The Great Demon System - ตอนที่ 39 : การกลับมาของสาวผมแดง
“นายไปไหนมา! ทำไมนายกลับมาช้าแบบนี้! ฉันโคตรเป็นห่วงนายเลย!” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงกังวลพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้
“นายไปหาเจย์เดนมาใช่ไหม ?!”
‘เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ’ โมบี้คิดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ฉันบอกนายแล้ว! ฉันไม่เป็นไร! นายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องฉันถึงขนาดนั้น นายไม่ใช่พ่อของฉันและฉันก็ไม่ใช่เด็กพิการที่ต้องคอยมานั่งดูแลตลอดเวลา!” โมบี้กล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันขอโทษ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเธออาจทำอะไรที่ไม่ดีกับนาย นายไม่ได้มากินข้าวกลางวันกับพวกเราเลย ฉันแค่พยายามจะช่วยนาย ฉันสัญญาว่าฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะช่วยนาย ฉันรู้ว่าเธอต้องบังคับและขู่ให้นายอยู่เงียบ ๆ แน่!” อเล็กซ์กล่าวด้วยความแน่วแน่
“ขอร้องล่ะ วางเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ ฉันบอกนายแล้วว่าฉันสบายดี ขอโทษนะถ้าฉันเผลอใส่อารมณ์กับนายมากไปหน่อย วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย” โมบี้พูดขณะที่เขามุ่งตรงไปยังเตียงนอนของเขา
“ราตรีสวัสดิ์นะ” โมบี้พูดขณะที่เขาล้มตัวลงบนเตียงและหลับตาลง
‘โมบี้! นายไม่ต้องกังวล! ฉันสัญญา! ฉันจะช่วยนายเอง!! ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องจบเหมือนครั้งที่แล้ว! ฉันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว! ฉันสัญญากับตัวเองว่าครั้งนี้มันจะต่างไปจากครั้งก่อน!’ อเล็กซ์พูดกับตัวเอง
*****************
6 โมงเช้า วันถัดไป
โมบี้ตื่นก่อนเพื่อนร่วมหอพักทั้งสองและทำกิจวัตรตอนเช้าตามปกติ เขาเพิ่มค่าสถานะ 3 แต้มไปกับค่าความคล่องตัวโดยเพิ่มจาก 103 เป็น 106
เวลาพึ่งจะ 7 โมงตรงเมื่อเขาอาบน้ำเสร็จหลังจากทำภารกิจประจำวันจบแล้ว
โมบี้ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเพิ่มระดับของทักษะของเขาอยู่เสมอ เขาสลับฝึกฝนระหว่างการใช้ ”Demon Flash” และ ”Eyes of Sin” ทุกวันในขณะที่เขามองว่ามันเป็นทักษะที่มีประโยชน์ที่สุดในตัวของเขา
แม้ว่าเขาจะฝึกฝนทักษะเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกวัน แต่ทักษะเหล่านี้ก็ยังไม่ได้เพิ่มเลเวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว
โมบี้เคยชินกับการฝึกฝนที่ยาวนานและรุนแรงซึ่งให้ผลเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย ดังนั้นทักษะที่ใช้เวลานานในการเลื่อนระดับจึงไม่ได้รบกวนใจเขาแม้แต่น้อย
เขาต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้ทักษะ ”Demon Flash” และ ”Demon Slash” แต่ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์เขากลับสามารถเรียนรู้ทักษะและความสามารถใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย
โมบี้ฝึกฝนทักษะของเขาจนถึงเวลา 7:30 น. แล้วเขาก็ออกจากหอพักมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน
เขาไม่สนใจสายตาที่อิจฉาหรืออาฆาตมาดร้ายที่พุ่งตรงมาจากนักเรียนชายทุกคนที่อยู่ด้านหน้าเขา และเขาก็ไม่ใส่ใจสายตาของนักเรียนหญิงทุกคนที่มองมาที่เขา ไม่ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะจ้องมองมาที่เขาด้วยความชื่นชมต่อรูปร่างหน้าตาของเขาหรืออีกหลายคนที่มองเขามาที่ด้วยความรังเกียจ
ในเวลา 7:50 โมบี้ก็มาถึงห้องเรียนในที่สุด
ทันทีที่เขาเข้ามาสายตาของเขาก็ประสานเข้ากับบุคคลบางคนที่ไม่ได้เข้าเรียนมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แอ๊บบี้ รีดกลับมาแล้ว
โมบี้รู้ดีว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วเขาจึงไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด โมบี้เดาว่าจริง ๆ แล้วเธออาจจะพบความลับของเขาจากการต่อสู้สั้น ๆ ของพวกเขา ในขณะที่เขาก็คิดว่าเธอน่าจะคลั่งที่พ่ายแพ้ต่อคนแรงค์ F ที่อ่อนแอเช่นเขาและเธอก็วางแผนที่จะโวยวายต่อว่าเขาอย่างแรง
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าโมบี้จะประมาทได้ เขายังคงต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลาในกรณีที่เธอพยายามทำอะไรกับเขา
ถ้าเป็นเช่นนั้นโมบี้จะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยของเขาและความลับของเขา
ทันทีที่แอ๊บบี้เห็นโมบี้เข้ามาในห้อง เธอก็รีบไปหาเขาทันที
“โมบี้ เคนเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เสียงนั้นก็ดังพอที่จะทำให้นักเรียนทั้งห้องได้ยิน
ทันทีที่นักเรียนในห้องเรียนได้ยินสิ่งที่แอ๊บบี้พูด ข่าวลือก็เริ่มแพร่กระจายออกไปราวกับไฟป่า
“เจ้าหญิงแห่งไฟต้องการอะไรจากไอ้โมบี้ ดิ๊ก”
“เธอพยายามขโมยสัตว์เลี้ยงของเจย์เดน กริฟฟิธหรอเนี่ย ว้าวมันช่างน่าตื่นเต้น!”
“ทำไมไอ้โมบี้ ดิ๊กถึงได้รับความสนใจจากผู้หญิงที่ร้อนแรง เขาไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้นสักหน่อย!”
โมบี้คาดเดาไว้แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่
“ได้แน่นอน!” โมบี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มของเขาเอง
“ตามฉันมา เรายังมีเวลาอีก 10 นาทีก่อนเริ่มเรียน และเรามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โมบี้พยักหน้าให้เธออย่างเข้าใจ
โมบี้เดินตามเธอออกจากห้องเรียนและมุ่งหน้าไปยังโถงทางเดินที่ว่างเปล่า
“แล้วเธออยากจะคุยเรื่องอะไร ถ้าเธอสงสัยว่าฉันเอาชนะเธอได้อย่างไร ฉันขอพูดตรง ๆ ว่ามันเป็นเพราะฉันโชคดี” โมบี้พูดพร้อมกับความกังวลและความอับอายที่ฉายชัดในดวงตาของเขา
“หยุดพล่ามอะไรแบบนั้น! ฉันรู้ความลับของนายแล้ว! นายไม่ได้โชคดีแน่ ๆ ! นายคิดว่าฉันจะไม่สังเกตเห็นงั้นเหรอ!” แอ๊บบี้พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก
‘เวรแล้ว! เธอรู้เรื่องของฉัน จากการประมือเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นจริง ๆ เหรอ?! ฉันต้องหาทางจัดการเธอออกไปโดยเร็วก่อนที่มันจะสายเกินไป!’ โมบี้สาปแช่งโชคร้ายของเขาอยู่ภายในใจ ขณะที่เขาเริ่มตื่นตระหนก
“ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะเอาชนะฉันได้แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้ความสามารถก็ตาม”
“มีเพียงคำอธิบายอย่างเดียวเท่านั้น”
โมบี้ไม่สามารถซ่อนความลำบากใจไว้บนใบหน้าของเขาได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้เขานั้นเหงื่อท่วมอย่างเห็นได้ชัดแม้มองด้วยตาเปล่า
“นายเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณ!” เธอโพล่งด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องห่วงฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร ความลับของนายยังปลอดภัยอยู่กับฉัน!” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หัวของโมบี้หมุนเคว้งอย่างแรงจากสิ่งที่เขาพึ่งได้ยิน เขาคาดหวังว่าจะได้ยินสิ่งที่เลวร้ายที่สุด แต่เขากลับได้ยินสิ่งที่ตรงกันข้าม
โชคดีที่เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับทักษะ “Nightmare” ของโมบี้ที่เขาใช้กับเธอเพื่อเอาชนะการต่อสู้ของพวกเขาทั้งคู่
‘ขอบคุณซาตานสำหรับความกรุณาและความเอื้ออาทรของท่าน!’ โมบี้คิด
‘ซาตานคือใคร ?? ฉันเคยได้ยินนายพูดถึงเขามาก่อนและฉันก็ค่อนข้างสับสน ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก’ เอวิเลียถามด้วยความสับสน
‘เขาเป็นชื่อของปีศาจที่มนุษย์รู้จักมากที่สุด’ โมบี้ตอบเอวิเลีย
‘ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเขาเลย เขาน่าจะเกิดหลังจากที่ฉันถูกปิดผนึกไปแล้ว นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ฉันจำเขาไม่ได้ หรือบางทีเขาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงหรือเป็นแค่ตัวละครสมมติที่มนุษย์สร้างขึ้น’ เอวิเลียกล่าว
‘ใช่ นั่นอาจเป็นความจริงก็ได้’ โมบี้ตอบ
บทสนทนาของโมบี้และเอวิเลียใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีดังนั้นจึงไม่รบกวนการสนทนาของเขากับ แอ๊บบี้
“แม่ง! เธอรู้จริง ๆ ด้วย! ฉันขอขอบใจเธอมาก ที่เธอไม่กระจายข่าวและมาบอกฉันก่อน แต่ฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่เธอเรียกฉันมาที่นี่ในทันทีใช่ไหม ?” โมบี้ถามกลับด้วยพลางตีหน้าตายอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“นายคิดถูก จริง ๆ แล้วฉันอยากจะขอความช่วยเหลือจากนายบางอย่าง” แอ๊บถามด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย
“อะไรหรอ ฉันรอฟังอยู่!” โมบี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายช่วยฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉันหน่อยได้ไหม ทักษะการต่อสู้ของฉันยังด้อยอยู่มากในด้านนั้น ฉันต้องการจะแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเอาชนะใครบางคน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม! ฉันจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณชั่วชีวิต ถ้านายยอมที่จะฝึกให้ฉัน! ฉันสัญญาว่าจะตอบแทนนายอย่างเหมาะสม” แอ๊บบี้กล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ
โมบี้ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะทำตัวดีกับเขาถึงขนาดที่ต้องยอมก้มหัว โมบี้ยังคงสงสัยเกี่ยวกับความตั้งใจของเธอ แต่การเข้าใกล้เธอจะทำให้เขามีโอกาสฆ่าเธอได้ง่ายขึ้นหากเธอทรยศต่อเขา
หากเขาปฏิเสธข้อเสนอของเธอ เขาก็เสี่ยงที่จะสร้างศัตรู ยิ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจและมีอิทธิพลเช่นเธอแล้วยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากคิดและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็ตัดสินใจ เขาคิดว่านี่มันน่าจะเป็นแผนการที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้
“ฉันจะรับคำขอของเธอ! ฉันสัญญาว่าจะสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอ แต่อย่าลืมให้รางวัลฉันด้วยล่ะ!” โมบี้กล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“จริงเหรอ! นายพูดจริง ๆ นะ! ขอบใจนายมาก ๆ เลยและไม่ต้องกังวลฉันไม่เคยผิดสัญญา! นายจะได้รับรางวัลอย่างเหมาะสมสำหรับความพยายามของนายที่สอนฉันอย่างแน่นอน!” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มาเจอฉันที่ร้านน้ำชา จัสมิน กอร์แกน วันนี้หลังเลิกเรียนเพื่อเริ่มการฝึก อย่าช้าล่ะ!” โมบี้กล่าวพลางเผยรอยยิ้มที่อบอุ่น
โมบี้ต้องการสถานที่ที่เงียบสงบซึ่งไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เหมือนตรอกมืดเนื่องจากป่าอยู่นอกขอบเขต แต่ถ้าเขาเข้าไปมันอาจจะดูน่าสงสัยเกินไป
“แน่นอน!” เธอตอบอย่างตื่นเต้น
“โอ้! ดูเวลาสิ เราต้องรีบแล้ว!” โมบี้กล่าวขณะที่เขาตรวจสอบเวลาในตอนนี้
มันเป็นเวลา 7:58 น. แล้ว พวกเขามีเวลาเพียง 2 นาทีในการเข้าห้องเรียนก่อนที่มันจะเริ่ม
เมื่อทั้งคู่กลับเข้าห้องเรียน ทั้งห้องก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับโมบี้และแอ๊บบี้อีกครั้ง
แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะกระซิบ โมบี้ก็ยังคงได้ยินเหมือนพวกเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาเอง
“เธอดูมีความสุขมากกว่าปกติ!?”
“ใช่! ฉันก็เห็นเหมือนกัน บางทีเธออาจจะทำเรื่องอย่างว่ากับเขามา!”
“เจย์เดน กริฟฟิธ คงจะไม่มีความสุขกับเรื่องนี้แน่! เมื่อเธอรู้ เธอคงแทบจะฆ่าแอ๊บบี้!”
“ฉันยอมจ่ายเงินเพื่อดูการต่อสู้ระหว่างพวกเธอทั้งคู่!”
ทันใดนั้น อาจารย์ลีโอก็เข้ามาในห้องและยุติเสียงกระซิบทั้งหมดในห้องเรียน พวกเขาทุกคนยังจำภาพที่เคยเห็นระหว่างการฝึกซ้อมได้ดี ดังนั้นพวกนักเรียนจึงยังคงหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก
“สวัสดีตอนเช้านักเรียนทุกคน ฉันมีข่าวสำคัญจะมาบอกกับพวกเธอทุกคน! เดือนหน้าพวกเธอจะมีการสอบมันจะเป็นการสอบครั้งแรกในห้าครั้งที่เธอจะต้องเจอในปีนี้ พวกเธอจะถูกจัดให้อยู่ในทีมที่มีพลังสมดุลกัน ระดับพลังรวมเฉลี่ยของทีมต่อสมาชิกจะใกล้เคียงกัน มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับทุกคน ในที่สุดพวกเธอก็จะได้ล่าสัตว์วิเศษตัวแรกของพวกเธอ!” อาจารย์ลีโอกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าตื่นเต้น