The Great Demon System - ตอนที่ 44 : คนคลั่ง
โมบี้อ่านการแจ้งเตือนของระบบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนหรือคิดไปเอง
‘คุณได้สร้างปีศาจ Necromancer’ เขาอ่านข้อความนั้นในหัวอีกครั้ง
‘ควรจะเป็น”ปีศาจ Necromancer ระดับต่ำ” ไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวนะ…’ โมบี้แสดงอาการตกใจออกมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเอวิเลียเริ่มหัวเราะอยู่ในหัวของเขา
‘ฉันไม่เคยเห็นปีศาจที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นปีศาจที่มีวิวัฒนาการไปมากตัวเขาเองเลย! นี่มันโคตรตลกเลย!’ เอวิเลียพูดพร้อมกับหัวเราะจนแทบหยุดไม่ได้
‘อีกไม่นานหรอกน่า! ตอนนี้ฉันมีคนช่วยหา XP เพิ่มขึ้นมาแล้ว! ฉันมั่นใจว่าจะต้องอยู่เหนือเหล่าคนรับใช้ของฉัน และไม่นานฉันจะวิวัฒนาการอีกครั้ง! นี่มันพึ่งจะสัปดาห์เดียวเท่านั้นที่ฉันได้รับระบบนี่มาและฉันก็แข็งแกร่งขึ้นมาตั้งขนาดนี้แล้ว! และฉันยังมีความสามารถดี ๆ เพิ่มเข้ามาอีก ระดับพลังของฉันก็จะต้องพุ่งขึ้นอย่างแน่นอน!’ โมบี้กล่าวตอบ พลางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมองโลกในแง่ดีเข้าไว้
‘ก็จริงของนาย ขอโทษสำหรับคำพูดที่มันฟังไม่เข้าหูก่อนหน้านี้ของฉันนะ พูดตามตรงฉันไม่เคยคาดคิดว่ามนุษย์ที่อ่อนแอเช่นตัวของนายก่อนหน้านี้ จะสามารถกลายเป็นปีศาจที่ดีเช่นนี้ได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ฉันภูมิใจในตัวนายจริงๆ! นายเติบโตขึ้นมากในเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ ฉันรอคอยที่จะได้เห็นความพยายามและความสำเร็จในอนาคตของนายอยู่นะ’ เอวิเลียตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเธอนั้นกำลังยิ้มอยู่
‘ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ฉันจะได้รับโอกาสที่แสนวิเศษสำหรับทุกสิ่งที่เธอมอบให้ฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงจะฆ่าตัวตายไปนานแล้ว และแม้ว่าฉันจะไม่ทำ ฉันก็คงจะถูกบังคับให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในฝันร้ายและไม่สามารถทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ที่ทำให้ฉันมีพลังที่จะสร้างเส้นทางเดินของชีวิตตัวเอง ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากจริงๆ’ โมบี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
‘หยุดน่า! นายกำลังทำให้ฉันหน้าแดงนะ!’ เอวิเลีย กล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ
ทันใดนั้นโมบี้ก็สังเกตเห็นว่าแอ๊บบี้ที่หมดสติก่อนหน้านี้ กำลังเริ่มขยับตัวเล็กน้อยแล้ว
โมบี้รีบเปลี่ยนเป็นทำหน้าจริงจังและยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างวางท่าราวกับเป็นปรมาจารย์
ขณะที่เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอก็เห็นโมบี้ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเธอ
“ยินดีด้วย! ตอนนี้เธอกลายเป็นปีศาจแล้ว! พูดให้ถูกก็คือเธอเป็นปีศาจ Necromancer แล้ว ฉันจะขอแนะนำตัวให้เธอได้รู้จักอีกครั้ง แต่คราวนี้…”
ทันใดนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาที่ใบหน้าของแอ๊บบี้ราวกับเขื่อนแตก เธอเริ่มร้องไห้เสียงดังมากเหมือนเด็กน้อย
ตอนแรกโมบี้คิดว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเขาตรวจสอบอารมณ์ของเธอโดยใช้การเชื่อมโยงจิตใจ เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอมีอารมณ์ที่…
‘มีความสุขมาก ?’ โมบี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ขอบใจมาก ๆ เลยนะ” เธอพูดช้า ๆ ขณะที่ยังคงร้องไห้อย่างหนัก
“นายไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดนี้มันมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน… นี่มันคือปาฏิหาริย์! ฉันบอกนายแล้วว่าฉันติดอยู่ที่ระดับพลังนี้มาสองสามเดือนแล้ว และในที่สุดมันก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก! ตอนนี้ระดับพลังของฉันอยู่ที่ 9120 จากเดิมแค่ 7540 พูดตามตรงฉันมีข้อสงสัยมากมายก่อนหน้านี้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะยอมรับในทุกผลที่ตามมา ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้ตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากนาย”
“ฉันเกือบจะยอมแพ้กับตัวเองและชะตาชีวิตของฉัน… แต่นายคือคนที่ดึงฉันกลับมาจากความตายอย่างแท้จริง นายได้ให้ความหวังใหม่แก่ฉัน ให้เหตุผลใหม่ที่จะมีชีวิตอยู่! นายคือคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้!”
“ฉันเคยสัญญากับนายไว้ว่า ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อนายถ้านายทำให้ฉันผ่านปัญหาคอขวดนั่นได้และฉันก็ไม่ได้พูดไปงั้น ๆ หรือโกหกด้วย”
“ดังนั้นได้โปรดอนุญาตให้ฉันเป็นคนรับใช้ของนาย! นายคือคนที่ช่วยฉันชีวิตของฉันไว้ ชีวิตฉันต่อจากนี้จะเป็นของนาย ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่มีวันที่จะผ่านปัญหานั่นมาได้! มันจะเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ทำงานรับใช้คนที่ช่วยชีวิตของฉัน! สิ่งเดียวที่ฉันจะขอจากนายก็คือ นายได้โปรดช่วยฉันแก้แค้นครอบครัวของฉันด้วย ฉันหวังว่านายจะเข้าใจฉันนะ…” แอ๊บบี้พูดขณะที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่น้ำเสียงและคำพูดของเธอนั้นก็ยังฟังดูจริงจังมากในเวลาเดียวกัน
โมบี้เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ เพื่อฟังคำพูดของแอ๊บบี้ ขณะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อนสีหน้าตกใจของเขาเอาไว้
เขาคิดว่าเขาจะเป็นคนที่บอกเธอเอง ว่าเธอนั้นจะต้องเป็นคนรับใช้ของเขาไปตลอดชีวิต แต่เธอกลับเสนอตัวที่จะเป็นด้วยตัวของเธอเอง
เจย์เดนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานั้น ดูเหมือนจะตกใจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
โมบี้เคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตของแอ๊บบี้และความกระหายที่จะแก้แค้นผ่านการเชื่อมโยงความคิดของพวกเขา ระหว่างที่นั่งแท็กซี่มายังที่นี่ แต่เธอไม่คิดเลยว่าแอ๊บบี้จะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้
โมบี้ใช้เวลาสองสามวินาทีในการสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะตอบกลับสิ่งที่แอ๊บบี้เพิ่งพูดจบ โดยเขาพูดซ้ำกับคำพูดก่อนหน้าของเขาที่ถูกขัดจังหวะ
* อะแฮ่ม *
“ยินดีด้วย! ตอนนี้เธอเป็นปีศาจแล้ว! พูดให้ถูกก็คือเธอเป็นปีศาจ Necromancer แล้ว ฉันจะขอแนะนำตัวให้เธอได้รู้จักอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันจะบอกความจริงทั้งหมดแก่เธอ ฉันคือโมบี้ เคนเจ้าแห่งปีศาจคนต่อไป”
“ฉันเป็นปีศาจ !! และนายคือเจ้าแห่งปีศาจคนต่อไป!!” เธออุทานด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ฉันเปลี่ยนเธอให้เป็นปีศาจรับใช้ของฉัน ฉันมีความสามารถในการควบคุมเธอ รอดูนะ”
“กระโดด!” โมบี้สั่ง
ทันทีที่เธอได้ยินคำสั่งของโมบี้ เธอก็รู้สึกเหมือนว่าขาของเธอกำลังเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เธอลุกขึ้นยืนและกระโดดขึ้นมา เมื่อได้รับคำสั่ง
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดต่อเธอ ตราบเท่าที่เธอยังคงภักดีและซื่อสัตย์ ฉันมีความสามารถที่จะกำจัดพลังทั้งหมดของเธอ และทำให้เธอพิการก็ได้ หรือง่ายกว่านั้นฉันก็แค่สั่งให้เธอฆ่าตัวตายซะ”
“ฉันสัญญาว่าจะช่วยเธอแก้แค้นพี่สาวและครอบครัวของเธอ ตราบเท่าที่เธอยังคงภักดีต่อฉัน”
“แอ๊บบี้ รีด ฉันขอต้อนรับเธออย่างเป็นทางการเข้าสู่ตระกูลปีศาจที่ยิ่งใหญ่ของฉัน ตระกูลของปีศาจที่เปี่ยมสุข” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ เจ้าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่! ฉันขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านตลอดไป ฉันจะไม่คิดทรยศต่อท่านแม้เวลาจะผ่านไปนับล้านปี! ท่านคือคนที่ช่วยชีวิตของฉันไว้ ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่ยอมรับคำขอของฉันที่จะช่วยฉันในการแก้แค้น ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรว่ามันมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน… ขอบคุณที่คิดถึงความรู้สึกของฉันที่ท่านบอกว่าท่านจะไม่ใช้อำนาจของท่านในทางที่ผิดกับฉัน แต่ก็อย่างที่ฉันพูดไว้ ชีวิตของฉันตอนนี้เป็นของท่าน ดังนั้นได้โปรดอย่าลังเลที่จะออกคำสั่งกับฉันได้ทุกเมื่อที่ท่านเห็นว่าเหมาะสม!” แอ๊บบี้กล่าวด้วยความมุ่งมั่นและเคารพ
“ไม่เป็นไรน่า…ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ตราบใดที่เธอประพฤติและไม่แสดงอาการที่จะทรยศ ฉันก็จะไม่บังคับให้เธอทำอะไร ยกเว้นอย่างเดียวคือหากมีเหตุฉุกเฉิน” โมบี้กล่าวพลางเกาศีรษะของเขา
“ขอให้ฉันได้หักแขนทั้งสองข้างของตัวเองตอนนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับท่าน! มันเป็นอย่างเดียวในตอนนี้ที่ฉันสามารถทำได้เพื่อพิสูจน์ความภักดีที่ไม่มีวันตายของฉันได้ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่มีวันทรยศท่าน! ฉันจะเป็นดาบและโล่ของท่านเพื่อเอาชนะใครก็ตามที่ท่านมองว่าเป็นศัตรูค่ะนายท่าน!”
แอ๊บบี้พลันยกแขนข้างหนึ่งขึ้นแล้วใช้ฟันเข้าที่แขนอีกข้างของเธอด้วยเจตนาที่ชัดเจนว่าจะหักมัน
อย่างไรก็ตามมือของเธอหยุดกะทันหันก่อนที่เธอมันจะสัมผัสกัน
โมบี้จับแขนเธอไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
“ไม่เป็นไร! เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น!” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ ฉันขอโทษค่ะนายท่าน ฉันไม่รู้! ฉันขอบคุณมากสำหรับความเมตตากรุณาของนายท่าน!” เธอกล่าวพร้อมคุกเข่าพลางก้มหน้าลงกับพื้น
‘บ้าชิบ! ฉันคิดว่าการมีคนคลั่งแบบนี้เป็นคนรับใช้มันจะดูดี แต่มันกลับน่ารำคาญกว่าที่ฉันคิด! ฉันคงต้องสอนเธอถึงวิธีทำตัวให้ผ่อนคลายกว่านี้!’ โมบี้คิด
“ยืนขึ้นมาเถอะ…” โมบี้กล่าวและยังคงยิ้ม
“ค่ะ นายท่าน! เธอตอบรับอย่างรวดเร็ว พลางลุกขึ้นยืนและมองตรงมายังโมบี้
“ทุกสิ่งที่เธอบอกฉันในวันนี้เป็นความจริงหรือเปล่า และเธอมีแรงจูงใจแอบแฝงในการอยากเป็นคนรับใช้ของฉันหรือเปล่า” โมบี้ออกคำสั่งแกมถาม
ณ จุดนี้โมบี้มั่นใจ 99% ว่าที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริง แต่เขาก็ยังคงต้องถามเอาไว้ก่อน
ปลอดภัยดีกว่าเสียใจทีหลัง
“ทุกอย่างที่ฉันบอกท่านในวันนี้เป็นความจริงทุกประการ ฉันไม่ได้โกหกท่านแม้แต่เรื่องเดียว ท่านมั่นใจได้เลยค่ะ! ฉันไม่มีแรงจูงใจแอบแฝงในการอยากเป็นคนรับใช้ของท่าน ฉันแค่ต้องการรับใช้คนที่ช่วยชีวิตฉันและเจ้าปีศาจในอนาคต! สำหรับการพิสูจน์การถูกทรมานครั้งก่อน ๆ ของฉัน ฉันสามารถแสดงให้คุณเห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องของฉันและด้านหลังเพื่อพิสูจน์คำพูดของฉัน ร่างของฉันมีรอยแผลไหม้สีแดงเข้มทั่วร่างกาย ใบหน้าของฉันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ได้โดนทำร้าย แต่เหตุผลที่ถูกเว้นไว้นั้นฉันก็ไม่ทราบเช่นกันค่ะ” แอ๊บบี้กล่าวด้วยความมั่นใจ
เธอยกเสื้อขึ้นเพื่อเผยให้เห็นท้องของเธอที่มีรอยแผลเป็นแก่โมบี้
“ดูได้เลยค่ะ ?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจชี้มาที่ท้องของเธอ
“เธอกำลังจะชี้ให้ดูอะไรน่ะ” โมบี้ถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ออกมา
สิ่งที่โมบี้และเจย์เดนเห็นก็คือ กล้ามหน้าท้องของแอ๊บบี้ซึ่งทำให้ทั้งคู่หัวเราะ
“เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกแล้ว! ปีศาจมีการฟื้นตัวตามธรรมชาติที่ดีกว่ามนุษย์! รอยแผลเป็นต่าง ๆ ที่เคยมีและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่มีอีกต่อไป! รอยแผลแบบนั้นสามารถหายได้อย่างง่ายดายในเวลาเพียงไม่นาน! เมื่อเธอกลายร่าง ทั้งร่างของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นร่างของปีศาจที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก และมีความสามารถพิเศษอื่น ๆ อีกมากมายเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอแก้ปัญหาคอขวดได้” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาที่ใบหน้าของแอ๊บบี้อีกครั้ง
“ความจงรักภักดีต่อเจ้าแห่งปีศาจของฉัน มันยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก” เธอกล่าวพลางคุกเข่าลงอีกครั้ง
‘เป็นไปได้ยังไงเนี่ย ?’ โมบี้คิดอย่างสับสน
“รอยแผลเป็นเหล่านั้นยังคงไหม้และทำให้ฉันเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันมักจะมีปัญหาในเวลาตอนจะนอนเพราะความเจ็บปวดของบาดแผลอยู่เสมอ และมักจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อใดก็ตามที่มีอะไรมากระทบกับพวกมัน แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณนายท่านที่แก้ปัญหานี้ให้ ในที่สุดฉันก็จะสามารถนอนหลับฝันดีครั้งแรกในรอบหลายปี มันเป็นความรู้สึกและประสบการณ์ที่ฉันลืมไปนานแล้ว ฉันแทบไม่เคยจะคิดเลยว่าจะมีโอกาสอีกครั้งที่ได้รู้สึกแบบนี้ ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสม มาอธิบายความรู้สึกว่า ทุกสิ่งที่ท่านทำนั้นมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน” เธอกล่าวและยังคงร้องไห้พลางคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น
“เอาเถอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก…” โมบี้พูดพลางเกาหลังศีรษะด้วยความลำบากใจ
โมบี้ไม่เคยได้รับการยกย่องในระดับนี้มาก่อนเลยสักครั้งตั้งแต่จำความได้ มันเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเขา เขาไม่รู้วิธีจะจัดการกับมันให้ถูกต้องได้อย่างไร ซึ่งมันทำให้เขารำคาญใจอย่างมาก
‘ฉันต้องทำให้เธอผ่อนคลายสักหน่อย และหยุดแสดงท่าทีจริงจังตลอดเวลา ถ้าเธอทำตัวแบบนี้ตลอดเวลาที่ใกล้เธอ ฉันคงจะเสียสติแน่!’ โมบี้คิด
“ปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าทึ่งจริง ๆ ฉันมีความสุขมากที่ท่านเปลี่ยนฉันให้เป็นปีศาจค่ะ นายท่าน! ท่านบอกว่าฉันเป็น Necromancer มันคืออะไรกันแน่หรอคะ ?” แอ๊บบี้ถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อืม… Necromancer คือ…”
‘เร็วเข้า! เอวิเลีย! ได้โปรดบอกฉันว่า Necromancer คืออะไรและทักษะของมันเป็นแบบไหน’ โมบี้ถามเอวิเลียด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย
‘ได้สิ!’
‘ปีศาจ Necromancer เป็นร่างที่วิวัฒนาการขึ้นมาจากปีศาจ Necromancer ระดับต่ำ พวกมันเป็นปีศาจที่หายากพอ ๆ กับพวก Doppelganger นั่นแหละ’
‘พวกนี้จะเชี่ยวชาญในเรื่องเวทมนตร์ซึ่งเป็นเวทมนตร์แห่งความตายที่ใช้ในการเรียกอสูรอันเดธ ปีศาจ Necromancer สามารถเรียกวิญญาณอันเดธ เช่น ผีหรือวิญญาณ ขณะเดียวกันก็สามารถเรียกอันเดธทั่ว ๆ ไปเช่น โครงกระดูก ซอมบี้ แวมไพร์ ลิชและอื่น ๆ อีกมากมาย! พวกอสูรอันเดธไม่จำเป็นต้องมีร่างเป็นมนุษย์อย่างเดียวแต่สามารถเป็นสัตว์หรือสัตว์วิเศษก็ได้’
‘อสูรอันเดธระดับต่ำเช่นพวกโครงกระดูกและซอมบี้มีสติปัญญาต่ำมาก ขณะที่พวกแวมไพร์ ลิชและ เจตภูตินั้นมีสติปัญญาและมีพลังมากกว่า ในการอัญเชิญอันเดธ นายจะต้องมีซากศพก่อนหรือไม่ก็ต้องทำตามเงื่อนไขบางประการเมื่อพยายามเรียกอสูรอันเดธระดับสูง
‘ปีศาจ Necromancer ระดับต่ำสามารถควบคุมอสูรอันเดธได้สูงสุด 10 ตนขณะที่ปีศาจ Necromancer สามารถควบคุมอสูรอันเดธได้มากถึง 20 ตน’
‘พวกอสูรอันเดธต้องใช้พลังปีศาจในการอัญเชิญ ยิ่งพยายามอัญเชิญอสูรอันเดธในระดับที่สูงมากเท่าไหร่ ก็จะต้องใช้พลังปีศาจมากขึ้นในการอัญเชิญ แต่เมื่ออัญเชิญอสูรอันเดธแล้ว พวกมันจะไม่ต้องการพลังปีศาจในการคงอยู่ มันสามารถอยู่ได้ตลอดไปหรือจนกว่าเจ้านายของพวกมันจะปลดปล่อยพวกมันไป’
‘ปีศาจ Necromancer มักจะอ่อนแอเนื่องจากพวกเขาใช้พวกลูกสมุนของพวกเขาในการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ ขณะที่พวกเขาพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง โดยปกติแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับพวก Necromancer ผู้คนมักจะพยายามไม่สนใจพวกลูกสมูนแล้วมุ่งไปจัดการที่คนที่เรียกพวกมันขึ้นมาแทน เมื่อ Necromancer ตายแล้วพวกอสูรอันเดธทั้งหมดก็จะสลายตัวไป’
‘อย่างไรก็ตามยัยหนูแอ๊บบี้คนนี้ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น! ความสามารถไฟของเธอนั้นทำให้เธอกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวแม้ว่าจะไม่มีเหล่าลูกสมุนใด ๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นการปกปิดจุดอ่อนที่สำคัญไว้ได้ดีทีเดียว’
‘เธออาจจะเป็น Necromancer เพียงคนเดียวที่ฉันเคยเห็น ซึ่งอาจจะต่อสู้เคียงข้างอสูรอันเดธของเธอแทนที่จะเฝ้าดูจากวงนอก’
‘Necromancer ยังรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับความตายอีกเยอะ รายละเอียดและเคล็ดลับอื่น ๆ นั้นฉันจะทิ้งไว้ให้พวกนายค้นพบด้วยตัวเองแล้วกัน!’ เอวิเลียอธิบาย
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเอวิเลียแล้วโมบี้ก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นไม่ได้
เขาตั้งใจฟังทุกสิ่งที่เอวิเลียเล่าและถ่ายทอดให้แอ๊บบี้ฟังในคำพูดของเขาเอง
“นี่มันสุดยอดไป! ขอบคุณมากที่ทำให้ฉันมีพลังที่น่าทึ่งแบบนี้! ฉันสัญญาว่าฉันจะใช้พลังใหม่ของฉันเพื่อช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมาย!” แอ๊บบี้พูดพร้อมกับคุกเข่าจ้องมองโมบี้ด้วยรอยยิ้ม