the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 360 วันนี้ฉันอารมณ์ดี
ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่กลับมาถึงสนามรบ เขาก็เห็นซากศพศัตรูนอน เรียงรางอยู่บนพื้นที่ไม่ราบเรียบของหุบเขา หลังจากหวังฉงหยางหนี ไปแล้ว โจรจากทางเหนือผู้น่ากลัวจากทางเหนือก็ปราชัย
โจรส่วนใหญ่หนีหายเข้าไปในแดนรกร ้าง ขณะเดียวกันจิน เหลียนและจางอี้เหิงก็ขอบคุณร่างแยกเงาอย่างบ้าครั้ง “นายท่านสู่ ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาช่วยพวกเราด้วยตัวเอง ขอบคุณมากครับ!”
เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินคาขอบคุณพวกนี้แล้วก็ตากระตุก เขาไม่ เหรียญค าขอบคุณสักกะเหรียญเดียว
ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่อยากจะเผยไพ่ลงบนโต๊ะให้หมดจริงเชียว นั่น ไม่ใช่ร่างแยกเงาของสูเสี่ยนฉู่แต่เป็ นของเขาต่างหาก! แต่สุดท้ายเริ่น เสี่ยวซู่ก็ยับยั้งชั่งใจได้เพราะยังไม่รู ้จะให้คาอธิบายสูเสี่ยนฉู่อย่างไรดี
เริ่นเสี่ยวซู่กล่าวกับร่างแยกเงา “เหลาสู่ กลับไปรายงานผู้ บัญชาการจางว่าพวกเราปราบโจรกลุ่มใหญ่ในหุบเขาได้ไปกลุ่ม หนึ่ง”
ในหุบเขามีโจรใหญ่อยู่สามกลุ่ม และตอนนี้หนึ่งในนั้นถูกกาจัด ไปแล้ว
โจรที่หนีไปอาจจะไปร่วมกับโจรกลุ่มอื่น แต่การสู้รบนี้เป็ นชัย ชนะอย่างสิ้นเชิงของพวกเขา
จินเหลียนได้ยินเช่นนี้ก็นึกว่าเริ่นเสี่ยวซู่กาลังสั่งให้สูเสี่ยนฉู่ กลับไปรายงานผลงานพวกเขา
แต่เริ่นเสี่ยวซู่กระแอมและว่า “ฉันให้เหลาสู่กลับไปพูดดีๆ เรื่อง พวกเราที่ป้ อมปราการ 178 ผู้บัญชาการอาจจะยินดีกับข่าวจากเหลา สู่จนเกณฑ์พวกนายเข้าป้ อมปราการ 178 เลยก็ได้ ดังนั้นพวกนาย ควรรู ้สินะว่าต้องท ายังไง”
เริ่นเสี่ยวซู่รอทุกคนกล่าวขอบคุณตนเอง เขามองจินเหลียน จาง อี้เหิง และคนอื่นๆ โค้งตัวเก้าสิบองศาและว่า “ขอบคุณนายท่านสู่!”
เริ่นเสี่ยวซู่ “???”
คิดก่อกบฏงั้นเหรอ!
หยางเสียวจิ่นเดินออกมาจากแดนรกร ้างด้วยความเหนื่อยอ่อน อย่างมาก คืนนี้เธอมีผลงานสาคัญมากในการสู้รบ ถ้าไม่ได้เธอ พวก จินเหลียนคงได้ตายไปแล้ว
หยางเสียวจิ่นมองเริ่นเสี่ยวซู่แล้วถาม “คนของเราตายไปเท่าไร”
สีหน้าของจินเหลียนหายวูบไป เขาถอนหายใจและพูด “พวกเรา เสียพี่น้องไปร ้อยกว่าคน บ้านเรือนที่เพิ่งสร ้างพังยับ เพื่อนร่วมนิคม เราก็บาดเจ็บล้มตาย”
“รักษาบาดแผลพี่น้องพวกเราก่อน” เริ่นเสี่ยวซู่หยิบยาดา ออกมาสิบขวดให้จินเหลียน “เอากระสุนออกจากแผลก่อน นี่เป็ นยา สูตรลับที่สืบทอดมาในตระกูลฉัน สามารถทาลงบนแผลได้ตรงๆ เลย ขวดหนึ่งน่าจะใช ้ได้ห้าหกครั้ง ห้ามกินเด็ดขาด”
ได้ชัยชนะเป็ นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ผลหลังการสู้รบล่ะ ผู้ที่ ตายแล้วไม่อาจย้อนคืนกลับมา
จางอี้เหิงยืนบนแดนรกร ้างอันย่อยยัยด้วยสีหน้าซับซ ้อนอยู่บ้าง ผู้อพยพที่อยู่ไกลๆ กาลังร่าไห้
บ้านดินในนิคมกว่าครึ่งถูกรถจักรไอน้าชนทาลาย บ้านอิฐทุก หลังพังสิ้น คูน้าที่ขุดไว้ก็ถูกทับเละเทะ
ผลผลิตครึ่งหนึ่งยังงอกได้ก็ถือว่าดีถมเถแล้ว
จางอี้เหิงค่อยๆ เดินไปหาฝูงชน พี่น้องที่บาดเจ็บบางรายร ้องโอด โอย คนที่ยังสภาพดีอยู่ก็ค่อยพูดปลอบอยู่ข้างๆ
พอเดินผ่านผู้อพยพ เด็กคนหนึ่งก็กรีดร ้องใส่เขา “เป็ นความผิด ของพวกนาย! โจรพวกนั้นมาเพราะพวกนาย!”
แต่ก่อนที่จางอี้เหิงจะทันพูดอะไร แม่ของเด็กคนนั้นก็ตีลูกตัวเอง “อย่าพูดอะไรไร ้สาระ!”
แม่เด็กมองจางอี้เหิงและว่า “ฉันรู ้ว่าพวกนายเป็ นคนดี ฉันไม่ โทษพวกนายหรอก!”
จางอี้เหิงนิ่งงันไป ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เริ่นเสี่ยวซู่พูดกับเขา “เสียใจไหม”
จางอี้เหิงนิ่งงันไปอีกครั้ง จากนั้นก็โพล่ง “ที่จริงฉันไม่ได้รู ้สึก เศร ้าขนาดนั้น หลังจากผ่านมาหลายปี ทุกคนล้วนรู ้ว่าโลกเป็ นยังไง เห็นคนตายเป็ นเรื่องธรรมดา แม้แต่ตอนที่พ่อฉันตายฉันก็ไม่ร ้อง ออกมา”
“งั้นนายกาลังคิดอะไรอยู่” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
จางอี้เหิงพูดอย่างสงบนิ่ง “ฉันกาลังคิดว่า ถ้าพวกเราแข็งแกร่ง กว่านี้ ก็คงกันไม่ให้ความทุกข์ตรมนี้เกิดขึ้นได้สินะ”
เริ่นเสี่ยวซู่มองเขาอย่างจริงจังและว่า “บ้านที่พวกเราเพิ่งสร ้างมา พังหมดเลย”
จินเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างพูด “ถูกทาลายไปก็สร ้างใหม่ได้ ฉัน ไปดูแล้ว เตาเผาอิฐยังอยู่ดี!”
“ต่อให้เตาเผาอิฐมีปัญหา พวกเราก็สร้างเตาใหม่ สองเตา หรือ สามเตาก็ได้!” จางอี้เหิงพลันพูดออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว
เริ่นเสี่ยวซู่มองพวกโจร ที่จริงพวกเขาไม่มีอะไรดีเลย ส่วนใหญ่ ไม่เคยเข้าโรงเรียนและไม่รู้หนังสือ ขนาดเป็ นโจรก็ยังถือปืนอย่าง ถูกต้องไม่เป็ น
แต่ตอนที่เขาโจมตีแนวหลังของศัตรู โจรพวกนี้ก็ยังไม่แยก กระจายไป และบนซากปรักหักพังนี้ ความหวังก็ยังไม่สร่างไปจากใจ
เริ่นเสี่ยวซู่พลันคิดว่าโจรในวันนี้อาจจะดูใช ้การไม่ได้ แต่ หลังจากวันนี้ไป โชคชะตาพวกเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว
วันเดียวกันนี้ จินเหลียนพาคนขนผู้บาดเจ็บกลับมาที่บ้านดินที่ ยังไม่พัง ผู้อพยพบางรายก็เข้ามาดูแลพวกเขาด้วยตนเอง
ตอนแรกคนนึกว่าผู้บาดเจ็บคงยากจะรอดแล้ว แบคทีเรียในยุค สมัยนี้น่ากลัวมาก ถ้าเป็ นแผลขึ้นมา ร ้อยละเก้าสิบคือติดเชื้อ แม้ ตอนนี้จะเป็ นต้นฤดูไม้ไม้ผลิที่อากาศหนาวเย็นมากก็ตาม
เริ่นเสี่ยวซู่ก็เคยติดเชื้อจากแผลที่ถูกนกกระจอกจิก
แต่พวกเขาก็ต้องตะลึงที่เห็นว่ายาดาที่เริ่นเสี่ยวซู่ให้มานั้นมีผลดี มาก พอทาแผลให้ผู้บาดเจ็บแล้ว พวกเขาก็พูดทันทีว่าไม่เจ็บแผล แล้ว อีกทั้งวันต่อมาแผลก็เริ่มสมานตัวทันที ยาดีที่ดีมากจริงๆ!
ทุกคนมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยความเคารพนับถือกว่าเดิม
และก็ยิ่งนับถือกว่าเดิมเมื่อได้ยินพวกจินเหลียนเล่าว่าเริ่นเสี่ยวซู่ ไปล่อกระสุนของศัตรูที่แนวหลังคนเดียว พอทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ตา ทอประกายด้วยความเคารพนับถือ
สาหรับจินเหลียนและทุกคนแล้ว นี่คือความเคารพที่เริ่นเสี่ยวซู่ ได้มาจากการยอมเสี่ยงชีวิตตนเอง เป็ นความเคารพนับถือที่มาจาก ใจจริง
เพราะมีผู้อพยพคอยช่วยดูแลผู้บาดเจ็บ จินเหลียนและคนอื่นๆ จึงมีเวลามาทาอิฐดินเหนียวอีกครั้ง พวกเขากู้อิฐที่ใช ้งานได้มาจาก สร ้างบ้าน และเริ่มจุดเตาเผาอิฐอีกครั้ง
หยางเสียวจิ่นที่ยินอยู่ข้างเริ่นเสี่ยวซู่ถาม “รู ้สึกไหมว่าพวกเขาดู กระตือรือร ้นขึ้น สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความหวัง”
“ใช่ ฉันรู ้สึกได้เหมือนกัน” เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างประทับใจ “อาจจะ เป็ นเพราะไม่ถูกทาลายย่อมไม่มีการสร ้างใหม่ คนพวกนี้ผ่านการ เปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์และกาลังกาเนิดเป็ นตัวตนใหม่”
“ฉันจะสอนเรื่องปืนให้พวกเขา บางคนน่าจะเหมาะส าหรับการ ฝึกเป็ นมือสไนเปอร์ พวกเขาใจเย็นและรับความล าบากได้” หยาง เสียวจิ่นว่า
วันนี้พวกจินเหลียนมาหาหยางเสียวจิ่นและถามว่าพวกเขาจะ เรียนเรื่องปืนได้ตอนไหนแล้วเมื่อไรเธอจะเลือกคนที่จะได้รับคัดเลือก ไปฝึกเป็ นมือสไนเปอร์
การสู้รบที่ผ่านมาทาให้พวกเขาเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง ที่ สาคัญคือการยิงสะกดข่มอันทรงพลังของหยางเสียวจิ่นบนสนามรบ นั้นน่ากลัวมากที่สุด
ถึงทุกคนรู ้ดีว่าไม่มีทางที่จะไปถึงระดับเดียวกับหยางเสียวจิ่นได้ แต่ความปรารถนาตอนนี้คือได้เป็ นมือสไนเปอร ์คนหนึ่ง
ส่วนจะไปล้อมศัตรูอย่างไร ้ความหวาดกลัวเหมือนเริ่นเสี่ยวซู่นั้น เป็ นเป้ าหมายอันห่างไกลเกินไป จินเหลียน จางอี้เหิง และคนอื่นๆ ไม่ กล้าแม้แต่จะคิดเลย
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งและว่า “ถ้าสถานการณ์มั่นคงแล้ว ฉันมี แผนจะกลับป้ อมปราการดูว่าจะพาพวกเหยียนลิ่วหยวนมาที่นี่ได้ ไหม”
หยางเสียวจิ่นยิ้ม “ตัดสินใจแล้วเหรอว่าจะตั้งรกรากที่นี่”
“อืม” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า และก็โพล่งถาม “แล้วเธอล่ะตัดสินใจ หรือยัง”
หยางเสียวจิ่นชะงักไปพักหนึ่ง เอามือสอดกระเป๋ าและเดินออกไป “วันนี้ฉันอารมณ์ดี”