the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 340 เธอเป็ นของฉันแล้ว
แค่โจรยี่สิบกว่านายพอที่จะข่มขู่ผู้อพยพหลายร ้อยคน เริ่นเสี่ยว ซู่ไม่เห็นผู้อพยพคนไหนคิดจะต่อต้านอะไรเลย
หัวหน้าโจรนามจินเหลียนพูดไม่หยุด “พวกนายไม่ต้องกลัวไป ฉัน จินเหลียน เคยเรียนอยู่ในโรงเรียนประจ าเมืองน้อยอยู่สองปี ไม่ใช่คนเถื่อนที่ฆ่าคนไม่กะพริบตา ฉันไม่ทาอะไรแย่ๆ กับพวกนาย หรอก”
คนข้างๆ เขาพูดยกยอ “ใช่แล้วๆ หัวหน้าเราฉลาดเฉลียว พวก โจรจากกลุ่มอื่นเทียบกับเขาไม่ได้เลย”
จินเหลียนยิ้มถ่อมตัว “พูดเกินไปน่า แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันกาลัง พาพวกนายทุกคนกลับเขาเพื่อพาทุกคนไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ดูสิว่าแต่ ละคนผอมแห้งกันขนาดไหน โดยเฉพาะนายคนนั้นน่ะ!” เขาชี้ไปที่ เริ่นเสี่ยวซู่ “ดูสิผอมแห้งแค่ไหน ใบหน้าแห้งกรอบซีดเซียว อย่างกับ ไม่มีแรงเหลือแล้วในตัวงั้นแหละ”
เริ่นเสี่ยวซู่อึ้งไปพักใหญ่ เขาก้มมองร่างกายตัวเองแล้วก็เห็นว่า ตั้งแต่แต้มพละกาลังและความคล่องแคล่วอยู่จุดสมดุลกันก็ทาให้เขา ดูน้าหนักลดลงไปอยู่บ้าง
หยางเสียวจิ่นที่อยู่ข้างๆ หัวเราะอย่างกับเพิ่งได้ยินเรื่องตลก
จินเหลียนไม่สนใจอากัปกริยาของเริ่นเสี่ยวซู่และพล่ามต่อ “รู ้ หรือเปล่าว่าทางเหนือนี่สู้รบกันดุเดือดขนาดไหน ฉันไม่รู ้หรอกว่า กองกาลังพวกนั้นมาจากไหน แต่ว่าการสู้รบนับวันมีแต่จะดุเดือดขึ้น พวกนายต้องติดตามฉันมาถึงจะรอดได้ เข้าใจไหม”
เริ่นเสี่ยวซู่มองหยางเสียวจิ่นอย่างพูดอะไรไม่ออก โจรยี่สิบกว่า คนพาพวกเขาเดินทางสิบกว่ากิโลเมตรจนถึงค่ายโจรในที่สุด
ค่ายนี้ดูเรียบง่ายหยาบโลนสุดๆ เป็ นแค่พื้นที่ว่างเปล่าบนภูเขาที่ มีรั้วไม้ล้อม ในค่ายมีบ้านดินอยู่จานวนหนึ่ง บนหลังคามีรูโหว่เบ่อเริ่ม
นอกจากปืนและกระสุนใหม่เอี่ยมแล้ว ที่เหลือโกโรโกโสจัดเลย!
เริ่นเสี่ยวซู่พอนึกภาพออกเลยว่าก่อนสมาคมตระกูลชิ่งมา สนับสนุนนั้นมีสภาพเวทนาขนาดไหน
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว พวกเขาถึงกับมีรถจักรยานยนต์ ใหม่เอี่ยมอยู่หลายสิบคันจอดอยู่ในพื้นที่โล่งของค่าย ข้าง รถจักรยานยนต์มีถังน้ามันสีเขียวหลายสิบถังและกล่องกระสุนอยู่ หลายกล่อง
ข้างๆ ถังน้ามันมีกระสุนกับลูกระเบิด ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมาล่ะก็ บนเขานี้คงราบเป็ นหน้ากลองในชั่วพริบตา
เห็นแบบนี้แล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็ใจไม่ดีอยู่หน่อยๆ เขาไม่ได้อยากตาย เพราะความโง่ของพวกโจรหรอกนะ แบบนั้นมันอยุติธรรมไปหน่อย…
หลังจากนั้นเขาก็เห็นพวกโจรที่เพิ่งกลับมาค่ายเริ่มทาอาหารกัน ซึ่งอยู่ห่างบรรดาถังน้ามันไปสิบเมตร
เริ่นเสี่ยวซู่ขนลุกซู่ เขาพึมพากับหยางเสียวจิ่น “ถ้ากลุ่มอื่นมา โจมตี พวกเขาคงไม่รู ้เลยมั้งว่าตายยังไง โจรโง่ขนาดนี้สมาคมตระกูล จงยังปราบไม่ได้อีกเหรอ!”
แต่พูดแล้วเขาก็มองดูสภาพน่าสังเวชของกลุ่มโจรของจิน เหลียน และก็นึกได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็ นกลุ่มโจรที่อ่อนแอที่สุดในทั่ว ทั้งหุบเขาแล้ว พวกเขาไม่รู ้ด้วยซ้าว่าตัวเองจะรอดไปจนถึงอาหารมื้อ หน้าหรือเปล่า
จินเหลียนพลันเอ่ย “ถ้าพวกนายพร ้อมจะติดตามฉันสู้ ก็เข้าไป หยิบปืนจากตรงนั้นได้เลย นี่เป็ นโอกาสเดียวของพวกนายแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงพรึงเพริด เจ้านี่ครอบครองภูเขาส่วนนี ้ได้ยังไง เนี่ย ไม่กลัวว่าพวกผู้อพยพหยิบปืนปุ๊ บก็หันมาฆ่าเขาเอาเหรอ!
แต่ว่ามีเรื่องที่ทาให้เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงกว่าอีก ผู้อพยพชายสามสิบ สามคนเดินเข้าไปหยิบปืนในที่สุด หลังจากหยิบปืนมาแล้ว พวกเขาก็ นั่งนิ่งแข็งทื่อบนพื้น และปล่อยให้จินเหลียนสอนพวกเขาไป
ไม่มีความคิดจะต่อต้านแม้แต่นิด!
ผู้อพยพเหล่านี้ถูกสอนให้ก้มหัวฟังคาสั่งตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ทาตาม คาสั่งขึ้นมาก็จะถูกลงโทษ พวกเขาไม่มีความกล้าจะขัดขืนสมาคม
รู ้จักแต่ว่าตั้งรกรากในภูเขาลูกไหนก็ทาตามคาสั่งภูเขาลูกนั้น เป็ น กมลสันดานที่ถูกบีบมาจากภาพแวดล้อมอันยากแค้น
ทันใดนั้นลูกน้องของจินเหลียนคนหนึ่งก็เดินมาเริ่นเสี่ยวซู่ พอ เขาเห็นหยางเสียวจิ่นก็ตาค้างไป ถึงหยางเสียวจิ่นตั้งใจเอาดินทา หน้าตัวเอง ก็ยังยากที่จะปิดบังใบหน้าอันสวยสดของเธออยู่ดี
เจ้าโจรพูดอย่างตื่นเต้น “สาวคนนี้หน้าตาแจ่มว้าว ถ้าล้างหน้า ให้สะอาดต้องสวยมากแน่ เธอเป็ นของฉันแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่ฟังแล้วก็ถอนหายใจ โจรอย่างไรก็เป็ นโจรอยู่บ้างยัง ค่า เขาว่า “ขอแทรกนิดหนึ่งนะ”
ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ระเบิดโทสะ ต่อยเข้าที่ซี่โครงขวาขณะที่ เจ้าโจรไม่ทันตั้งตัวจนหน้าอกยุบเข้าไป
คนรอบตัวเขาตะลึง ที่บอกว่าขอแทรกนี่ขอแทรกจริงจัง! แทรก เข้าไปในกระดูกซี่โครงแบบนั้นเลย ขอแทรกจริงๆ ด้วย!
จินเหลียนและคนอื่นๆ กาลังก่อกองไฟกันอยู่ ตะลึงพรึงเพริดกับ ภาพที่เห็น พวกเขาเตรียมจะคว้าปืนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาป้ องกันตัว
แต่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ยังเคลื่อนไหวต่อ ก่อนที่จินเหลียนจะทันคว้าถึง ปืน เริ่นเสี่ยวซู่ก็โผล่มาตวัดเตะเข้าที่หน้าเขาแล้ว!
จินเหลียนพยายามเอนหลบไปข้างหลังหลบตามสันชาตญาณ ซึ่งการทาเช่นนี้ช่วยทาให้เขารอดตายได้พอดี แต่กระนั้นก็ยังสมองก็ ยังอื้ออึงไปหมด
เสียงยิงปืนดังขึ้น หยางเสียวจิ่นยกปืนพกกระบอกเล็กขึ้นมายิง คุ้มกันเริ่นเสี่ยวซู่ โจรที่จับปืนขึ้นมาได้แล้ว มือพลันเกิดอาการชาวูบ ข้อมือข้างที่หยิบปืนเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ผู้อพยพรอบๆ กาลังตะลึงงัน คู่รักที่เพิ่งเข้าร่วมกับพวกเขาเป็ น ใครกันแน่
โจรที่ฉลาดหน่อยคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ท่านผู้มีพลังพิเศษ ละ เว้นชีวิตผมด้วย!”
พละกาลังและความเร็วที่เริ่นเสี่ยวซู่แสดงออกมาเหนือกว่ามนุษย์ ธรรมดาเกินไปแล้ว พวกโจรไม่ได้โง่งม รู ้ทันทีว่าก าลังเผชิญกับอะไร อยู่
ส่วนฝีมือการยิงปืนของหยางเสียวจิ่นก็น่าตกตะลึงไม่ต่าง
จินเหลียนคุกเข่าด้วยสมองที่อื้ออึงไม่หาย เลือดกาเดาไหลไม่ หยุด “ท่านครับ โปรดละเว้นชีวิตผมด้วย ล้วนเป็ นการเข้าใจผิดกัน! พวกเราไม่ได้เป็ นโจรมานานเท่าไร และก็ไม่เคยฆ่าคนด้วย!”
เริ่นเสี่ยวซู่มองไปรอบๆ และก็เห็นพวกไม่เอาถ่านต่างคุกเข่าลง กับพื้น พวกเขาถึงกับโยนปื นออกไปจากตัวตามจิตใต้สำนึก
ด้วย เป็ นโจรประสาอะไรวะเนี่ย ท าไมไม่มีคราบความโหดร ้ายสักนิด เลย
เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้วใส่จินเหลียน “นายมาเป็ นโจรได้ยังไง”
จินเหลียนแทบจะร ้องไห้อยู่ร่อมรอขณะเช็ดเลือดก าเดา “พวก เราเคยเป็ นชาวนาจากเขาถังหวัง แต่มีคนมาหาเราและบอกว่าให้ กลายเป็ นโจร จากนั้นก็มอบปืน รถจักรยานยนต์ อาหารให้ พวกเรา ขึ้นเขามาเป็ นโจรกัน ตอนนี้เป็ นโจรกันมาได้สองเดือนแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน สมาคมตระกูลชิ่งต้องการทา อะไรอยู่เนี่ย
จินเหลียนมองเริ่นเสี่ยวซู่และว่า “พี่ใหญ่ ต่อแต่นี้ไปพี่ใหญ่คือเจ้า ภูเขาลูกนี้แล้ว ฉันหวังว่าพี่จะนาเราไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้!”
“ไม่ เดี๋ยวก่อนนะ” เริ่นเสี่ยวซู่ปิดหน้า “พูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย”
จินเหลียนยิ้มประจบ “พี่ใหญ่ไม่รู ้สินะ ที่กลุ่มโจรทางเหนือน่า กลัวก็เพราะมีหัวหน้าเป็ นผู้มีพลังพิเศษนี่แหละ ในเมื่อพี่ใหญ่เป็ นผู้มี พลังพิเศษ ย่อมเก่งกาจกว่าเขาและทรงพลังกว่าเขาแน่!”