the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 358 จุดเกิดเหตุ
เพราะเริ่นเสี่ยวซู่ไปปรากฏตัวอยู่แนวหลัง ศัตรูไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะเคลื่อนกาลังส่วนใหญ่ไปรับมือเขา ทาให้แรงกดดันฝั่ง กลุ่มของจินเหลียนเบาลงไปทันตา เป็ นเรื่องที่รู ้สึกได้ในทันทีเลย
แต่ว่าระหว่างที่พวกศัตรูคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะโถมบุกเข้ามาใน ขบวนรบของพวกเขานั้น พวกโจรก็ต้องแปลกใจที่เริ่นเสี่ยวซู่เพียง ยืนอยู่นอกระยะหวังผลการโจมตี บินไปมาราวกับว่าว มองเห็นแต่ เอื้อมไม่ถึง
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ยั้งมือ เขาเปิดใช ้งานนาโนแมชชีน และเคลื่อน ตัวรอบพวกเขาอย่างบ้าคลั่งกันไม่ให้กระสุนยิงโดนตัว แต่ถึงถูกยิง ขึ้นมา ก็ใช ้นาโนแมชชีนขึ้นมากันกระสุนทัน
นี่เป็ นการลงมือที่ฉลาดมาก เพราะอย่างไรเริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังเป็ น มนุษย์ธรรมดาอยู่ จะรับมือกับคนหลายร ้อยที่กระหน่ายิงใส่ได้อย่างไร ถ้าเขาเข้าใกล้ ศัตรูก็จะรัวกระสุนใส่เขาทันที ต่อให้เป็ นยุงก็อาจถูก กระสุนโถมมาเป็ นห่าแบบนี้ยิงตายได้!
แต่ศัตรูไม่เข้าใจเลย ไอ้ความกล้าหาญตอนแรกของเขาหายไป ไหน ไหนพูดอย่างฮึกเหิมไม่ใช่เหรอว่าล้อมพวกเขาไว้แล้ว
ก็ไสหน้าเข้ามาสิโว้ย!
“เขาก าลังถ่วงเวลา!” มีคนตะโกน
“ใช่แล้ว!” มีคนว่า “เจ้าเด็กนี่ต้องล่อเราไม่ให้พวกเราโจมตีไปที่ แนวหน้าแน่ เขาพยายามไม่เข้าใกล้เราด้วย ต้องพยายามล่อให้เรา ยิงใส่ถ่วงเวลาแน่นอน”
“แล้วเขาก าลังรออะไรอยู่วะ” โจรถาม
และตอนนั้นเอง ที่ปลายขอบฟ้ ามีเงาร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา เงาร่างนี้ กระโดดทีเดียวก็กระโจนไปกว่าสิบเมตร น่าพรั่นพรึงสุดๆ!
ฝีเท้าหนาหนักเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็ นกาลังเสริมที่เริ่นเสี่ยวซู่ พยายามซื้อเวลา! มันมาจากไกลโขนักแล!!
พอโจรบางคนบางคนเงาเข้าใกล้ก็ลั่นไกยิง แต่ว่าเจ้าเงานี้ไม่ หลบไม่หลีก รับกระสุนไปซึ่งหน้า!
“อะไรวะนั่น” โจรคนหนึ่งอุทาน “ทาไมมันไม่กลัวกระสุน!”
“ฉิบหาย หนี!”
แต่จะหนีตอนนี้ก็สายไปแล้ว
เงานี้ราวกระทิงป่ าที่เข้าปะทะฝูงมนุษย์ในชั่วลัดนิ้ว แรงเฉื่อย มหาศาลพุ่งใส่หมู่โจรราวกระสุนปื นใหญ่ ส่งพวกเขาบินไปกลาง อากาศไม่ต่างจากของเล่นและตุ๊กตาที่กระดอนออกมาจากรถบรรทุก ประสานงา
โจรที่ถูกชนตรงๆ รู ้สึกเหมือนกับกระดูกทั่วร่างกลายเป็ นเศษๆ ก่อนจะถูกส่งขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่อาจควบคุมได้
โจรบินไปกลางอากาศทีละคนๆ อย่างกับนักกายกรรมในคณะ ละครสัตว์
โจรไม่มีกะจิตกะใจจะยิงแล้ว เมื่อพละกาลังที่แข็งแกร่งพอจะขยี้ พวกเขาปรากฏขึ้น โจรพวกนี้ก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน!
พลังสังหารศัตรูของเจ้าเงาประหลาดนี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขา ไม่อาจสู้กลับได้เลย!
เริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่ห่างออกไปจากการสู้รบ เริ่นเสี่ยวซู่ควบคุมร่าง แยกเงาพุ่งเข้าไปในฝูงชนอย่างไร ้ความหวาดเกรงเพื่อหาตัวของ หวังฉงหยาง
เพราะร่างแยกเงายังถูกยิงอยู่เรื่อยๆ เริ่นเสี่ยวซู่ต้องทนรับความ เจ็บปวดที่ส่งจากร่างแยกเงามาที่เขาอยู่เนืองๆ
เหงื่อแตกพลั่กเต็มศีรษะกับแผ่นหลังเพราะความเจ็บปวดแล่น ผ่านกาย แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยังจะคงตามหาหวังฉงหยางต่อ จะจับโจรต้อง จับที่หัวหน้าโจร!
เริ่นเสี่ยวซู่ยังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงต่อ กระสุนลูกหลง ยังคงบินไปทั่วสนามรบและเป็ นไปไม่ได้ที่จะยิงไม่ถูกคน เขาต้องใช ้ นาโนแมชชีนกันสองรอบแล้ว กระสุนที่โดนตัวเขาสร ้างได้แต่รอยขีด
ข่วนบนผิวหนัง ไม่อาจเจาะผ่านโครงสร ้างป้ องกันที่ก่อตัวมาจากนา โนแมชชีนได้
แต่ต่อให้เสาะหาอยู่นาน ก็ยังไม่เห็นร่องรอยของหวังฉงหยาง
จินเหลียนที่อยู่หน้าสุดในทางแนวหน้าของสนามรบพบว่าศัตรู ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน ศัตรูที่ไม่มีผู้คอยบังคับบัญชา เมื่อ โดนพลังทรงอ านาจโผล่ข้างหลังก็กระจัดพรัดพรายไป
ด้วยมีหยางเสียวจิ่นช่วยยิงคุ้มกันอย่างหนักหน่วง จางอี้เหิงและ โจรคนอื่นๆ ถึงกับกล้าพุ่งไปโจมตีซ ้อนหลังแนวหลังที่แตกไปแล้ว ของศัตรู และศัตรูที่กาลังหัวหมุนเริ่มแตกพ่ายไป
แต่จนถึงตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังหาหวังฉงหยางไม่เจอ!
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เข้าใจเลย หรือว่าหวังฉงหยางไม่อยู่ที่นี่ แต่มันจะ เป็ นไปได้เหรอ! เจ้ารถไฟที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู ้นั่นต้องเป็ นฝี มือ ของหวังฉงหยางแน่นอน!
ที่จริงหลังจากเขาเห็นรถจักรไอน้า หนึ่งในข้อสงสัยแรกๆ ก็แถลง ไขทันที ในช่วงแรกๆ ของหมู่ผู้อพยพในเมืองน้อยป้ อมปราการ 113 ว่ากันว่าเคยมีคนเห็นรถไฟโผล่มาจากอากาศว่างเปล่าในแดนรกร ้าง เป็ นพลังของผู้มีพลังพิเศษ
ตอนนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ยังเป็ นคนขี้อิจฉา นี่เป็ นข่าวลือแรกสุด เกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษที่คุยกันในเมืองน้อย มันวนอยู่นานจนเริ่นเสี่ยว
ซู่หน่ายจะฟัง มีหลายคนพูดว่าผู้อพยพคนนั้นคงไม่สบายและตาฟาด ไปตอนมึนๆ งงๆ อยู่แน่
และรถไฟนั่นก็ไม่เคยโผล่มาครั้งที่สอง
เริ่นเสี่ยวซู่เคยสงสัยว่าในป้ อมปราการ 113 น่าจะมีผู้มีพลังพิเศษ อื่นอีก แต่ว่าไม่มีเคยมีใครเห็นพวกเขามาก่อน
ตอนนี้คิดดูแล้ว รถไฟที่โผล่มาในแดนรกร ้างนั่นน่าจะเป็ นหวังฉง หยางลองทดสอบพลังสินะ?
ดังนั้นข่าวลือน่าจะเป็ นจริง ดูจากช่วงเวลาที่หวังฉงหยางกลาย มาเป็ นผู้มีพลังพิเศษแล้ว เขาน่าจะเป็ นหนึ่งในคนแรกๆ เลย!
และทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็นึกออกว่าพอหวังฉงหยางเห็น สถานการณ์ไม่สู้ดีก็คงหนีไปแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่มองไปทางหุบเขาทางเหนือ หวังว่าจะเห็นหวังฉงหยาง หนีไปทางร่องน้า ร่องลึกนั่นจะไม่ต่างไปจากโล่ป้ องกันให้หวังฉง หยางเลย!
เริ่นเสี่ยวซู่หยุดหาเขาทางนี้และลองเสี่ยงดวงดูด้วยการวิ่งไปทาง เหนือ ถ้าเขาตัดสินใจถูกก็อาจจะจับเจ้านั่นได้!
หลังจากวิ่งมาได้สองกิโลเมตร เริ่นเสี่ยวซู่พลันเห็นร่างเงาคลาน อยู่ในร่องน้าที่ห่างจากพวกเขาไปหนึ่งกิโลเมตร
เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจมากว่านั่นเป็ นหวังฉงหยางที่หนีล่วงหน้า!
กลุ่มโจรที่คนผู้นี้สร ้างมาอย่างยากล าบากก าลังแตกมลาย ดูแล้ว ไม่มีใครมีค่าพอจะให้เขานึกถึง แต่พอเขาเห็นร่างแยกเงามาถึง เขา สลัดภาระทิ้งและหนีมาเองทันที
นั่นเป็ นเพราะว่าพอหวังฉงหยางเห็นร่างแยกเงาก็นึกว่าสูเสี่ยนฉู่ มาถึงแล้ว!
ที่หวังฉงหยางคิดคือ ถ้าผู้มีพลังพิเศษสามคนอย่างเริ่นเสี่ยวซู่ สูเสี่ยนฉู่ และหวังฉงหยางรุมเขาคนเดียว ความพ่ายแพ้ของเขาก็เป็ น เรื่องแน่นอนแล้ว!
เจ้าโจรที่หนีไปจากเริ่นเสี่ยวซู่ก่อนหน้านี้บอกหวังฉงหยางว่าเริ่น เสี่ยวซู่มาจากป้ อมปราการ 178 และเป็ นเพื่อนสนิทกับสูเสี่ยนฉู่ด้วย
ตอนนั้นถึงหวังฉงหยางคิดว่าคาบอกเล่าน่าจะเกินจริง แต่ว่าเริ่น เสี่ยวซู่กับจางจิ่งหลินก็สนิทกันจริง
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่มาปฏิบัติภารกิจให้ป้ อมปราการ 178 จริงๆ ล่ะก็ หวังฉงหยางคงไม่มีที่หยั่งเท้าในหุบเขาแล้ว
เพราะต่อให้เขาไม่มาหาเริ่นเสี่ยวซู่ เริ่นเสี่ยวซู่ก็จะมาหาเขาเอง!
หวังฉงหยางไม่อาจรู ้ได้ว่าความจริงเป็ นเช่นไรกันแน่ เขาแค่ อยากใช ้โอกาสที่เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่พรักพร ้อมนี้ตัดตอปัญหาใน อนาคตเสีย!
ไม่ว่าเขาจะทาสาเร็จหรือไม่ เขาก็จะหนีออกจากหุบเขานี้และมุ่ง ไปยังที่ราบตอนกลางอันเป็ นโลกที่กว้างใหญ่กว่า!
ดังนั้นพอหวังฉงหยางได้ยินชื่อเริ่นเสี่ยวซู่ เขาก็ตัดสินใจจะทิ้ง โจรที่อยู่ภายใต้เขาแล้ว เขาไม่มีทางพาโจรพวกนี้ไปยังที่ราบ ตอนกลางด้วยกันได้ และก็ไม่คิดว่ามีค่าพอให้พาไปด้วย
เริ่นเสี่ยวซู่ไล่ตามล่าเขา เขานึกว่าจะตามหวังฉงหยางได้ง่ายๆ เสียอีก แต่ทันใดนั้นรถจักรไอน้าสีดาอันแปลกประหลาดลึกลับก็พลัน พุ่งเข้ามาในแดนรกร ้าง มันเคลื่อนผ่านพื้นที่สูงต่าของเขาหุบเขาราว อยู่บนพื้นราบอย่างไรอย่างนั้น