the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 316 พบหน้าลู่หย่วนอีกครั้ง
อันอวี้เฉียนรับการคุยโวของเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ “รู้จักไหมว่า ‘สสารที่ตั้งโปรแกรมได้’ คืออะไร”
เริ่นเสี่ยวซู่มองอันอวี้เฉียน “คืออะไรเหรอ”
อันอวี้เฉียนพูดเสียงสูง “สสารที่ตั้งโปรแกรมได้เป็นสสารตัวกลางที่เปลี่ยนสมบัติทางกายภาพได้ตามแต่ผู้ใช้งานจะใส่คำสั่งหรือเปลี่ยนไปตามระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “ขอภาษามนุษย์”
“พูดง่ายๆ นะ” อันอวี้เฉียนว่า “ถ้าอยากจะสร้างชุดเกราะแบบนี้ อย่างน้อยส่วนประกอบต้องเปลี่ยนรูปร่างตนเองได้ ถ้าไม่มีสสารที่ตั้งโปรแกรมได้แล้ว ก็จะไม่สามารถสร้างกระบวนหลอมรวมหรือแยกสสารอย่างยืดหยุ่นได้หรอกนะ”
“อืม” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงนิ่ง “เรื่องนั้นหายห่วง”
อันอวี้เฉียนแทบสติแตกแล้ว “ไม่เข้าใจว่าฉันกำลังพูดอะไรอยู่ใช่ไหมเนี่ย จะไม่ต้องกังวลเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้ยังไง!”
พูดตามตรง นอกจากเรื่องแหล่งพลังงานแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่สามารถแก้ไขปัญหาที่อันอวี้เฉียนพูดออกมาได้หมดเลย อย่าง ‘สสารที่ตั้งโปรแกรมได้’ นั้น นาโนแมชชีนก็ทำงานได้ดีกว่ามาก
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าอันอวี้เฉียนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขาการวิจัยนาโนเทคโนโลยีแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้นาโนแมชชีนกำลังผลิตออกมาอยู่เรื่อยๆ และอันอวี้เฉียนก็ไม่น่าใช่สมาชิกแกนหลักของสมาคมตระกูลหยางด้วย
แต่อันอวี้เฉียนมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงความรู้เริ่นเสี่ยวซู่ตอนนี้ยังห่างจากการเป็นนักวิชาการมาก แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความภาคภูมิและความดื้อรั้นในวิทยาศาสตร์ของอันอวี้เฉียน แล้วทำไมอันอวี้เฉียนถึงยอมมาเป็นแค่บรรณารักษ์กันนะ
วันต่อๆ มา อันอวี้เฉียนก็ทุ่มเทไปกับการสอนและเล่นไพ่นกกระจอก ไม่สนใจจะยุ่งเรื่องแหล่งพลังงานหรือสสารที่ตั้งโปรแกรมได้อะไรแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่เร่งให้หวังอวี่ฉือกับนักเรียนชายคนอื่นๆ ถึงบ้านแล้วก็รีบร่างแบบชุดเกราะ และก็ช่วงพักระหว่างวันก็ให้ไปขอความช่วยเหลือปัญหาทางเทคนิคทั้งหลายกับอันอวี้เฉียน แต่ไม่รู้ทำไมอันอวี้เฉียนถึงพร้อมช่วยเหลือพวกเขา
จากที่อันอวี้เฉียนคิด ถ้าเขาช่วยเริ่นเสี่ยวซู่จัดการทุกปัญหาที่ติดอยู่ในปัจจุบันไปจนถึงปัญหาที่เขาเคยพูดแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็จะได้รู้สักทีว่าตนเองฉลาดขนาดไหน
เขารู้สึกว่าที่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่สนใจเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับสสารที่ตั้งโปรแกรมเพราะความรู้ยังไม่ถึง ยังไม่ทันได้รู้จักจุดคอขวดของเทคโนโลยี! อย่างไรเสียอันอวี้เฉียนก็ไม่คิดว่าเด็กมัธยมศึกษาปีที่สี่จะเข้าใจวิสัยทัศน์และอดีตตำแหน่งวิชาการของเขาได้หรอก คิดแล้วอันอวี้เฉียนก็อยากจะเซ้าซี้ให้เริ่นเสี่ยวซู่มาวอนตนจนยอมสอนหลักสูตรปูความรู้ใหม่จริงๆ เริ่นเสี่ยวซู่จะได้เข้าใจเร็วๆ เสียทีว่าเขาเจ๋งแค่ไหน
วันหนึ่ง ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่อยากจะกลับไปอ่านหนังสือเรียนที่อ่านค้างไว้เมื่อวาน เขาก็เห็นว่าข้างๆ มีสมุดจดวางอยู่ข้างๆ เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย
เริ่นเสี่ยวซู่เปิดสมุดจดดูแล้วก็เห็นว่ามีคนเขียนขั้นตอนการเรียนรู้และแกนความรู้สำคัญไว้ มองแวบเดียวเขาก็รู้ว่าใครเป็นคนเขียน เป็นอันอวี้เฉียนแน่นอน!
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมองอันอวี้เฉียนด้วยความขบขัน เจ้าคนผู้นี้คิดแสร้งเป็นลึกลับ? “สมุดจดลุงเหรอ”
อันอวี้เฉียนเขินเล็กน้อยแล้วว่า “อ้อ เป็นของเก่าที่บังเอิญไปเจอน่ะ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับใครสักคนได้ ถ้าคิดว่ามีประโยชน์จะเก็บไว้ก็ไม่ว่า มันเหมาะกับเธอมากเลยแหละ เนื้อหาบางส่วนเป็นเนื้อหาฉบับย่อของมัธยมปลาย ถ้าเรียนตามหลักสูตรล่ะก็ต้องผ่านขั้นตอนซ้ำๆ ซาก ทำตามวิธีการที่ฉันเคยใช้เรียนดีกว่า”
เริ่นเสี่ยวซู่ “ขอบคุณนะ ราคาเท่าไร” เขาพร้อมจะจ่าย
แต่อันอวี้เฉียนกลับหัวเสีย “ฉันไม่ได้ให้สมุดจดเพราะเงิน!” จากนั้นอันอวี้เฉียนก็กระฟัดกระเฟียดกลับไปเฝ้าทางเข้า
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับไปนั่งที่ หลังจากได้รับคำชี้แนะจากอันอวี้เฉียน รูปลักษณ์ภายนอกของชุดเกราะก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามคำที่อันอวี้เฉียนว่า ‘วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ลึกลับอย่างหาที่สุดไม่ได้ หากการออกแบบเข้าใกล้ความเป็นเหตุผลมากเท่าไร ก็จะรู้สึกได้ถึงความงามอันเป็นเอกลักษณ์มากเท่านั้น’
เป็นความงามพิชิตจิตใจโดยแท้จริง
แต่เดี๋ยวนะ เริ่นเสี่ยวซู่จำได้ว่าเขาเพิ่งได้รับคัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐาน ถึงจะเอาใช้คัดลอกพลังพิเศษไม่ได้ แต่จะใช้คัดลอกทักษะธรรมดาๆ ก็มีประโยชน์มากอยู่
เขากะจะใช้กับหยางเสียวจิ่นถ้าเจอหน้าอีกรอบ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็นึกได้ว่าอย่างไรก็อย่าไปคัดลอกทักษะของหยางเสียวจิ่นเลยดีกว่า แบบนั้นเขาก็คัดลอกทักษะจากอันอวี้เฉียนที่อยู่ตรงหน้าก็ได้นี่ ความรู้วิชาคณิตศาสตร์กับฟิสิกข์ของหยางเสียวจิ่นคงไม่ดีเท่านั้นนักวิชาการมืออาชีพอย่างอันอวี้เฉียนหรอก
ไม่ใช่ว่าหยางเสียวจิ่นไม่ฉลาด แต่คนเราเชี่ยวชาญสาขาแตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นต้องไปเทียบมือใหม่กับมืออาชีพหรอก
คิดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็กล่าวในใจว่า “ใช้คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐาน”
พระราชวังตอบกลับ [ท่านสุ่มคัดลอกทักษะเล่นไพ่นกกระจอกระดับปรมาจารย์จากเป้าหมาย เนื่องจากท่านไม่มีทักษะที่เกี่ยวข้องในระดับสูง จึงสามารถเรียนรู้ทักษะได้ถึงระดับสูงเท่านั้น ต้องการเรียนรู้เลยหรือไม่]
เริ่นเสี่ยวซู่หันขวับมองอันอวี้เฉียน มีทักษะเล่นไพ่นกกระจอกระดับปรมาจารย์แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังเสียเงินอยู่ได้ทุกวี่วันเนี่ย มันต้องมีอะไรไม่ถูกแล้ว! มีคนหลอกเขา? ฝ่ายตรงข้ามเล่นโกง?
อันอวี้เฉียนสัมผัสได้ถึงสายตาจ้องมองของเริ่นเสี่ยวซู่ “มองอะไร”
“อ้อ เปล่าๆ” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบกลับพระราชวังในห้วงจิต “เรียนรู้เลย”
ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ใกล้หายบาดเจ็บร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ตราบใดที่ไม่ออกแรงอย่างหนัก เขาก็จะไม่เป็นไร ตอนนี้ขยับตัวไปไหนมาไหนโดยไม่มีอาการเจ็บปวดแล้ว
ในที่สุดเขาก็จะได้เรียนวิชาต่อสู้ เขาล่ะสงสัยจริงๆ ว่าหยางเสียวจิ่นจะหาใครมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา
หยางเสียวจิ่นให้ที่อยู่ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องสมุดนักให้เขามา ถ้ารู้สึกว่าอาการใกล้หายดีแล้วก็ไปที่นั่นได้เลย ที่นั่นมีสำนักศิลปะการต่อสู้อยู่
ระหว่างวันเขาก็จะใช้เวลาอยู่ในห้องสมุด ตอนเย็นก็จะไปไปสำนักศิลปะการต่อสู้ ชีวิตเริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยได้อิ่มเอิบขนาดนี้มาก่อน
เขาไปยังสถานที่ตามที่อยู่ที่หยางเสียวจิ่นให้มา ดูเหมือนว่าสำนักศิลปะการต่อสู้นี้จะอยู่ในตรอกขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
“ตรอกหนานเกิง จัดไป!” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
มันเป็นตรอกเล็กๆ จริงๆ เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าใครจะมาเปิดสำนักศิลปะการต่อสู้ที่นี่ก็มีแต่จะเสียเงิน ค่าน้ำค่าไฟยังไม่มีจ่ายเลยกระมัง
แต่พอเขาเข้าไปถึงสำนักศิลปะการต่อสู้แล้ว เริ่นเสี่ยวซู่แปลกใจที่เห็นนักเรียนข้างในไม่น้อย นักเรียนหลายสิบคนกำลังยืนอยู่บนลานขนาดสองร้อยตารางเมตรนิดๆ พ่อแม่หลายคนมารอรับลูกหลังคาบเรียนศิลปะการต่อสู้จบ
พอมองเข้าไป เขาก็แปลกใจที่ป้ายสำนักกับกรอบประตูสลักมาจากไม้ ดูแล้วน่าจะอายุมากทีเดียว น้ำฝนกัดเซาะผิวไม้จนเป็นคราบขาว
เขาเห็นคำว่า ‘ตระกูลลู่’ เขียนอยู่บนป้าย
เริ่นเสี่ยวซู่เกิดสงสัยขึ้นมาว่าตนเองน่าจะรู้จักกับเจ้าของของสำนักนี้ เขาเข้าไปถามครูฝึกว่า “สวัสดีครับ ผมมาหาเจ้าสำนักของที่นี่…”
แต่ครูฝึกตะโกนเข้าไปข้างในเสียงดังลั่น “เหล่าลู่ มีคนมาหา!”
ลู่หย่วนเดินออกมา พอเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ยิ้มอย่างใจดี “เข้ามาเร็ว ไม่เจอกันนานนะ!”
พวกนักเรียนที่อยู่หน้าทางเข้าตะลึง ตอนพวกเขาเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ก่อนหน้านี้ก็นึกว่าเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา ไม่คิดเลยว่าลู่หย่วนจะออกมาพบหน้าเขาด้วยตัวเองแบบนี้