the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 339 โจรเย่อหยิ่งผยอง
ในนิคมผู้อพยพขนาดเล็กนี้มีคนอยู่ไม่กี่ร ้อย เริ่นเสี่ยวซู่มองเด็ก วิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านถ้าไกลๆ ดูแล้วนิคมขนาดเล็กนี้น่าจะถูกตั้งมาได้ ไม่นานนัก
ในหุบเขามีแม่น้าหลายสาย เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าตามริมแม่น้าน่าจะ เขียวขจี แต่หุบเขานี้ไม่ได้เป็ นเช่นนั้น
พื้นส่วนใหญ่ที่นี่เป็ นดินทราย เมื่อแม่น้าตัดผ่าน ก็จะพัดพาดิน ทรายจากริ่มตลิ่งทั้งสองฝั่งไปด้วย บางทีหลายปี หลังจากนี้ แม่น้า น่าจะแห้งขอดหรือเปลี่ยนเส้นทางไหลไป เกิดเป็ นร่องรอยลักษณะ คล้ายบาดแผลไว้ตามพื้นดินในหุบเขา
เมื่อข้ามตรงนี้ไป ก็จะเห็นลักษณะร่องรอยเหมือนถูกสายแม่น้า กรีดไว้
อาณาบริเวณที่ผู้อพยพตั้งนิคมเป็ นพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ เหมาะกับการท าเกษตรกรรม
เริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่งกะจะอยู่ที่นี่กับผู้อพยพอีกพักหนึ่ง เพื่อทาความเข้าใจการเคลื่อนไหวของพวกโจรในพื้นที่ให้มากกว่านี้
ขณะคุยกันอยู่ก็มีเมฆฝุ่ นขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาจากไกลๆ มองดู แล้วอาจจะเข้าใจว่าเป็ นพายุทะเลทราย
หญิงชราพูดอย่างเป็ นกังวล “ท าไมพวกเขามาอีกแล้วล่ะ เป็ น กลุ่มไหนกันนะที่นี่”
เริ่นเสี่ยวซู่ “พวกโจร?”
“ใช่ เมฆฝุ่นนั่นมาจากรถจักรยานยนต์” หญิงชราว่า วิ่งไปที่บ้าน ถ้าและตะโกน “พาพวกเด็กๆ เข้าบ้าน”
แต่พวกโจรเข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นรถจักรยานยนต์ ขับทะยานมาดั่งอสูรตัวโต เสียงเครื่องยนต์ดั่งกระหึมราวเสียงคาราม ของสัตว์ร้าย
ภาพนี้ดูดุดันป่าเถื่อนนัก
ผู้อพยพได้ยินเสียงร ้องตื่นเต้นของโจรมาแต่ไกล พอพวกเขา เห็นผู้อพยพก็เหมือนได้เจอเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
เริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่นสบตากันก่อนจะแฝงตัวกลืนเข้าไป ในหมู่ผู้อพยพ พวกเขาอยากส ารวจสถานการณ์ก่อน
พวกผู้อพยพดูจะรับมือกับประสบการณ์เช่นนี้บ่อยแล้ว หลังจาก พาเด็กๆ ไปซ่อนตัว พวกเขาก็เรียงแถวบนพื้นราบราวกาลังต้อนรับ นายทหาร ต่างเพียงแถวดูบิดเบี้ยว สีหน้าทุกคนแตกต่างกันออกไป
เริ่นเสี่ยวซู่ลองนับดู และก็พบว่าโจรกลุ่มนี้มีคนมากกว่ายี่สิบนาย กลุ่มขนาดนี้ไม่นับว่าเป็ นกลุ่มที่ทรงอานาจอะไรในหุบเขา แต่ไม่รู ้ที่รัง โจรยังมีอีกมายน้อยเพียงไร
กลุ่มโจรขับรถจักรยานยนต์มาวนรอบผู้อพยพและค ารามร ้องไป ด้วย ทาเช่นนี้ก็เพื่องแสดงอานาจของพวกเขา ยิ่งขับวนไป วงล้อมก็ เล็กขึ้นเรื่อยๆ ผู้อพยพเกาะกลุ่มกันด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเห็นว่าผู้อพยพกาลังหวั่นผวา พวกโจรก็ค่อยๆ หยุดรถ โจร คนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถจักรยานยนต์ ลดผ้าพันคอที่ปิดปากลง และว่า “พวกนายทาการเกษตรอยู่นี่ใช่ไหม”
“ใช่ๆๆ” ผู้อพยพหนึ่งพูดอย่างหวาดกลัว “พวกเราทาไร่ทานาที่นี่ มาหลายปีแล้ว!”
“ทาไร่ทานามันสนุกตรงไหน” โจรว่าก่อนถมน้าลายเปื้อนทราย ลงกับพื้น จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “ฉันเห็นผู้ชายอยู่บ้างนี่ เกิดเป็ นชาย ต้องทาการยิ่งใหญ่สิ เรียกตัวเองว่าเป็ นผู้ชายได้ยังไงถ้ายังทาสวนทา ไร่อย่างขี้ขลาดทุกวันแบบนี้”
“ถ้าไม่ทาไร่ทานาแล้วพวกเราจะเอาอะไรกิน” ผู้อพยพคนหนึ่ง ก้มหัวพูด “พวกเราแค่อยากเลี้ยงปากท้อง”
“จากวันนี้ไป พวกนายคือลูกน้องฉัน” หลังจากตบหน้าผู้อพยพ ตรงหน้าเบาๆ แล้ว หัวหน้าโจรก็ว่า “ตามฉันมาแล้วจะมีเนื้อให้กินมี เหล้าให้ดื่ม ในอดีตพวกสมาคมนั่นเอาแต่รังแกพวกนาย เข้าร่วมกับ ฉันแล้วในอนาคตจะเป็ นตาที่พวกเรารังแกพวกมันบ้าง!”
เริ่นเสี่ยวซู่สารวจมองพวกเขาและก็นึกถึงสิ่งที่หยางเสียวจิ่นว่า มี ความเป็ นได้ถึงแปดสิบเปอร ์เซ็นต์ว่านี่เป็ นรถจักรยานยนต์ใหม่ พวก ปืนกลเบาในมือพวกเขาใหม่ยิ่งกว่ารถจักรยานยนต์เสียอีก ดูแล้ว ชัดเจนเลยว่าเพิ่งเปลี่ยนอุปกรณ์มา
ที่น่าตลกกว่านั้นคือมีคนมากมายที่ข้างหลังยังแบกปืนกันอีกคน ละสองกระบอก ราวกับว่ามีปืนเยอะจัดและไม่รู ้จะเอาไปใช ้ที่ไหน
พวกโจรอาจจะเกิดความมั่นใจมากกว่าเดิมเพราะมีอาวุธใหม่ มี คนยี่สิบกว่าก็กล้าพูดเขืองโข่ว่าจะไปรังแกพวกสมาคมเสียแล้ว!
พอพวกผู้อพยพได้ยินว่าคนพวกนี้จะประกาศสงครามกับสมาคม ก็หวาดกลัวกว่าเดิม “พวกเราไม่อยากสู้กับพวกสมาคม พวกเราท า เป็ นแต่ท าไร่ท านา”
หัวหน้าโจรหน้าเปลี่ยนสี “ต่อให้ไม่อยากสู้ก็ต้องสู้ พี่น้องเรา มัด ตัวพวกเขาและพากลับไป!”
เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึง กลับกลายเป็ นว่าพวกเขามาลักพาตัวคน อาจจะ เป็ นเพราะว่ามีปืนมากเกินไป มากเกินกว่าจ านวนคนในกลุ่ม
คนพวกนี้รู ้วิธีขยับขยายกองกาลัง
นี่น่าจะต้องเกี่ยวกับการขัดแย้งภายในของเหล่าโจรในภาคเหนือ แน่ ทั้งหุบเขาตกอยู่ในความวุ่นวาย ทุกคนเริ่มหนีแยกออกจาก ‘กฎเกณฑ์’!
“พวกเราจะไปกับพวกเขาด้วยไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถามเสียงเบา
“ควรไป” หยางเสียวจิ่นตอบ “แบบนี้จะทาให้เราเข้าใจ สถานการณ์ในหุบเขากว่าเดิม อีกอย่างพวกเขามีกันแค่ราวๆ ยี่สิบ กว่าคน ถ้าพวกเราอยากจะหนี พวกเขาก็รั้งตัวพวกเราไม่ได้หรอก”
“งั้นจัดการพวกโจรที่นี่ไปเลยไหมล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่พึมพา
มีโจรชี้ปืนมาแบบนี้ พวกผู้อพยพได้แต่กลับบ้านถ้าและพาพวก เด็กๆ ไปด้วย จากนั้นก็เริ่มเดินทางขึ้นเหนือกัน
หัวหน้าโจรขับรถจักรยานยนต์อยู่ข้างกลุ่มผู้อพยพ เขาตะโกน อย่างภาคภูมิใจผ่าเสียงเครื่องยนต์หนวกหู “อย่ามองว่าฉัน จิน เหลียน เป็ นพวกเผด็จการเลยนะ แต่เพราะพวกนายอาศัยอยู่เขต นอกสุดของหุบเขาเลยอาจจะไม่รู ้สถานการณ์ในนั้น คนในนิคมทาง เหนือล้วนถูกกลุ่มภูเขาอื่นๆ พาตัวกันไปหมดแล้ว ต่อให้วันนี้ฉันไม่ พาพวกนายไป คนอื่นๆ ก็จะมาพาตัวพวกนายไปในวันอื่นอยู่ดี”
“แต่พวกเราสู้ไม่เป็ น” ผู้อพยพพูดอย่างหวาดหวั่น
“ไหนใครสู้ไม่เป็ น ฉันให้ปื นพวกนาย แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง กระสุน แค่ยิงอย่างเดียว! และก็ถ้าไม่อยากสู้ ก็มีวิธีช่วยอื่นๆ อีก” จิน เหลียนหัวเราะลั่น
ไม่มีใครรู ้ว่าวิธีอื่นที่จินเหลียนว่าคืออะไร แต่ดูจากค าพูดเขาแล้ว ก็ทาให้เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจในข้อสงสัยของตน ดูเหมือนว่าพวกเขาจับ คนพวกนี้ไปเพราะมีปืนและกระสุนเหลือเฟือเหลือกินเกินไป
เริ่นเสี่ยวซู่สงสัยจริงๆ ว่าชิ่งเจิ่นกับพรรคพวกหว่านอาวุธ มหาศาลขนาดไหนลงมาที่นี่ แล้วทาไมทั้งหุบเขาถึงตกอยู่ในความ โกลาหลได้
ถ้าเป็ นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตคนมากมายในหุบเขาคงได้ดับสิ้นไป
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งล่าผู้อ่อนแอ เป็ นเช่นนี้มาตั้งแต่ โบราณกาล
เมื่อสงครามจบลง กลัวว่าทั้งหุบเขาและแม่น้าจะรวมเป็ นหนึ่ง ให้ กาเนิดเป็ นพรรคโจรทรงอานาจยิ่งกว่า
นั่นคือเป้ าหมายของชิ่งเจิ่นอย่างนั้นเหรอ ฆ่าล้างใหญ่โตเพื่อ ชาระ ‘มลทิน’ ในหุบเขา รวบรวมกลุ่มโจรในพื้นที่ให้กลายเป็ นหนึ่ง เดียว? จากนั้นก็ยึดครองอานาจนั้นมาไว้ในกามือ? ทุกอย่างที่ต้องทา ก็แค่ลงทุนปืนกับกระสุนนิดหน่อยให้พวกโจรเย่อหยิ่งผยอง
ถึงปืนไรเฟิลอัตโนมัติจะเป็ นของชอบในหมู่โจร แต่เหล่าสมาคม รู ้ดีว่าปืนและกระสุนพวกนี้ไม่นับว่าเป็ นอะไรได้
ถึงจะไม่มีหลักฐาน เริ่นเสี่ยวซู่ก็มั่นใจว่าชิ่งเจิ่นอยู่เบื้องหลังเรื่อง นี้ นอกจากเขาแล้วไม่น่ามีใครทาเช่นนี้ได้หรอก
อีกอย่าง เริ่นเสี่ยวซู่ยังมั่นใจด้วยว่าชิ่งเจิ่นมีแผนการขั้นต่อไป แล้วด้วย เป็ นขุมอานาจที่สุดท้ายก็จะใช ้รวบรวมเหล่าโจร
ตอนนี้ เพราะสมาคมตระกูลหยางกาลังก่อสงครามกับสมาคม ตระกูลหลี่ในทางใต้ การป้ องกันทางเหนือจึงเปราะบางอย่างเห็นได้ ชัด อย่างมากก็มีแค่กองก าลังอิสระคอยรักษาการณ์ตามป้ อม ปราการต่างๆ
ถ้ากองทัพโจรเข้าตีทางใต้ขึ้นมา พวกเขาอาจจะไม่ถึงกับล้ม ป้ อมปราการลงมาได้ แต่จะท าลายโรงงานต่างๆ นอกป้ อมปราการ ไม่ใช่เรื่องยาก และนั่นก็ทาให้เศรษฐกิจของสมาคมตระกูลหยางถอย หลังไปสามปี
ขณะเดียวกันนี้สมาคมตระกูลหยางอาจจะคิดว่าโจรทางเหนือ ไม่ได้เป็ นภัยอะไร ก็จะมีสมาคมไหนหวาดกลัวโจรกันล่ะ ปล่อยให้ พวกโจรเล่นกันเองในหุบเขากันไปเถอะ
เจอกับคู่ต่อกรเช่นนี้ สมาคมตระกูลจงและหยางคงต้องเจอ ปัญหาชวนปวดหนักอย่างหนักจริงๆ แล้วล่ะ