the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 251 พืชคลั่ง!
เริ่นเสี่ยวซู่นั่งยองๆ อยู่บนพื้น พายุหิมะพัดถาโถม แต่เขากลับไม่ยี่หระเพราะกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกลงไป
หลังปลูกเถาหนามเสร็จ เริ่นเสี่ยวซู่ก็แลกมาอีกห้าเมล็ด
ในช่องของตู้หยอดเหรียญมีเมล็ดพันธุ์สิบกว่าแบบ แต่หลังจากหยอดเหรียญคำขอบคุณลงไป เขาก็ได้เถาหนามมาอีกสี่เมล็ด และก็เมล็ดพันธุ์สีกากีอีกหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเมล็ดพันธุ์พวกนี้จะคล้ายๆ ไพ่ระเบิดที่เขามี ตอนที่เขาแลกไพ่ระเบิด ไพ่สามกับสี่นั้นจะออกมาจากเครื่องหยอดเหรียญบ่อยมาก และมีโอกาสออกไพ่ห้าหรือสองเป็นครั้งคราว แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่เคยเห็นเลขมากกว่านั้นเลย[1]
เจ้าเถาหนามมีพฤติกรรมดุร้ายมาก เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าถ้าผู้มีพลังพิเศษหลุดเข้ามาในเขตโจมตีของมัน คงมีเพียงหยิบมือที่รอดไปได้ เริ่นเสี่ยวซู่จึงพอใจกับสินค้าใหม่นี้มากทีเดียว
แล้วเมล็ดพันธุ์สีกากีทำอะไรได้ล่ะ
พอปลูกลงไปแล้ว มันก็งอกช้ากว่ามาก กว่าหน่อเขียวจะผลิออกมาจากพื้นก็สิบนาทีให้หลัง
เขาเห็นหน่อผลิออกมาแล้ว แต่ถึง ณ จุดๆ นี้มันก็ดูไม่มีความพิเศษอะไร
วินาทีต่อมา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ต้องตะลึง เขาเห็นรูปทรงเหนือตัวต้นก่อตัวเป็นกระเปาะ จิตสำนึกเชื่อมต่อกับมัน
พอเริ่นเสี่ยวซู่ตั้งสมาธิ มันฝรั่งขนาดเท่ากำปั้นยิงออกมาจากกระเปาะของต้นพืช อย่างกับยิงกระสุนปืนใหญ่แน่ะ
นี่มัน…เครื่องยิงมันฝรั่ง!
เชี่ยไรเนี่ย! เริ่นเสี่ยวซู่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเชื่อมจิตสำนึกอยู่จึงเข้าใจแล้วว่าเจ้าต้นนี้ทำงานอย่างไร กลับกลายเป็นว่าเป็นต้นพืชปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่สามารถยิงมันฝรั่งออกมาได้วันละสามสิบหัว
เริ่นเสี่ยวซูรู้สึกว่ามันช่างไร้ประโยชน์จนไม่อาจไร้ประโยชน์ไปได้มากกว่านี้ ปืนไรเฟิลอัตโนมัติอื่นๆ น่าจะทรงพลังมากกว่าเจ้านี้อยู่แล้ว ปืนนอกจากจะยิงได้เร็วกว่า ยังแรงกว่าด้วย
ดูเหมือนว่านอกจากมีไว้เตือนภัยแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีอีก
แถมพ่นมันฝรั่งออกมาแบบนั้นไม่น่าเสียดายเหรอ อาหารทั้งนั้นนะ!
เริ่นเสี่ยวซู่หันขวับมองเครื่องยิงมันฝรั่ง พ่นมันฝรั่งออกมาซิ
เครื่องยิงมันฝั่งพ่นมันฝรั่งอีกยี่สิบเก้าหัวที่อยู่ใต้พื้นออกมา เริ่นเสี่ยวซู่เลียปาก “เครื่องผลิตอาหารความเร็วสูง แจ่มเหมือนกันนะเนี่ย คืนนี้พวกเรามีมันฝรั่งให้กินกันแล้ว”
แม้กระทั่งพระราชวังคงไม่นึกว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะเอาพืชโจมตีมาใช้ต่างพืชอาหารแบบนี้
แต่ทันใดได้นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงย่ำหิมะ เริ่นเสี่ยวซู่ระวังตัวขึ้นมาทันที มีคนเดินออกมาจากฝั่งตรงข้าม!
ตอนนี้ทหารธรรมดาของสมาคมตระกูลหลี่ที่เหลือกำลังประจำการณ์อยู่แนวหน้าที่เขาเฟิ่งอี๋ ทหารธรรมดาจู่ๆ จะขึ้นเขามาแบบนี้ได้อย่างไร ทุกคงต้องใช้ถนนเส้นหลักเดินทางกันอยู่แล้ว มีแต่กองกำลังพิเศษอย่างกองพันเทพยนต์เท่านั้นที่จะเดินทางผ่านป่าเขาแม่น้ำ
มาจากกองพันเทพยนต์อย่างนั้นเหรอ แต่พวกเขามาจากทางฝั่งตรงข้ามนะ
เช่นนั้นก็…ต้องเป็นศัตรู!
เริ่นเสี่ยวซู่ลอบถอย ใช้ปลายเท้าย่ำบนหิมะไม่ให้เกิดเสียง
เขาถอยไปไกล และซ่อนตัวอยู่หลังไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ศัตรูไม่น่าเป็นกลุ่มใหญ่ น่าจะเป็นเพียงทหารลาดตระเวนมากกว่า แต่ไม่รู้ว่ามาจากสมาคมตระกูลชิ่งหรือหยาง
ขณะนั้นทหารสามสิบนายเดินแถวเดี่ยวตอนลึกมาอย่างระมัดระวังกลางหิมะ พวกเขาผลัดกันนำหน้าสร้างทางหิมะเหมือนกับพวกหมาป่า
เริ่นเสี่ยวซู่รอพวกเขาเข้ามาในเขตเถาหนาม แบบนี้เขาจะได้ดูด้วยว่าเจ้าเถาหนามนี้ทำงานอย่างไร
แต่ศัตรูเองก็ไหวพริบดีไม่น้อย ตอนเขาหาที่ซ่อนตัว หิมะตกไม่หนักพอจะทันกลบรอยเท้าของเริ่นเสี่ยวซู่ ดังนั้นกลุ่มทหารลาดตระเวนหยุดลงทันทีที่เห็นรอยเท้า
ทั้งหน่วยแยกออกเป็นรูปพัด คอยตรึงสถานการณ์รอบๆ ไว้
“ระวังด้วย มีคนเพิ่งผ่านทางมา!”
“ดูจากรอยเท้าแล้ว พวกเขาต้องหลบหนีหลังได้ยินเสียงเท้าเราแน่”
“แผนการพวกเรารั่วไหลงั้นเหรอ”
“ยังไม่แน่ แต่ดูจากร่อยรอยแล้ว น่าจะมีแค่คนเดียว!”
เริ่นเสี่ยวซู่ผิดหวังอยู่บ้าง แค่ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ก็จะเข้าเขตโจมตีของเจ้าเถาหนามแล้ว
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็ตาทอประกาย เถาหนามประจำที่อย่างตายตัว แต่เครื่องยิงมันฝรั่งยังโจมตีได้อยู่นี่!
เริ่นเสี่ยวซู่เพ่งสมาธิ สั่งให้เครื่องยิงมันฝรั่งโจมตีลองทดสอบพลังทำลายล้างดูเสียหน่อย ทว่ามันกลับไม่มีอะไรตอบสนองมา
เครื่องยิงปลอมหรือไงฟะ ทำไมมันไม่ยิงหัวมันฝรั่งออกมาล่ะ
อ้อใช่ เขาเก็บมันฝรั่งเข้ากระเป๋าสะพายหลังหมดแล้วนี่หว่า ดังนั้นไอ้ที่ผิดน่ะไม่ใช่เครื่องยิงมันฝรั่งหรอก…
หลังจากมองจากไกลๆ เริ่นเสี่ยวซู่ก็มั่นใจแล้วว่าพวกเขาเป็นทหารจากสมาคมตระกูลชิ่ง ถึงเขาค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าอ้วนหลัว แต่ถ้าเจอกันบนสนามรบ พวกเขาคงไม่มีทางยั้งมือกัน สงครามก็คือสงคราม
อีกอย่างไม่ใช่ว่าชิ่งเจิ่นกับหลัวหลานตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ในบ้านหรอกเหรอ ดังนั้นทหารพวกนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาหรอกมั้ง
ทันใดนั้นกองกำลังสมาคมตระกูลชิ่งก็เปิดไฟฉายหน้าปืนไรเฟิล แสงไฟฉายไปยังพื้นหิมะ พวกเขาตามรอยเท้าของเริ่นเสี่ยวซู่จนมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่เขาซ่อนตัวอยู่
ชั้นหิมะหนายากจะปิดบังรอยเท้า นอกเสียจากว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะบินได้
พูดตามจริง เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าทหารสมาคมตระกูลชิ่งจะระแวดระวังอะไรขนาดนั้น พวกเขามองหน้ากันแล้วว่า “ยืนยัน หนึ่งคนจริง”
“อย่าให้เขาหนีไปรายงานร่องรอยเราได้” หัวหน้าหน่วยพูดเสียงนิ่ง ถ้ามั่นใจแล้วว่าเป้าหมายมีคนเดียว ก็รับมือง่ายแล้ว
“อย่าเพิ่งยิง แถวนี้ต้องมีทหารอื่นอยู่แน่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ จะมีผู้อพยพโผล่มาได้ด้วย พวกเราคงกำลังเผชิญกับทหารนาโนแมชชีนของกองพันเทพยนต์อยู่”
ทหารของสมาคมตระกูลชิ่งวิเคราะห์ตัวตนและเป้าหมายของเริ่นเสี่ยวซู่ พวกเขาจะได้ตัดสินใจถูกว่าควรทำอะไรต่อ
พวกเขามาที่นี่เพราะได้รับข้อมูลว่าหลังจากกองพันเทพยนต์เคลื่อนตัวมาทางนี้ไม่นาน ร่องรอยพวกเขาก็หายวับไป พวกเขาจึงคิดว่าศัตรูน่าจะอยู่ในป่าเขา
ระหว่างที่คุยกันนั้น ก็มีคนใส่ที่เก็บเสียงเข้ากับตัวปืน ในฐานะพลลาดตระเวน เขาไม่อาจทำให้ศัตรูรู้ตัวได้ การต่อสู้นี้ต้องทั้งเงียบงันและจบลงอย่างรวดเร็ว
“เคลื่อนตัวได้!” หัวหน้าหน่วยว่า “รูปขบวนเคลื่อนตัวแบบจู่โจม”
ปกติแล้วพลลาดตระเวนจะใช้งานแค่สามขบวนรบ หนึ่งคือรูปแบบการเคลื่อนตัวแบบพื้นฐาน โดยทั้งหน่วยจะเคลื่อนไหวเป็นแถวเดี่ยว คนนำจะยกปืนเล็งข้างหน้าด้วยความระวังเต็มพิกัด ส่วนที่เหลือข้างหลังจะคอยเล็งปืนปีกซ้ายขวา อีกขบวนรบหนึ่งคือเคลื่อนตัวแบบป้องกัน โดยจะมีทหารคนหนึ่งป้องกันหลังด้วยการเล็งปืนไปยังฝั่งตรงข้ามเผื่อไว้
ขณะที่รูปขบวนเคลื่อนตัวแบบจู่โจมนั้นทั้งหน่วยจะเคลื่อนตัวให้เหลื่อมกัน ทหารนายแรก สอง สาม จะเล็งยิงไปข้างหน้าด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบ โดยทหารนายที่สองและสาม จะยืนเหลื่อมซ้ายขวาหลังทหารนายแรก คอยยิงคุ้มกันให้เขา
[1] ไพ่โป๊กเกอร์จะเรียงค่าน้อยไปมากดังนี้ 3 4 5 6 7 8 9 10 11(J) 12(M) 13(Q) 1(A) 2