the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 265 ความลับที่ถูกเก็บซ่อน
คนเดินถนนของป้อมปราการ 108 รีบร้อนเดินทาง ที่นี่หมดสิ้นแล้วซึ่งความมั่งคั่งรุ่งเรือง มีแต่บรรยากาศเศร้าหมองเต็มไปหมด
ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางบางแห่งไม่เปิดแล้วตอนกลางคืน คนมากมายเข้าแถวซื้อทองที่ร้านเครื่องประดับ ทว่าราคาทองในป้อมปราการนั้นสูงลิ่ว
รถทหารขับผ่านไปมาบนถนน ราวกับกลัวว่าบรรยากาศสงครามจะไม่หนักมากพอ
ในป้อมปราการมีประกาศเคอร์ฟิว หลังจากสี่ทุ่ม ถ้ายังมีคนออกมาอยู่บนถนน จะโดนกองดูแลความสงบเรียบร้อยควบคุมตัวไปโดยทันที
ในช่วงเวลาสงบสุข ชาวป้อมปราการจะใช้ ‘สายสัมพันธ์’ เพื่อจัดการอะไรให้ราบรื่น หากกระทำผิด เพียงหาคนรู้จักมาช่วยได้ทุกอย่างก็จะสะดวกปลอดโปร่ง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว จนกว่าสงครามจะจบ คนที่ถูกส่งไปกองดูแลความสงบเรียบร้อยคงจะออกมายากแล้ว
สายสัมพันธ์อะไรพลันล้วนไร้ค่าไป
ก่อนช่วงเวลาเคอร์ฟิวนั้น มีเด็กสาวร่างผอมบางสวมหมวกเข้าไปในร้านอุปกรณ์ก่อสร้างแห่งหนึ่ง ผมของเธอไม่ยาว เผยให้เห็นลำคอระหงภายใต้ผมประบ่านั้น เธอใส่ชุดกีฬาเข้ารูป พอยกแขนขึ้นก็เห็นเอวเรียวชัด
เธอเคาะประตูม้วนหกครั้งรวด หลังจากรอสองวิ ก็เคาะแรงๆ อีกครั้ง
มีคนยกประตูม้วนขึ้น เธอก้มตัวลงลอดเข้าไปในร้าน
เถ้าแก่ร้านหัวโล้น เขายิ้มพูด “มาจากทางเหนือ?”
“อืม” เธอตอบ “สถานการณ์ปัจจุบันเป็นไงบ้างแล้ว”
“ไม่มีเป็นพิเศษ มีข่าวลือว่ากองพันเทพยนต์เจอหายนะระหว่างถอยจากพื้นที่ของสมาคมตระกูลชิ่ง ระหว่างทางกลับดันไปเจอสไนเปอร์ลึกลับเข้า”
“ข่าวต่อไป ฉันรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว” เด็กสาวขัดก่อนที่เถ้าแก่จะพูดจบ
เถ้าแก่ร้านแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ “มีเรื่องอื่นอีก เมื่อวานมีกองพันทหารส่วนตัวสามารถล้างบางหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งที่เขาเทียนโถวได้ เป็นข่าวใหญ่โตไม่เบาเลย ทุกคนก็รู้กันทั้งนั้นว่ากองทัพส่วนตัวมีความสามารถระดับไหน ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะปราบหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งได้ แล้วก็มีเรื่องอื่นอีก ฉันยังไม่ได้แผนที่ตั้งรับของสมาคมตระกูลหลี่เลย ถ้าได้แล้วจะส่งขึ้นไปยังเบื้องบนทันที”
ใบหน้าของเด็กสาวครึ่งหนึ่งถูกเงาหมวกบดบัง เธอตอบ “เรื่องแผนที่ตั้งรับอะไรนั่นไม่ต้องบอกฉัน สงครามนี้ฉันจะไม่เข้าร่วม ตอนนี้ฉันอยากให้นายตามหาเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อเริ่นเสี่ยวซู่”
“ได้ จะจำไว้” เถ้าแก่พูดเสียงค่อย “พอมีเบาะแสอะไรให้เริ่มสืบหาไหม”
เด็กสาวคิดพักหนึ่ง ก่อนตอบ “เริ่มจากหาว่าที่ไหนมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น”
“เรื่องแปลกๆ?” เถ้าแก่ว่า “ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรผิดปกติเลยนะ”
“ไม่น่าใช่” เด็กสาวเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “เอารายชื่อทหารกองกำลังส่วนตัวนั่นมาให้ฉันหน่อย”
เถ้าแก่ร้านนิ่งอึ้งไป เด็กสาวคิดว่าเด็กหนุ่มนามว่าเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ในหมู่ทหารกองกำลังส่วนตัวพวกนั่นหรือ เป็นเพราะว่ากองกำลังส่วนตัวปราบหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งถือเป็นเรื่องแปลกสินะ เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกัน ทำไมเด็กสาวถึงให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้น
ขณะนั้นที่สถาบันวิจัย 613 ของสมาคมตระกูลหลี่ ชายวัยกลางคนในชุดกาวน์ผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้องแล็บวิจัย เขาพูด “เอาตัวอย่างชุดต่อไปมา”
พูดจบเลขาสาวสวยก็โทรไปหาห้องเก็บตัวอย่าง ผู้ดูแลของห้องเก็บตัวอย่างก็ตรวจสอบช่วงเวลาที่ตัวอย่างถูกส่งมา เขานับตัวอย่างนาโนแมชชีนทั้งร้อยขวด ก่อนจะส่งไปยังห้องแล็บ
ขวดหนึ่งแปะฉลากไว้ว่า ‘หลังจากทดสอบกับผู้ทดสอบที่มีอัตราซิงค์ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ นาโนแมชชีนก็มีอาการผิดปกติ’
อีกที่หนึ่ง ในโรงงานกู้คืนนาโนแมชชีน คนงานหลายนายกำลังมองศพของทหารนาโนแมชชีน พวกเขากำลังเตรียมกู้นาโนแมชชีนจากร่างก่อนจะส่งไปปลดล็อคและรีเซ็ต
คนงานควบคุมแขนกลขนาดใหญ่มาเหนือร่างผู้ตาย คนงานเหล่านี้อยู่กับศพมาหลายวันจนด้านชาไปแล้ว
คนภายนอกอาจจะไม่รู้ว่าสมาคมตระกูลหลี่กำลังทดลองอะไรอยู่ แต่พนักงานที่ดำเนินกู้คืนกับศพจำนวนมากทุกวี่วัน พวกเขาไม่สนใจว่าสภาพศพเป็นอย่างไร มาจากไหน และกำลังไปไหน
พวกเขาสนแต่ว่าคืนนี้จะมีศพมามากแค่ไหน และมันจะกินเวลาเลยกะทำงานพวกเขาหรือเปล่า
แน่นอนเพราะเป็นงานลับสุดยอด หลังเสร็จงานพวกเขาจึงได้แต่กลับไปหอพักแบบปิด ทั้งยังมีทหารกลุ่มใหญ่คอยเฝ้าจับตาอยู่ด้วย
แต่ก็ยังดีกว่าต้องอยู่กับศพพวกนี้ อย่างน้อยกลับพอพักไปแล้วยังสามารถดื่มเหล้าฟรีหรือดูวิดีโอเทปได้ ชีวิตพวกเขาจึงไม่ได้น่าเบื่อเท่าไรนัก
ตอนนั้นเองแขนกลก็ส่งเสียงหึ่งๆ และโฉบลงเป็นแนวตรงไปยังศพที่อยู่บนเตียงสแตนเลส ปลายแขนกลมีสายสวนลักษณะเป็นเข็มที่สามารถแทงเข้าไปใต้ผิวหนังคน
คนงานกดปุ่มที่แผงควบคุม แต่พริบตาต่อมาก็ต้องตะลึง “ทำไมมันไม่กู้นาโนแมชชีนล่ะ”
เพื่อนร่วมที่อยู่ข้างเขาพูดเสียงนิ่ง “คงมีปัญหาขัดข้องอะไรแหละ ลองอีกรอบสิ”
“ได้” หลังจากนั้นคนงานที่แผงควบคุมก็พยายามสกัดนาโนแมชชีนออกมาอีกครั้ง แต่ว่าก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม “พวกเราลองทำเองด้วยมือไหม แต่หัวหน้าทีมต้องอนุมัติก่อน พวกเราต้องได้รับอนุญาตก่อนถึงลงมือด้วยตัวเองได้”
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ใส่รหัสหลายตัวลงบนแผงควบคุม เขาสั่ง “ลองใช้โพรโทคอลเชื่อมต่อระยะไกล C2 ”
แต่กระนั้นแขนกลก็ยังนิ่งสนิท ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “ยังไม่ทำงานอีกเหรอ งั้นเหลือต้องลองโพรโทคอลเชื่อมต่อระยะไกล C1 แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคำสั่งนั้นน่ะสิ ฉันจะไปขออนุมัติจากทางสภาบริหารก่อน”
แต่คนงานแข็งค้างไปแล้ว “หัวหน้าทีม อะไรก็ไม่ทำงานหรอก นาโนแมชชีนในร่างเขา…มันหายไปแล้ว!”
…
รถบรรทุกทหารพุ่งขึ้นเหนือตามทางภูเขาไปพร้อมเสียงดังกระหึ่ม หลี่ชิงเจิ้งนั่งอยู่ฝั่งคนขับ คำรามอย่างกระตือรือร้น “เสี่ยวซู่เจ๋งมาก พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นพันตรีแห่งกองทัพประจำการของสมาคมตระกูลหลี่ได้ยังไงเนี่ย อนาคตรุ่งโรจน์สว่างไสว! รู้หรือเปล่าว่าทหารประจำการของสมาคมตระกูลหลี่นั้นต่างกับสถานะของทหารกองกำลังส่วนตัวอย่างสิ้นเชิงน่ะ!”
เริ่นเสี่ยวซู่หน้าดำคล้ำ “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันจะขับรถเอง…”
“ไม่ได้ๆ ท้ายรถมีทหารคนอื่นอีก แถมกำลังจะขึ้นหน้าผาด้วย” หลี่ชิงเจิ้งรีบปัดคำของผู้บัญชาการกองพันตัวเองทันทีด้วยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุเอา ถ้าพื้นราบให้เริ่นเสี่ยวซู่ขับยังได้อยู่ แต่อยู่บนทางภูเขาไม่กล้าให้เขาแตะพวงมาลัยรถหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเริ่นเสี่ยวซู่เพิ่งถูกเลื่อนขั้นมาเป็นผู้บัญชาการกองพันแล้วด้วย
ชีวิตสำคัญกว่า!
ทหารกองกำลังส่วนตัวทุกคนมีอาวุธดีขึ้น ถึงกำลังทั้งหมดจะเหลือแค่ห้าร้อยสิบเอ็ดนายจากการต่อสู้รอบล่าสุด แต่ทุกคนตอนนี้มีปืนไรเฟิลอัตโนมัติแล้ว ทั้งยังมีกระสุนเยอะมาก และยังมีปืนกลหนักประจำกองพันอีกสี่กระบอก
ถึงอาวุธจะด้อยกว่าทหารของสมาคมตระกูลหลี่ ไม่มีเครื่องยิงจรวด แต่ก็ยังดีกว่ากองกำลังส่วนตัวกองอื่นๆ มาก
หลี่ชิงเจิ้งถูพวกมาลัย เขาคึกคัก “เพิ่งมาวันนี้เองที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นทหารจริงๆ! อย่างกับฝันไปแน่ะ ไม่คิดเลยว่าเราจะกำจัดหน่วยรบพิเศษของสมาคมตระกูลชิ่งได้!”