the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 357 ฉันล้อมพวกนายแล้ว
ในความสิ้นหวังมีอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือตายไปอย่างเงียบๆ และสองคือตามหาพละก าลังอย่างเงียบๆ
ถ้าเป็ นยี่สิบวันก่อน จางอี้เหิงคงหนีไปแล้ว และจินเหลียนเองก็คง ไม่ต่างกัน ทว่าวันนี้พวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว
บางทีการเปลี่ยนแปลงในตัวพวกเขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่ก็ มากพอให้พวกเขาคว้าปืนขึ้นมาสู้เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง
ต่อให้เป็ นเริ่นเสี่ยวซู่เองก็ไม่คิดว่าในช่วงสิ้นหวังแบบนี้ พวกเขา จะสามารถผลักตัวเองให้ลุกขึ้นต่อต้านได้!
พอพวกเขาเริ่มสู้กลับโดยใช ้ป้ อมสนามที่พังไปแล้วเป็ นที่กาบัง ศัตรูก็ชะลอตัวลงและเริ่มมีผู้บาดเจ็บล้มตาย
กระสุนบนสนามรบไม่แยกมิตรแยกศัตรู ในสงคราม สติปัญญา มนุษย์จะแสดงแจ่มชัด การปรากฏตัวของอาวุธปืนและระเบิดคือการ เปลี่ยนแปลงก้าวใหญ่ในประวัติศาสตร ์การสงครามของมนุษยชาติ
จางอี้เหิงหลบตัวอยู่หลังกองปรักอิฐและใช ้ปืนไรเฟิ ลอัตโนมัติ ของตนยิงไปยังศัตรู โจรกลุ่มผู้ไร ้ซึ่งกลยุทธ ์อะไรเลยกลับสามารถ ต้านรับศัตรูได้จริงๆ
แต่ว่าข้างหลังศัตรูมีคนคอยบัญชาการอยู่ หลังจากปรับเปลี่ยน เล็กน้อย พวกเขาก็คุ้นชินกับรูปแบบการยิงของหน่วยจางอี้เหิง
บางคนค่อยๆ หมอบคลานตามพื้นไปอย่างเงียบงัน แบบนี้พวก เขาสามารถลดโอกาสการถูกกระสุนยิงได้ คนอื่นๆ จะโถมไปเรื่อยๆ จนกลุ่มของจางอี้เหิงเผยตัวมายิงใส่พวกเขา พอทาแบบนั้นไปแล้ว โจรฝ่ายศัตรูที่คลานอยู่ก็จะยิงรัวสั้นๆ คุ้มกันให้พรรคพวกตน
พวกจางอี้เหิงค่อยๆ ถูกกลยุทธ ์ศัตรูสะกดข่ม
การฝึกของเริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่นเพียงให้พวกเขาเป็ นน้า หนึ่งใจเดียวและฝังเมล็ดแค่ความเชื่อมั่นในใจพวกเขา ทว่าการฝึกนี้ ไม่ใช่วิธีสุดมหัศจรรย์ ย่อมไม่มีทางทาให้โจรที่ไม่มีความรู ้ทางทหาร แม้แต่นิดจะกลายเป็ นผู้กล้าขึ้นมาได้
พวกเขาถูกสะกดข่มเพราะขาดประสบการณ์ ไม่ใช่เรื่องที่การ ฝึกสั้นๆ จะทดแทนได้ หวังฉงหยางและกลุ่มโจรของเขาผ่านการสู้รบ หนักๆ มามาก ทั้งยังผ่านการฝึกทางทหารระยะสั้นจากเขาด้วย
จางอี้เหิงหอบและว่า “พวกเราสู้ไม่ไหว ดูเหมือนพวกเราจะได้ ตายที่นี่กันหมดแล้วล่ะ!”
“งั้นให้พวกเราทาไงต่อ” จินเหลียนพลันหัวเราะขึ้นมา สถานการณ์ดูสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังหัวเราะ “ยอมแพ้กันดีไหม”
จางอี้เหิงสบถ “ถ้าอยากยอมแพ้ก็ยอมไปคนเดียว ถึงว่าทาไม กลุ่มนายมีโจรแค่ยี่สิบคน แถมชีวิตยังห่วยแตกบัดซบ! เป็ นเพราะมี หัวหน้าตาขาวนี่เอง!”
จินเหลียนเดือด “แค่ล้อเล่นเฉยๆ โว้ย! ไม่ต้องมาวิจารณ์ฉัน เลย!”
จากนั้นจินเหลียนก็ยืนขึ้นยิงใส่ศัตรู เจ้าโง่ทาแบบนั้นแล้วทาให้ ศัตรูถอยร่นไปได้พักหนึ่ง
แต่ไม่ว่าพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ก าลังจะพ่ายแพ้อยู่ดี
“เฮ้ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้หายไปไหนนะ” จางอี้เหิงถอนหายใจและว่า “ถ้าพวกเขาไม่รีบกลับมา พวกเราคงได้ตายที่นี่จริงๆ”
ตอนนี้ร่างปราดเปรียวของหยางเสียวจิ่นกาลังวิ่งเต็มฝีเท้าอยู่ใน แดนรกร ้าง ร่องน้าตามพื้นดูจะไม่เป็ นอุปสรรคสาหรับเธอแม้แต่น้อย
เธอเข้าใกล้เสียงยิงปื นในทางตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่วิ่งไป ก็มองประกายไฟจากปืนตรงหน้าไปด้วย
หยางเสียวจิ่นหอบอย่างหนัก แม้จะเป็ นเธอเอง วิ่งเต็มกาลังเช่นนี้ ก็ต้องพยายามสุดตัวปรับลมหายใจ
เธอควรมีบทบาทที่สบายสุดแล้วในสนามรบ แต่เธอรู ้ดีว่ามันมี เวลาไม่พอ
หยางเสียวจิ่นรู ้ดีว่ามีคนรอเธออยู่!
พริบตาให้หลัง หยางเสียวจิ่นก็หยุดบนเนินดินเตี้ยตรงหน้าและ เสกปืนสไนเปอร ์ของตนออกมาในชั่วพริบตา
สูดลมหายใจลึก
เธอลดอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองอย่างรวดเร็ว ต้านการรักษา สมดุลของร่างกายอย่างผิดธรรมชาติ จากนั้นด้วยการควบคุมความ คมชัดของการมองขณะศีรษะเคลื่อนไหว[1]อันทรงพลัง ในวิสัยทัศน์ เธอเวลาก็ราวกับเวลาหยุดนิ่งไป
ตอนนี้เพลิงโทสะท่วมท้นในใจเธอแปรเปลี่ยนเป็ นศรเทพเจ้า หยางเสียวจิ่นค่อยๆ พ่นลมออกจากปอด ลั่นไกสอดคล้องกับจังหวะ หายใจ
เสียงปังดังสนั่น เสียงปืนสไนเปอร ์ดังไปทั่วสนามรบอีกครา
กระสุนนัดโตทะยานข้ามระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตรราวกับข้าม แม่น้ากาลเวลาไปยังใจกลางสนามรบ
กระสุนทะลวงไปยังอกของโจรผู้หนึ่งที่กาลังโถมจู่โจม ทว่า กระสุนไม่หยุดเพียงนั้น มันยังทะยานทะลวงต่อไปยังโจรข้างหลัง ก่อน จะพุ่งหายไปในคืนมืดมิด
หมอกเทาบางเบาที่ปรากฏมาตอนแรกพร ้อมรถจักรไอน้าพลัน กลายเป็ นหมอกโลหิต หมอกโลหิตนี้กระจายตัวออกเป็ นรูปลักษณ์ สวยสดบนอากาศ
พอจินเหลียนและจางอี้เหิงได้ยินเสียงปืนสไนเปอร ์หัวใจก็หยุด เต้นไปวูบหนึ่ง ในที่สุดเสียงปืนที่รอมานานก็กลับมาแล้ว!
เขาพวกลอบชะโงกหัวออกมาจากดูและเห็นว่าศัตรูที่เพิ่งปรับ จังหวะเข้าตีนั้นค่อยๆ ถูกกระสุนแต่ละนัดแหวกร่างไป!
“พี่สะใภ้โคตรเหี้ยมเลยว่ะ” จินเหลียนทึ่งจนอ้าปากค้าง จาก มุมมองที่เห็นได้ชัดกว่าทางฝั่งนู้น พวกเขาสามารถเห็นศัตรูถูก กระสุนทรงพลังยิงจนปลิวทีละคนทีละคนได้เลย
หมอกโลหิตดั่งบุษผาบานยามรัตติกาล
ตอนนี้หยางเสียวจิ่นกาลังหมอบอยู่บนเนินดิน ต้องทาเช่นนี้เธอ ถึงจะควบคุมร่างกายให้มั่นคงจากการยิงปืนถี่ๆ ได้
อดีตเด็กสาวสวมหมวกไม่สนว่าพื้นจะสกปรกแค่ไหน เธอสนแต่ ว่ากระสุนที่ข้ามผ่านแม่น้าไปจะนาพาความตายมาสู่ศัตรูได้หรือเปล่า
มือสไนเปอร ์มีไว้เพื่อการนี้ และเธอจะรู ้สึกปลอดภัยก็ต่อเมื่อ ร่างกายสัมผัสกับพื้นดิน
และก็เป็ นเพียงแค่ตอนนี้ที่ความผูกมัดของตระกูลและการตาย อย่างลึกลับของพ่อแม่ไม่อยู่ในห้วงความคิดของเธอ ตอนนี้เธอแค่คือ มือสไนเปอร ์คนหนึ่ง
มือสไนเปอร ์ที่ครองสนามรบในแดนรกร ้าง!
ถามกลางเสียปืนสไนเปอร ์ที่ดังมารัวๆ นี้ จางอี้เหิงทาตัวราวกับ ถูกฉีดเลือดไก่ “ทุกคนโจมตีอย่างไร ้เมตตา! ฆ่าพวกแม่*ให้หมด!”
สู่จินหยวนรัวกระสุนไปพร ้อมรู ้สึกว่าเลือดตัวเองเดือดพล่านไป หมดอย่างเงียบๆ เขาถึงกับสัมผัสได้ด้วยซ้าว่าตนเองกาลังขนลุกซู่ เพราะเสียงปืนสไนเปอร ์ที่ดังไม่หยุดนี้
นี่เป็ นการสู้รบที่เขาไม่ประสบพบเจอมาก่อน สู่จินหยวนไม่คิด เลยว่าการสู้รบเล็กๆ จะน่าตื่นเต้นขนาดนี้
มีเพียงจินเหลียนที่ถามอย่างสงสัย “พี่สะใภ้อยู่ที่นี่ แล้วพี่ใหญ่เรา ไปไหนแล้วล่ะ ท าไมยังไม่เห็นเขาอีก”
“ฉันอาจจะไม่รู ้ว่าพี่ใหญ่อยู่ไหนนะ” จางอี้เหิงหัวเราะคลุ้มคลั่ง ระหว่างพูด “แต่ฉันรู ้ว่าเขาไม่พลาดโอกาสจบการสู้รบนี้แน่!”
ทันใดนั้นเอง เสียงปืนก็พลันดังขึ้นมาจากแนวหลังของศัตรู จาง อี้เหิงมีปฏิกิริยาทันที “พี่ใหญ่อยู่ข้างหลังศัตรู!”
“เชี่ย…” จินเหลียนไม่รู ้จะพูดอะไรเลยดี เขาคิดว่าหยางเสียวจิ่นดุ ร ้ายแล้ว แต่กลายเป็ นว่าเริ่นเสี่ยวซู่ดุร ้ายกว่าเธออีก เขาถึงกับวิ่งไป แนวหลังคนเดียวเลย? พยายามกันไม่ให้ศัตรูถอยทัพ?
สู่จินเหลียนเองก็สับสนเล็กน้อย “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ดุร ้ายแบบนี้ นายว่าตอนอยู่ที่บ้านใครเป็ นคนคุมวะ”
มีคนด่าเขาแกมหัวเราะว่า “เฮ้ย กาลังสู้กันอยู่เว้ย! อย่าเพิ่งพูดไป เรื่อย!”
ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่เข้าจากด้านข้างและคืบใกล้แนวหลังศัตรูอย่าง รวดเร็ว เขาพุ่งไปเป็ นแนวโค้ง ด้วยมุมการพุ่งเข้าไปของเขานั้น ร่างกายที่แทบเอียงเลียบไปกับพื้นไม่ต่างไปจากรถจักรยานยนต์เร่ง ความเร็วผ่านโค้งเลย
กระสุนที่ศัตรูยิงมาโดนแต่พื้นดิน ขณะเดียวกันเริ่นเสี่ยวซู่นั้น อ้อมตัวมาถึงแนวหลังของศัตรูแล้ว!
“ฉันล้อมพวกนายแล้ว!”
[1] Dynamic visual acuity ความคมชัดของการมองขณะ ศีรษะเคลื่อนไหว