The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 628
ซือหยูใจสั่นเมื่อได้ยินคำอธิบายของหลงหวูชิง
วารีวิญญาณที่เหลืออยู่ในกระเป๋าใบเล็กนี่รึ?
เซี่ยนเอ๋อทิ้งโอกาสที่จะได้กลายเป็นภูติเพื่อเก็บสิ่งที่ดีที่สุดให้กับซือหยู! เพียงแค่คิดก็ทำให้ซือหยูกอดเซี่ยนเอ๋อแน่นขึ้น
ซือหยูประทับใจมาก ความรักต่อเซี่ยนเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนลึกซึ้งขึ้น
“ขอบคุณแม่นางหวูชิงที่บอกข้า ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นใด”
ซือหยูยิ้ม ถ้ามิใช่เพราะหลงหวูชิง เขาก็คงไม่รู้ความจริงจากเซี่ยนเอ๋อ
หลงหวูชิงพยักหน้า
“ถ้าเจ้าทำไม่ดีกับเซี่ยนเอ๋อ ข้าจะเป็นคนแรกที่ลงโทษเจ้า! ไม่มีสตรีคนใดที่เหมือนนางอีกแล้วในโลกใบนี้”
“อย่าขู่พี่ซือหยูสิ พี่ซือหยูไม่ทำไม่ดีกับข้าอยู่แล้ว”
เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงขณะที่พูด
…
หลงจื้อชิงเช็ดน้ำตาและใจเย็นลง เขามองซือหยูด้วยแววตาอันสง่างาม
หลงหวูชิงรอดมาได้ก็เพราะซือหยูที่ช่วยเหลือนางกับฉินเซี่ยนเอ๋อ ส่วนวิธีที่ซือหยูทำ…นางไม่ได้อธิบายอะไร เขาจึงไม่ถาม
“พวกผู้เฒ่าที่รออยู่ข้างนอกจะต้องร้อนใจแล้วล่ะ ไปสะสางเรื่องของพวกเราก่อนจะดีกว่า”
หลงจื้อชิงพูด
ซือหยูกับที่เหลือพยักหน้าและเดินออกจากโถง
เอี๊ยด
เมื่อประตูโถงใหญ่เปิดออก ผู้เฒ่าหลายคนจากภายนอกรีบปรี่เข้ามา หลงจื้อชิงมิได้นั่งบนที่นั่งของเจ้าพันธมิตร เขายืนถัดจากบัลลังก์และมองเหล่าผู้เฒ่าจากด้านบน
เขาเหลือบมองใบหน้าแต่ละคนที่มีสีหน้าซับซ้อน
“ฟู่กังซานกับคนของพวกมันถูกกำจัดไปแล้ว นับแต่นี้ไป เราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับผู้รุกราน!”
ทุกคนตัวสั่นเมื่อมองร่างไร้วิญญาณของผู้เฒ่าบนพื้น การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ผู้เฒ่าตายมากเกินไป มีผู้เฒ่าเกือบครึ่งที่ถูกสังหาร!
พวกที่มีระดับสูงในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ถ้าหากมีปัญหาภายในเกิดขึ้นอีก พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็คงจะถูกตัวเองทำลายไปก่อนที่ศัตรูภายนอกจะมาถึง!
“ใช่แล้ว ท่านเจ้าพันธมิตร!”
ทุกคนยอมรับพร้อมกัน
แต่จู่ๆหลงจื้อชิงก็เดินลงมา เขาไปที่ร่างไร้วิญญาณของฟู่กังซานและหยิบเอาแก่นกฎสวรรค์ออกมา
“มีอีกหนึ่งเรื่องที่ข้าจะประกาศกับพวกเจ้า ต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และต่อโลกใบนี้!”
หลงจื้อชิงที่ถือแก่นกฎสวรรค์ในมือดูจริงจังอย่างมาก
ทุกคนตกใจ พวกเขาสงสัยขึ้นมาทันทีว่ามีเรื่องใหญ่อันใดกันถึงต้องประกาศสิ่งนี้กับคนทั้งโลก…
หรือว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังเตรียมที่จะต่อสู้กับผู้บุกรุกต่างโลก?
“หลงจื้อชิงผู้นี้ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าพันธมิตร จะขอก้าวลงจากตำแหน่ง และขอแนะนำซือหยูให้เป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”
หลงจื้อชิงประกาศข่าวอันน่าตกตะลึง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เหล่าผู้เฒ่าระเบิดความโกลาหล
“ท่านเจ้าพันธมิตร! ไม่นะ!”
ผู้เฒ่าเฉินพูดออกมาขณะที่คนอื่นนิ่งเงียบเพราะไม่รู้จะพูดสิ่งใด
เพราะพวกเขาเพิ่งจะกำจัดฟู่กังซานและศัตรูคนอื่นด้วยความยากลำบาก ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาดีที่สุดที่หลงจื้อชิงจะได้สิ่งที่ถูกริบเอาไปกลับคืนมา แต่เขากำลังทิ้งโอกาสอันสมบูรณ์แบบนี้!
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหลงจื้อชิงจะทำใจเอาไว้แล้ว เขาโบกมือและพูดอย่างจริงใจ
“พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีอยู่เพื่อสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์และรักษาอนาคตของโลกของพวกเราเอาไว้ตลอดมา! ข้าทำทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้ว! อย่างที่พวกเจ้าได้เห็น ทวีปกำลังเจอกับความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้าไม่มีพลังที่จะรับมือสถานการณ์นี้ได้ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ต้องการคนที่แข็งแกร่งกว่าและมีความสามารถที่จะเป็นเจ้าพันธมิตร!”
เขาพูดเสริม
“ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทุกคนได้ยินชื่อเสียงของซือหยูมาแล้ว เขาเป็นบุรุษที่มีคุณธรรมสูงส่งและนับถือในความสัมพันธ์เหนือสิ่งอื่นใด! ไม่มีข้อกังขาในพลัง ความสามารถเองก็เป็นที่ประจักษ์แก่พวกท่านทุกคน ดังนั้น ข้าคิดว่าไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่จะเหมาะสมให้เป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่!”
หลงจื้อชิงกำลังจะสละตำแหน่งเจ้าพันธมิตรให้กับซือหยู! ซือหยูตกใจมากเพราะไม่คิดเลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้
แน่นอนว่าซือหยูต้องการปฏิเสธตำแหน่งนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่รัก และเพื่อสตรีที่เขาห่วงหามาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องการช่วยโลก เขาไม่ได้เตรียมตัวจะรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้!
“ท่านเจ้าพันธมิตร โปรดตรองดูใหม่เถิด!”
ผู้เฒ่าเฉินเป็นผู้นำในการแย้งการตัดสินใจนี้
แต่หลงจื้อชิงเตรียมใจมาดีแล้ว
“ไม่มีสิ่งใดต้องชี้แนะข้าอีก ตอนที่ข้าถูกกักขัง ข้ามีเวลาคิดเรื่องนี้มานานนัก! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มิอาจถูกปกครองด้วยคนธรรมดาได้อีกแล้ว ที่นี่ต้องการผู้นำที่ไม่เหมือนผู้ใด วีรบุรุษแห่งฟ้าดินที่แข็งแกร่งเท่าราชาโลกดับสูญ! ข้าแก้ไขปัญหาภายในไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วข้าจะนำพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างไร?”
เขามองทุกคนและบอกเหตุผลสุดท้าย
“แล้วพวกเจ้าก็รู้ดีว่าร่างกายของข้าอยู่ในสภาพไหน ข้าเกรงว่าตัวเองไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าพันธมิตรต่อไปอีกแล้ว! ซือหยูคือคนที่ดีที่สุด! ไม่มีใครอื่นที่เหมาะสมกว่าเขาอีกแล้วในทวีปแห่งนี้!”
หลงจื้อชิงพูดออกมาอย่างหนักแน่น
ในด้านพลัง ซือหยูสามารถสังหารกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงได้ในพริบตา! ในด้านความเป็นผู้นำ เขาคนเดียวสังหารผู้เฒ่าไปมากกว่าครึ่งโดยไร้ซึ่งความเมตตา! นี่คือคุณภาพของผู้นำ ซึ่งซือหยูมีมันทั้งสองอย่าง
ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นรับรู้แล้วว่าหลงจื้อชิงตั้งใจจะสละตำแหน่งจริงๆ พวกเขาถอนหายใจยาว พวกเขาย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องของซือหยู สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างที่เจ้าพันธมิตรพูดจริงๆ พวกเขากำลังอยู่ในจุดที่เลวร้าย พวกเขาต้องการเจ้าพันธมิตรคนใหม่อย่างซือหยู!
ผู้เฒ่าหลายคนเงียบและคิดถึงคำพูดของเจ้าพันธมิตรหลงอย่างจริงจัง เรื่องในตอนนี้อาจจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหากซือหยูกลายเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ เพราะพลังอันไร้เทียมทานของเขาในตอนนี้สำคัญอย่างมากต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
คนเดียวที่หัวเราะอย่างขมขื่นคือตัวซือหยูเอง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีส่วนในการช่วยโลก เพียงคิดไม่นานเขาก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอในตอนนี้ไปก่อน แต่ก่อนที่เขาจะพูดปฏิเสธไปก็มีกลุ่มผู้เฒ่านำโดยเสี่ยวซุยเริ่มมองหน้ากันและพูดออกมาก่อน…
“เดี๋ยวก่อน! ข้าไม่ยอมรับ!”
เสียงดังชัดเจนดังขึ้น เหล่าผู้เฒ่าแหวกทางให้เสี่ยวซุยก้าวออกมาข้างหน้า
เขาเหลือบมองซือหยูและพูดด้วยความมั่นใจ
“โปรดไตร่ตรองดูใหม่เถิดท่านเจ้าพันธมิตร ข้าไม่คิดว่าซือหยูจะมีความสามารถในตำแหน่งเจ้าพันธมิตรหรอก!”
เขาเริ่มอธิบาย
“ในด้านประสบการณ์ ข้าคิดว่าซือหยูยังเด็กเกินไป เขามีประสบการณ์น้อยกว่าผู้เฒ่าอย่างพวกเรามากมายนัก! ในด้านความเป็นผู้นำ เขาเคยเป็นแค่รองเจ้าตำหนัก มันเทียบไม่ได้กับผู้เฒ่าอย่างพวกเราเลย! ด้วยเหตุนี้ ซือหยูเลยไม่เหมาะจะเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่!”
คำพูดของเขาดูมีเหตุผล แต่ในความจริงเขาก็เพียงใช้อายุอันแก่เฒ่าเป็นข้ออ้างในการดูหมิ่นซือหยู เพราะอย่างไรอายุก็มิได้ตัดสินทุกอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะแก่มาก ประสบการณ์ของพวกเขาก็อาจจะเทียบกับซือหยูไม่ได้ก็ได้
ซือหยูเดินทางมาไกลตั้งแต่ตอนที่เป็นผู้ฝึกตนในสำนักเซี่ยนหยู ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยอันตราย เขาผ่านทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดมาแล้ว
แต่เหล่าผู้เฒ่าส่วนมากใช้ชีวิตอย่างสุขสงบปลอดภัยมาโดยตลอด พวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับซือหยู ในด้านความเป็นผู้นำ ไม่ว่าซือหยูจะไม่คู่ควรเท่าใด เขาก็ยังดีกว่าเหล่าผู้เฒ่าที่คิดอ่านเปลี่ยนผู้นำท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย!
หลงจื้อชิงขมวดคิ้วเบาๆ
“ผู้เฒ่าเสี่ยวซุย นี่เป็นเวลาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตในการอยู่รอดของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ท่านคิดให้ดีถึงเรื่องคนที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยจะดีกว่า”
นิสัยของเสี่ยวซุยนั้นทำให้หลงจื้อชิงรำคาญใจ เพราะเขามักจะใช้วัยวุฒิของตัวเองแสวงหาบางสิ่งบางอย่างจากคนส่วนมาก! ถ้าหากเป็นการหารือตามปกติ หลงจื้อชิงก็คงจะมองข้ามไปได้ แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องการเปลี่ยนเจ้าพันธมิตร!
“ท่านเจ้าพันธมิตรหมายความว่ายังไง? ที่ข้าพูดก็คิดมาดีแล้ว!”
เสี่ยวซุยดูไม่พอใจ
“ข้าคิดถึงพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ข้าพูดสิ่งที่คิดออกมาจากใจ! ถ้าท่านคิดว่าข้าไม่ควรพูด เช่นนั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดเถอะ!”
หลงจื้อชิงแอบโกรธแค้นเมื่อเสี่ยวซุยกำลังหันเหเรื่องมาทางเขา ผู้เฒ่าไร้แก่นสารที่ไร้ชีวิตอย่างปลอดภัยเช่นนี้อันตรายยิ่งกว่าคนอย่างฟู่กังซานมากนัก! เขาทำให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงเจ้าพันธมิตรยุ่งเหยิงไปหมด!
“ผู้เฒ่าเสี่ยวซุย! ขอข้าพูดอะไรสักหน่อย”
หลงหวูชิงยืนขึ้นอย่างห้าวหาญ นางพูดอย่างไร้อารมณ์
“ถ้าผู้เฒ่าเสี่ยวซุยคิดว่าการเป็นผู้เฒ่าเป็นเงื่อนไขของประสบการณ์หรือความเป็นผู้นำ แล้วทำไมท่านไม่เทียบพลังกับความสามารถจริงๆของท่านกับซือหยูเล่า?”
นางพูดต่อ
“ตามอายุของท่าน ท่านควรจะเป็นปู่ของซือหยูได้แล้ว ด้วยความต่างวัยเช่นนี้ ทำไมพลังของท่านยังไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ซือหยูเล่า? ถ้าพูดตรงๆ ท่านใช้ชีวิตมายาวนานแบบนี้ แต่ก็ยังได้ดีไม่เท่าซือหยู และท่านมีเวลาให้แก้ไขมันหลายสิบปี! ท่านใช้ชีวิตร้อยปีที่แล้วมาอยู่ในร่างสุนัขหรืออย่างไร?”
นางพูดด้วยความหยิ่งยโส นางดูถูกคนอย่างเสี่ยวซุยที่ใช้อายุกดคนอื่นให้ต่ำลงแม้จะไม่มีพลังเทียบเท่าผู้อื่นเลย นอกจากความรุนแรงแล้ว…คำพูดของนางยังกระทบไปถึงผู้เฒ่าที่เหลือ
แม้แต่หลงจื้อชิงก็ก้าวไปข้างหลังเล็กน้อย เพราะคนรุ่นเก่าทั้งหมดรวมถึงเขาล้วนด้อยกว่าซือหยูในด้านพลัง นางกำลังจะบอกว่านางคิดว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุนัขมาโดยตลอดงั้นรึ?
แต่บางคนก็แอบยอมรับในคำพูดนางที่ว่าอายุมิได้ตัดสินทุกอย่าง พวกเขายังเชื่อว่าผู้ที่อายุน้อยมิควรจะถูกดูถูก เพราะพลังของซือหยูเหนือกว่าคนรุ่นก่อนหน้าไปแล้ว ประสบการณ์เองก็อาจจะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเหล่าผู้เฒ่าเลย
“นี่เจ้า…”
เสี่ยวซุยแอบโกรธแค้นและรู้สึกอับอายมาตลอด
หลงหวูชิงถามอย่างเย็นชา
“ข้าทำไมรึ? แล้วเจ้าล่ะ? ถ้าเจ้าคิดว่าแข็งแกร่งกว่าซือหยูก็ออกมาต่อสู้ซะ! หรือเจ้าคิดว่าเจ้าจะทำให้ผู้บุกรุกจากต่างโลกหวาดกลัวได้เพราะลมปากของเจ้า? ถ้าเจ้าทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ก็หุบปากไปซะ! พันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังเจอเรื่องร้ายแรง พวกเจ้าทุกคนควรจริงจังกับเรื่องนี้! มิเช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะเหลืออะไร ถ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์แตกสลายน่ะ?”
เสี่ยวซุยเสียหน้าตลอดที่นางพูด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่ได้กลัวซือหยู นั่นก็เพราะเขารู้จักคนอย่างซือหยูดีกว่าใครอื่น เขามั่นใจว่าซือหยูจะไม่แตะต้องเขาเพราะคำพูดของเขาแน่
แต่หลงหวูชิงเป็นผู้หญิงป่าเถื่อน นางคงไม่ฆ่าเขาแต่นางกล้าที่จะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าทุกคน ดังนั้นแล้วเขาจึงเลือกที่จะไม่สวนกลับอะไรนาง
หลงจื้อชิงแอบไม่พอใจ เขารู้ว่าเซี่ยวซุยเป็นเช่นนี้เพราะชอบรังแกคนที่ด้อยกว่าและหวาดกลัวคนที่กล้าลงมือกับตัวเอง!
เมื่อทุกคนเงียบลง หลงจื้อชิงหันไปหาซือหยู
“ซือหยู เจ้าคิดจะรับโอกาสใหญ่นี้เพื่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์หรือไม่? เจ้าจักรักษาเพลิงแห่งมวลมนุษย์ให้ลุกโชนต่อไปหรือไม่?”
ตามที่ผู้เฒ่าหลายคนคิด ซือหยูไม่เสียหายที่จะรับตำแหน่ง และข้อเสนอในการเป็นเจ้าพันธมิตรแล้วซือหยูคงไม่ขออะไรที่มากไปกว่านี้ นั่นก็เพราะนี่คือโอกาสดีที่สุดในการเพิ่มอำนาจ นี่คือของขวัญจากสวรรค์ที่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ
แต่ซือหยูก็ปฏิเสธออกมาอย่างชัดเจน
“ขออภัยท่านเจ้าพันธมิตร เกรงว่าข้าจะไม่มีพลังที่จะแบกรับความรับผิดชอบมากมายเช่นนี้! อย่างที่ผู้เฒ่าเสี่ยวซุยพูดไว้ มีอีกหลายเรื่องที่ข้ายังขาดคุณสมบัติ ข้าคงไม่เหมาะจะรับหน้าที่นี้หรอก”
แม้หลายคนจะคิดว่าซือหยูโชคดีที่ได้รับโอกาสนี้ แต่ซือหยูก็เข้าใจว่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะถ่วงแข้งถ่วงขาเขา นอกจากมันจะช่วยเพิ่มพลังของเขาไม่ได้ เขายังต้องปกป้องผู้มีพรสวรรค์มากมายในทวีปอีก
แต่กระนั้น การปฏิเสธของเขาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงและสับสนอย่างน่าตกใจ ทั้งอย่างนั้น หลงจื้อชิงเองก็ดูเหมือนจะคิดเอาไว้แล้ว เพราะซือหยูมิใช่คนที่สนใจเรื่องเกียรติยศหรือผลประโยชน์
“ข้าหวังว่าอย่างน้อยเจ้าจะคิดดูใหม่”
ซือหยูพยักหน้า
“แน่นอน”
การเปลี่ยนแปลงเจ้าพันธมิตรมิได้เกิดขึ้นในท้ายสุด หลังจากที่การประชุมจบลง เหล่าผู้เฒ่าหลายคนจากไป ตอนนี้เหลือเพียงหลงจื้อชิงกับคนอีกไม่กี่คน
“ซือหยู อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันสิ เซี่ยนเอ๋อกับหวูชิงได้สมบัติมาจากที่เดียวกัน พวกนางจะได้บอกวิธีบ่มเพาะมันกับเจ้า มันจะดีสำหรับนางสองคนเดียว จากนั้นก็คงไม่สายไปที่เจ้าจะไปจากที่นี่พร้อมเซี่ยนเอ๋อ”
หลงจื้อชิงแอบพยายามรั้งตัวซือหยูเอาไว้
ซือหยูนั้นรู้ดีว่าหลงจื้อชิงตั้งใจจะทำอะไร แต่เขาก็ลูบมือเล็กๆของเซี่ยนเอ๋อและพยักหน้า
“ก็ได้!”
…
“ผู้เฒ่าเสี่ยวซุย!”
กลุ่มผู้เฒ่าไปรวมตัวรอบผู้เฒ่าเสี่ยวซุยในทันที
“ท่านแสดงพลังออกมาอีกแล้วนะท่านผู้เฒ่า!”
หนึ่งในผู้เฒ่าหัวเราะเมื่อพูด
“นี่ก็สองครั้งแล้วนะที่ท่านเหนือว่าซือหยู?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อีกคนหัวเราะเสียงดัง
“น่าสนใจจริงๆ ข้าคิดไว้แล้วตอนที่ท่านผู้เฒ่าพูดกับซือหยูในครั้งแรก แต่ครั้งที่สองก็เกิดขึ้นอีก! ข้าไม่คิดเลยว่าซือหยูจะปฏิเสธข้อเสนอ! คำพูดของท่านผู้เฒ่าจะต้องจี้ใจซือหยูอย่างจัง เขาคงคิดอย่างที่ท่านพูดและปฏิเสธตำแหน่งเจ้าพันธมิตร!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าหม่นหมองของเสี่ยวซุยเปลี่ยนมาดีขึ้น
“มันจะต้องคิดอะไรเล่า? บางทีมันก็อาจจะมีความคิดอย่างอื่นด้วยเหมือนกัน!”
แม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้าก็แสดงถึงการรับความดีความชอบทั้งหมด เสี่ยวซุยรู้สึกดีขึ้นเมื่อถูกคนรอบข้างเอาใจ
เขานึกถึงสัญญาที่เขาพูดเมื่อกลางวัน
“ทุกคน ถ้าพวกท่านว่าง มาที่กระโจมน้อยในชานเรือของข้าดีกว่า ค่อยไปคุยเรื่องพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตอนที่เราดื่มกัน พวกท่านคิดว่าอย่างไร?”
ผู้เฒ่ารอบๆยอมรับด้วยความยินดี เพราะพวกเขารอมานานเหลือเกินที่จะได้เข้าไปดูกระโจมน้อยในชานเรือของเสี่ยวซุย
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว เราจะไปคุยกันต่อที่กระโจมน้อยชานเรือ! เรื่องคำพูดน่ากลัวของผู้เฒ่าเสี่ยวซุยควรค่าที่จะพูดถึงยิ่งนัก! เราจะต้องเสวนาเรื่องนี้ตลอดการดื่มแน่!”
พวกเขาหัวเราะและเดินตามเสี่ยวซุยไป
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีเมฆาทมิฬค่อยๆเคลื่อนตัวมาที่เรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จากเบื้องบน…