้คนและแหล่งพลังงานที่เพิ่งจะพบนี้ สิ่งประดิษฐ์เช่นเทเลพอร์ตเตอร์และโฮโลแกรมกลายเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วทั้งโลก
ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้แปลกประหลาดเช่นนี้ มนุษย์นั้นสามารถไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ อย่างไรก็ตามมีดาวเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่สามารถตั้ง อาณานิคมและที่อยู่อาศัยขึ้นมาได้
มนุษย์แต่ละคนนั้นสามารถใช้ความสามารถได้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อคุณได้รับความสามารถมาแล้วมันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าบางคนนั้นไม่ได้รับความสามารถมาจากหยาดฝนสีเขียวโดยตรง ดังนั้นมนุษยชาติจึงพัฒนาผลึกความสามารถพิเศษที่เรียกว่าลูกแก้วความสามารถ ที่จะบรรจุความสามารถที่มีอยู่ได้ลงไป
ลูกแก้วความสามารถเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถ สามารถที่จะเรียนรู้ความสามารถที่ฝังอยู่ในลูกแก้วได้โดยการดูดซับพลังมาจากมัน สิ่งประดิษฐ์นี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากทารกแรกเกิดในยุคต่อมานั้นไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความสามารถติดตัว
ความสามารถเหล่านี้ทำให้ครอบครัวสามารถส่งต่อความสามารถของตนไปยังลูก ๆ ของพวกเขาได้ และอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถ สามารถซื้อความสามารถใหม่ ๆ ที่มีขายในท้องตลาดได้
มนุษยชาติดำรงอยู่อย่างสันติโดยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ระดับโลก มาเป็นระยะเวลา 100 ปี
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเหล่าเชคเกอร์เริ่มโจมตี
วันที่ 7 มกราคม ปี 2121 กองทัพยานอวกาศจากต่างดาวจำนวนมาก ถูกพบเห็นเหนือฟองสบู่ป้องกันนอกประเทศ Z พวกมันรู้จักกันในชื่อว่าเชคเกอร์
เชคเกอร์เป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ขั้นสูง ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวไปทั่วทั้งกาแล็กซี่ พวกมันดูคล้ายกับมนุษย์มาก พวกมันมีขนาดและรูปร่างที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ ลักษณะเด่นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกเขาแตกต่างคือผิวขาวจนซีด เขาข้างเดียวที่งอกขึ้นที่ด้านขวาของศีรษะ และเส้นสีแดงเรืองแสงที่อยู่บนใบหน้า
เชคเกอร์มายังโลกหลังจากตรวจพบค่าพลังงานขนาดใหญ่ผิดปกติที่มาจากที่นี่ นั่นเป็นเพราะการค้นพบความสามารถต่างของโลกนี้ เชคเกอร์จึงทำสงครามกับมนุษย์เพราะพวกมันรู้สึกถึงภัยคุกคาม เนื่องจากค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นมาอย่างฉับพลัน
สงครามกินระยะเวลากว่า 4 ปี เห็นได้ชัดว่าไม่มีฝ่ายใดชนะ เหล่าเชคเกอร์นั้นเหนือกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน แต่ถึงแม้จะมีข้อได้เปรียบเหล่านั้น พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะสงครามได้ นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถพิเศษ
ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครสามารถปราบปรามอีกฝ่ายได้ ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันว่าสงครามครั้งนี้จะไม่เดินหน้าต่อและไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างมนุษย์และเชคเกอร์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2125 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของสงครามครั้งนี้
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อมวลมนุษยชาติ มนุษยชาติสูญเสียทหารไปเกือบพันล้านคนในระหว่างสงครามกับเหล่าเชคเกอร์ มนุษย์เข้าใจว่าสนธิสัญญาสันติภาพนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวเท่านั้นและในท้ายที่สุดสงครามก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง มนุษยชาติเลยให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งทางทหารมากขึ้นกว่าเดิม
เหตุการณ์นี้ทำให้มนุษย์ทุกคนร่วมกันสร้างกองทัพทหารขึ้นมาใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสงครามครั้งที่สองที่จะเกิดขึ้นกับเหล่าเชคเกอร์
ยุคสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว สถานะทางสังคมของคน ๆ หนึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวบุคคล ผู้ที่มีความสามารถอ่อนแอจะถูกเลือกปฏิบัติและถูกบังคับให้ทำงานที่ย่ำแย่อย่างมาก พวกเขานั้นถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่สำคัญในสายตาของกองทัพและรัฐบาล
สังคมใหม่นี้ผู้ที่แข็งแกร่งปกครองผู้ที่อ่อนแอได้ถือกำเนิดขึ้นมา เยาวชนต่างได้รับการสอนเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ในโรงเรียนตั้งแต่อายุ 8 ขวบ นี่ก็เพื่อฝึกฝนคนรุ่นต่อไปให้เตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่กำลังจะมาถึงในอนาคต นอกจากนี้เมื่อพวกเขาอายุครบ 16 ปี นักเรียนทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี
โรงเรียนเตรียมทหารเป็นสถานที่ที่จะตัดสินอนาคตของพวกเขา เป็นสถานที่ ที่ไม่มีความปรานี ที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นคนสำคัญ และใครจะเป็นแค่ขยะ ที่ซึ่งความฝันสามารถเป็นความจริง หรือความฝันอาจจะถูกบดขยี้ลงไปได้
โมบี้ เคน เด็กหนุ่มที่ไร้ความสามารถกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปโรงเรียนเตรียมทหาร
เขาจะอยู่รอดหรือไม่ หรือเขาจะต้องถูกสังคมในปัจจุบันนี้กลืนกินไป ?